สามปีก่อนหน้า
อัคคีเพลิงลุกโชน เผาทำลายเรือนเยว่สือคฤหาสน์สกุลโจวมอดไหม้ จนแทบมองไม่เห็นตัวโครงเรือน ควันดำลอยขโมงออกมาจากกองเพลิงกระจายไปทั่ว บ่าวรับใช้วิ่งยกน้ำมาสาดดวงไฟดวงใหญ่ให้ดับดาลด้วยความวุ่นวายโกลาหล
จวงมามาเนื้อตัวสั่นเทิ้ม แขนขาด้านชาไปทั้งสองข้าง นางภาวนาให้ภาพที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงแค่ความฝันไปเท่านั้น
ครึ่งชีวิตของนางที่รับใช้ดูแลสกุลโจว ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไฟที่ลุกลามไม่เพียงแต่แผดเผาเรือน ทว่ามันยังแผดเผาจิตใจบ่าวอาวุโสเช่นนางให้เจ็บปวดยิ่งนัก
“จวงมามา...จวงมามา! ” เฝิงมามา..บ่าวใช้อาวุโสอีกนาง วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาด้วยสีหน้าซีดเผือด ไม่สู้ดีนัก
“มีอะไรหรือ เจ้าหายไปไหนมา เหตุใดถึงไม่มาช่วยข้าดับไฟ แล้วนี่นายท่านกับฮูหยิน ยังไม่กลับมาจากวังหลวงใช่หรือไม่”
สิ้นเสียง หยาดน้ำตาของเฝิงมามาก็ไหลทะลักออกมาจากขอบตา นางสติหลุดร่ำไห้หนัก พลางใช้นิ้วชี้ไปที่เรือนเยว่สือที่กำลังมอดไหม้อยู่
จวงมามาที่เห็นเช่นก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ "อะไรของเจ้า...เฝิงมามา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าร้องไห้ทำไม"
"ฮะ ฮูหยิน...นะ นายท่าน" เฝิงมามาพูดไปร่ำไห้ไป จับไม่เป็นคำพูด
"ทำไม! ฮูหยินกับนายท่านทำไมหรือ เกิดอะไรขึ้น"
"ฮูหยินกับนายท่านอยู่ข้างในเรือนเยว่สือ ฮืออ...ช่วยนายท่านกับฮูหยินด้วย"
ยามนั้นจวงมามารู้สึกเหมือนในหัวสมองว่างเปล่ากลวงโบ๋ นางแทบจะล้มทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้ ยามนี้นายท่านกับฮูหยินกำลังแขวนชีวิตอยู่ในกองเพลิงอย่างนั้นหรือ
จวงมามาพยายามเรียกสติกลับคืนมา ก่อนที่จะหันหน้าไปตะโกนสั่งการบรรดาบ่าวรับใช้น้ำเสียงสั่นเครือ "พวกเจ้า! มัวชักช้าอยู่ไย รีบดับไฟให้ดับมอดเสีย หากนายท่านและฮูหยินเป็นอะไรไป พวกเจ้าจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
สิ้นเสียง บ่าวรับใช้เหล่านั้นก็ก้มศรีษะเอ่ยรับคำอย่างพร้อมเพรียงและเร่งมือดับไฟให้ไวขึ้น
ขณะนั้นเอง โจวเฟิ่งเจี๋ย คุณชายใหญ่โจวและโจวเฟิ่งอี้ คุณชายรองโจว เมื่อรู้ว่าบิดามารดากำลังติดอยู่ด้านในเรือนเยว่สือ พวกเขาก็รีบวิ่งพุ่งตรงเข้ามาในที่เกิดเหตุทันที
เฟิ่งเจี๋ยไม่รีรอรีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก และวิ่งเข้าไปช่วยบิดามารดาที่ติดอยู่ในเรือน ทว่าแขนของเขากลับถูกดึงรั้งด้วยมือมือหนึ่งเอาไว้เสียก่อน
"คุณชายอย่าเข้าไปเลยนะเจ้าคะ ข้างในนั้นอันตรายมากเลยนะเจ้าคะ" ดวงตาที่มีน้ำตาคลอของจวงมามาฉายแววห่วงใยยิ่ง นางเลี้ยงดูประคบประหงมคุณชายโจวมาเหมือนดั่งเป็นบุตรชายในสายเลือด นางจักไม่ยอมปล่อยให้เขาตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่
