"มี่อิง...ตื่นได้แล้ว" จางเยาเยาเอ่ยเรียกหลานสาวพลางใช้มือเขย่ากายปลุกให้ตื่น
"โธ่...ท่านย่า อย่างไรเสียเราก็ต้องย้ายออกไปอยู่ดี ให้ข้านอนต่ออีกสักหน่อยไม่ได้หรือ" มี่อิงเอ่ยเสียงงัวเงียอยู่ในลำคอ ในขณะที่ดวงตาของนางยังคงปิดอยู่
“ค่อยย้ายเถิด วันนี้ข้ามีลูกค้าคนสำคัญจะเข้ามาดูดวงกับเจ้า ดูเหมือนจะเบี้ยหนักไม่น้อย”
นัยน์ตาสีอำพันพลันเบิกขึ้น หันมองหญิงชราด้วยแววทอดถอนใจ “ท่านย่าจะมาห่วงอะไรกับเบี้ยแค่คนคนเดียว เราจะไปเริ่มต้นใหม่กันแล้วแท้ ๆ ”
“พอเก็บเงินได้แล้ว เจ้าก็ไม่เห็นค่าของเงินทองแล้วงั้นหรือ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อยท่านย่า"
"เช่นนั้นก็เชื่อข้า...หลังจากดูดวงให้เศรษฐีผู้นี้เสร็จแล้ว เราค่อยทยอยขนย้ายของออกไปก็ยังไม่สาย”
มี่อิงพรูลมหายใจยาว ค่อย ๆ ตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากฟูกนอน เดินไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำเล็ก ๆ ทางด้านหลังด้วยหน้าตาบูดบึ้ง
ส่วนจางเยาเยาก็แยกย้ายไปเตรียมอาหาร ทำความสะอาดห้องหับ แล้วเดินไปยืนรอต้อนรับลูกค้าคนสำคัญผู้นั้นด้านหน้าสำนัก
หญิงชราในชุดคลุมยาวสีครามสง่า กวาดสายตามองภายในสำนักดูดวงจนถึงหน้าประตูด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
ที่จริงแล้วนางรู้สึกใจหาย...ในใจยังคงยึดติดกับงานและสถานที่พักพิงอาศัย แต่ไม่อาจเอ่ยออกไปตรง ๆ เพราะเกรงว่ามี่อิงจะไม่สบายใจ นางเชื่อว่าการที่ได้มาอยู่ในสถานที่ไหนสักแห่งนาน ๆ ล้วนมีความผูกพันธ์กันมาก่อนตั้งแต่ภพภูมิที่แล้ว ชีวิตก็เช่นกัน ทุกสิ่งไม่ว่าจะเริ่มต้นหรือบรรจบเบื้องบนล้วนกำหนดเอาไว้ทั้งสิ้น
จี๋เสียงหยูอี้ คือคำมงคลที่นางเป็นคนตั้งให้กับสำนักดูดวงแห่งนี้ นางยังจำได้ดีตอนที่มี่อิงบรรจงใช้พู่กันจุ่มสีเหลืองทองอร่ามตวัดเขียนบนแผ่นไม้ ก่อนที่จะนำไปแขวนไว้บนประตูเหนือสำนัก ยามนั้นบุบผาที่เคยเหี่ยวเฉาในใจก็เบ่งบานขึ้นมาอีกครั้งอย่างมีความหวัง
"ท่านย่า...ชายผู้นั้นมาหรือยัง" มี่อิงโผล่ออกมาจากประตูครึ่งดวงหน้า เอ่ยกระซิบถามจางเยาเยาเบา ๆ
จางเยาเยาหันไปเอ่ยหน้านิ่ว "เจ้าเข้าไปอยู่ในห้องดูดวงไป...อย่าออกมาเดินเพ่นพ่าน หากชายผู้นั้นมาแล้ว ข้าจะพาเข้าไปเอง"
สิ้นคำสั่ง มี่อิงก็เดินเข้าไปในห้องดูดวงดังเดิม...
จางเยาเยาหันหน้ากลับมาชะโงกศีรษะยืนรอลูกค้าคนสุดท้ายของนางต่ออย่างใจจดใจจ่อ
ในขณะนั้นเอง ก็มีหญิงสาวร่างบางสะโอดสะองผู้หนึ่งเดินมาหยุดด้านหน้าสำนักดูดวง ใช้สายตาอันเปล่งประกายเลื่อนอ่านป้ายประจำสำนักด้วยความสนใจและเดินเข้าไปถามกับหญิงชรา "ท่านคือแม่หมอประจำสำนักดูดวงแห่งนี้ใช่หรือไม่"
จางเยาเยาตอบไม่และส่ายศีรษะ "สำนักดูดวงแห่งนี้ปิดตัวลงแล้ว เจ้าไปดูดวงที่อื่นเถิด"
หญิงสาวคว่ำตาปาก เผยสีหน้าผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด "เพิ่งปิดหรือ...ท่านผู้เฒ่าช่วยพาข้าเข้าไปดูดวงก่อนจะปิดสำนักได้หรือไม่"
ใบหน้าของจางเยาเยาแต้มรอยยิ้มจาง ๆ พลางคิดในใจ เปิดสำนักดูดวงมาก็หลายปี ลูกค้าแต่ละคนนางแทบจะคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องให้เข้าไปดูดวง แต่ยามนี้กลับมีสตรีแปลกหน้ามาขอร้องอ้อนวอนอยากดูดวง นี่สวรรค์กลั่นแกล้งกันอย่างนั้นหรือ?
"เจ้าอย่ากดดันข้าเลย ทุกอย่างล้วนแต่ฟ้าลิขิต ยามนี้แม่หมอละวางหน้าที่จากสำนักดูดวงจี๋เสียงหยูอี้แล้ว เจ้าลองเดินไปดูที่สำนักอื่นเบื้องหน้าเถิด"
"หากท่านผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนั้นข้าก็จนใจ" หญิงสาวเอ่ยพลางหันตัวกลับไป เดินมุ่งหน้าตรงไปในตลาดดังเดิม
แท้ที่จริงแล้วนางก็อยากจะรับสตรีผู้นี้เข้ามาดูดวงอยู่หรอก แต่จิตใจของนางกับจดจ่อกับลูกค้าคนสำคัญผู้นั้นเสียมากกว่า
เริ่มจากที่นางได้ไปให้ตกปากรับคำกับสหายคนสนิทที่บอกว่ามีคุณชายสกุลใหญ่โตจะมาขอดูดวงด้วย เรื่องนั้นเกิดขึ้นก่อนที่มี