"จวงมามาปล่อยข้า! ท่านจะปล่อยให้ท่านพ่อ ท่านแม่ข้าตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นหรือ" เฟิ่งเจี๋ยหันไปตะคอกใส่อย่างไร้สติ ก่อนที่จะสะบัดแขนให้หลุดออก และเดินมุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด
แต่ถึงกระนั้น จวงมามาก็ยังไม่ละความพยายาม นางตะโกนเรียกบ่าวชายแถวนั้นให้เข้าไปแทนเฟิ่งเจี๋ยอย่างเสียสติ “พวกเจ้า! เข้าไปข้างในแทนคุณชาย จะนิ่งอยู่ไย ข้าบอกให้เข้าไปข้างในแทนคุณชายอย่างไรเล่า!! ”
เฟิ่งอี้ที่เห็นเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้น "จวงมามาให้ท่านพี่เข้าไปเถิด หากไม่มีผู้ใดเข้าไป ท่านพ่อท่านแม่จะต้องมีอันตรายเป็นแน่"
คำพูดนั้นสามารถหยุดยั้งจวงมามาเอาไว้ได้ นางได้แต่มองแผ่นหลังของเฟิ่งเจี๋ยหายเข้าไปในกองไฟด้วยใบหน้าสลด พลางภาวนาต่อเบื้องบนในใจ
สวรรค์...ได้โปรดคุ้มครองคุณชายให้ปลอดภัยด้วย
ในเปลวไฟที่ร้อนระอุลุกโหมดุจทะเลเพลิงที่เกรี้ยวกราด เฟิ่งเจี๋ยผ่อนฝีเท้าก้าวเดินอย่างระมัดระวัง ยกแขนขึ้นปิดจมูกแน่น ไม่ให้สำลักควันไฟ
เขาใช้สายตากวาดมองและส่งเสียงเรียกบิดามารดาด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางควันเขม่าดำที่ลอยโขมง สายตาอันคมกริบของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างของบิดามารดากำลังถูกห้อมล้อมรอบทิศไปด้วยดวงไฟขนาดใหญ่ที่กำลังจู่โจมแผดเผาร่างกายพวกเขาให้สลายไปจนสิ้น
ในยามนั้นสัญชาตญาณและเสียงให้หัวสมองของเฟิ่งเจี๋ยสั่งการให้เขาฝ่าดงไฟเข้าไปและแบกร่างของทั้งสองออกมาให้เร็วที่สุด
เขาเร่งฝีเท้าเข้าไปประชิดดวงไฟมากขึ้นเรื่อย ๆ เดินหลบเลี่ยงเศษซากไม้ติดไฟที่ร่วงหล่นลงมาจากเพดานและหลังคาจนมาถึงดวงไฟนั้น
เขาถอดเสื้อคลุมตัวในออกเผยเรือนร่างกำยำเปลือยเปล่า ใช้เสื้อคลุมตัวนั้นฟาดไปที่เปลวไฟให้ดับเพื่อเปิดทางและพุ่งกายเข้าไปโอบกอดร่างบิดามารดาทันที
“ท่านพ่อ...ท่านแม่…” เฟิ่งเจี๋ยเขย่ากายทั้งสองให้ฟื้นคืนสติ พลันเลื่อนมือไปตรวจสอบลมหายใจที่ปลายจมูก
แล้วก็พบว่ายามนี้หัวใจของเขากำลังแตกสลาย...
เพราะฮูหยินและนายใหญ่โจวได้สิ้นลมหายใจไปเสียแล้ว
“ท่านพ่อ!!!! ท่านแม่!!! ”
เฟิ่งเจี๋ยแผดเสียงคำรามลั่นด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ถึงแม้จะรู้ว่ายามนี้บิดา มารดาสิ้นใจไปแล้ว ทว่าจิตใจกลับไม่ยอมรับและคิดว่าสิ่งนั้นเป็นเพียงแค่สิ่งลวงตา
เขาทยอยแบกร่างอันไร้วิญญาณของบิดา ตามด้วยร่างของมารดาออกมาจากดวงไฟดวงนั้นเพื่อหวังจะพาตัวทั้งสองคนออกไปรักษา
ทว่าในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืน ซากไม้ติดไฟขนาดใหญ่ก็พลันร่วงหล่นลงมาทับร่างของเขาจนล้มหมดสติลงไปกองกับพื้น
ท่านพ่อ
ท่านแม่
ข้าพร้อมที่จะไปอยู่กับท่านทั้งสองแล้ว
.
.
.
"คุณชาย...ฟื้นสิเจ้าคะ...คุณชาย"
สุ้มเสียงแหบพร่าที่คุ้นหูแว่วเข้ามาในโสตประสาท
เฟิ่งเจี๋ยขยับดวงตาที่หนักอึ้งเปิดขึ้นช้า ๆ เสียงของจวงมามาเขาจำได้ดี ทว่าดวงตาเขากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เสียแล้ว ทั้งเจ็บปวดทั้งพร่ามัว เขามองเห็นเพียงเงาตะคุ่มสีขาวเลือนรางจาง ๆ เพียงเท่านั้น
“จวงมามาหรือ…” เฟิ่งเจี๋ยพรูลมหายใจรวยริน เอ่ยเสียงแผ่ว
จวงมามาที่เห็นว่าคุณชายโจวฟื้นแล้ว นางก็รีบเอ่ยตอบกลับทันใด “ใช่เจ้าค่ะ บ่าวเองเจ้าค่ะ”
“แล้วท่านพ่อท่านแม่ข้าล่ะ...พวกท่านฟื้นขึ้นมาเหมือนกับข้าใช่หรือไม่” เฟิ่งเจี๋ยลุกขึ้นนั่ง เอ่ยถามด้วยท่าทางลนลาน “ข้าเห็นอีกเงาหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าข้า ท่านพ่อ ท่านแม่...
นั่นท่านใช่หรือไม่”
จวงมามาที่เห็นท่าทางเช่นนั้น ก็จุกแน่นไปทั้งอกจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ “...นายท่านกับฮูหยินถูกส่งตัวไปรักษาที่ห้องโถงแล้วเจ้าค่ะคุณชาย”
"ข้าเห็น...โอ๊ย!!! " เฟิ่งเจี๋ยเลื่อนมือไปจับดวงตา กล่าวอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด
"คุณชายเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ"
“เจ็บ...ข้าเจ็บเหลือเกิน”
“คุณชายนอนรอก่อนนะเจ้าคะ ยามนี้บ่าวให้คนไปเรียกท่านหมอมาดูอาการคุณชายแล้ว ประเดี๋ยวก็คงมาถึงเจ้าค่ะ”
เฟิ่งเจี๋ยผงกศีรษะเนิบช้า จวงมามาจึงเข้าไปจับพยุงกายเขาเอนนอนบนเตียงดังเดิม
หลังจากนั้น จวงมามาก็เดินวนไปมาด้วยความลุ่มร้อนใจ
เพียงไม่นาน สาวใช้นางหนึ่งก็วิ่งกุลีกุจอเข้ามาในเรือนและตะโกนเสียงดัง "จวงมามาเจ้าคะ...ท่านหมอมาแล้วเจ้าค่ะ"
เสียงนั้นเสมือนเสียงมาจากสรวงสวรรค์ นางเบิกตากว้างด้วยความดีใจ "รอช้าอยู่ไย...รีบเชิญท่านหมอเข้ามาสิ! "
"เจ้าค่ะจวงมามา" สาวใช้รับคำและเดินกลับมาพร้อมกับหมอท่านหนึ่งภายในเวลาไม่นาน
หมอที่เรียกมารักษาเฟิ่งเจี๋ยมีนามว่า เว่ยหยวน หมอผู้นี้เป็นหมอเทวดาที่ดูแลรักษาสกุลโจวมายาวนาน เขาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี ไว้หนวดสีขาวยาวเฟิ้มมาถึงหน้าอก สวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม ท่าทางสุขุม ดูน่าเชื่อถือยิ่งนัก
จวงมามาย่อกายคารวะ ก่อนจะเอ่ยวิงวอนด้วยน้ำตารื้นชื้น "ท่านหมอ...คุณชายใหญ่เข้าไปช่วยนายท่านกับฮูหยินในขณะที่เรือนกำลังเกิดไฟไหม้ หลังจากที่ออกมา คุณชายก็มีสภาพเช่นนี้ ท่านหมอช่วยรักษาคุณชายด้วย"
หมอเว่ยหยวนผงกศีรษะตอบรับเชื่องช้า ก่อนที่จะเดินแหวกม่านโปร่งเข้าไปดูอาการเฟิ่งเจี๋ยด้านใน
เฟิ่งเจี๋ยในยามนี้มีสภาพคล้ายฟื้นคล้ายไม่ฟื้น เขาได้ยินทุกคำพูดของคนหลังม่านโปร่ง แต่ภาพเลือนรางทำให้เขารู้สึกว่าตนเองกำลังล่องลอยอยู่ในภวังค์ มีสติรู้ตัวทว่าอ่อนแอนัก ร่างกายที่บอบช้ำทำได้แต่เพียงนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนอนเท่านั้น
หมอเว่ยหยวนไม่รีรอที่จะทำการรักษา ตรวจดูอาการเบื้องต้นโดยการจับชีพจร ปลดเปลื้องอาภรณ์ดูว่ามีบาดแผลบนร่างกายหรือไม่ แล้วก็พบว่ามีบาดแผลเป็นรอยไหม้ดำและรอยช้ำบวมแดงปรากฏอยู่หลายตำแหน่งจากการถูกไฟไหม้ ทั้งบริเวณขา แขนและแผงอก จึงเดาได้ไม่ยากว่าในขณะที่คุณชายกำลังเข้าไปช่วยฮูหยินและนายท่านนั้น ร่างกายของเขาจะต้องสัมผัสโดนเปลวไฟเข้าอย่างรุนแรงเป็นแน่
"คุณชายได้ยินเสียงข้าหรือไม่" หมอเว่ยหยวนทดสอบการได้ยินของเฟิ่งเจี๋ยเป็นอันดับแรก
เฟิ่งเจี๋ยพยักหน้าเนิบช้า ส่งสัญญาณว่าเขาได้ยินเสียงของหมอเว่ยหยวนทุกคำพูด
"นอกจากแขน ขาและหน้าอก คุณชายเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่" หมอเว่ยหยวนซักถามอีกครั้ง
"ตา...ข้าเจ็บที่ตาข้า เจ็บแสบเหลือเกิน ข้าไม่อาจลืมตาได้มากกว่านี้"
หมอเว่ยหยวนใช้มือสัมผัสที่เปลือกตาของเขาเบาๆ เพ่งดูอย่างใจจดจ่อ แล้วก็พบว่าดวงตาของเฟิ่งเจี๋ยยามนี้มีสีม่วงคล้ำ เลือดไหลซึมอยู่ที่เปลือกตาทั้งสอง อาการน่าเป็นห่วงยิ่ง
เฟิ่งเจี๋ยส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพียงแค่แตะเบา ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บแสบเหมือนเอาไฟร้อนมารนที่ดวงตา
"ดวงตาคุณชายได้รับความเสียหายหนักพอ ๆ กับส่วนอื่น" เว่ยหยวนเอ่ยเสียงเรียบ
"แล้วดวงตาข้าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกหรือไม่"
"ดวงตาของคุณชายเพิ่งได้รับความเสียหาย ข้ายังไม่อาจตอบได้ คุณชายพักผ่อน กินยาที่ข้าจ่ายเถิด แล้วข้าจะมาดูอาการของคุณชายอีกครั้ง"
เฟิ่งเจี๋ยผงกศีรษะตอบรับ
หลังจากที่ตรวจอาการจนเสร็จสิ้นแล้ว หมอเว่ยหยวนก็เดินออกมาหาจวงมามาที่ด้านนอกม่านโปร่ง
"คุณชายเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะท่านหมอ" จวงมามาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นลน
"คุณชายมีบาดแผลสดตามร่างกาย แขน ขาและหน้าอก เพราะถูกไฟไหม้ ท่านจงนำยานี้ไปทาแผลให้คุณชายเสีย" หมอเว่ยหยวนเอ่ยพลางยื่นขวดยาสีดำทึบส่งให้จวงมามา ตามด้วยห่อยาสีน้ำตาลอีกหนึ่งเทียบ "ส่วนยานี้ ท่านจงต้มให้คุณชายดื่มกิน ธาตุในร่างกายของคุณชายจะได้กลับมาสมดุลเหมือนเดิม"
สิ้นเสียง จวงมามาก็ยื่นมือรับยาเหล่านั้นมาไว้กับตัว
"ยามนี้จะเป็นห่วงก็แต่…" หมอเว่ยหยวนเอ่ยด้วยท่าทางอึกอัก
"ท่านหมอหมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ" จวงมามาเอ่ยถามด้วยสีหน้าวิตกกังวล
"ดวงตาของคุณชายโจวได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก คุณชายอาจจะมองไม่เห็นไปจนชั่วชีวิต"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จวงมามาก็ยกมือขึ้นป้องปาก เบิกตากว้างโตด้วยความตกใจ "จะ จริงหรือเจ้าคะท่านหมอ"
“หากข้านำตัวของคุณชายโจวไปรักษาที่สำนักกับอาจารย์บนเขาสูง เจ้าจะยินยอมหรือไม่”
คำถามสุดท้ายที่ออกมาจากปากของหมอเว่ยหยวนในวันนั้น จวงมามาไม่ได้ตกปากรับคำในทันที
แต่สุดท้ายแล้ว...ความหวาดกลัวที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ก็กัดกินหัวใจนางทีละเล็กทีละน้อย
จนในที่สุดนางก็ตอบรับและส่งตัวเฟิ่งเจี๋ยไปรักษาตัวกับหมอเว่ยหยวนที่สำนักบนเขาสูงในวันถัดไป เพราะในยามนี้คงไม่มีอะไรสำคัญเท่าชีวิตของคุณชายโจวอีกแล้ว
นางยืนมองร่างอันไร้สติของคุณชายโจวถูกแบกหามขึ้นรถม้าด้วยสายตาละห้อยนางได้แต่พร่ำภาวนาในใจ สวรรค์! คุ้มครองคุณชายโจวให้รักษาตัวกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยเถิด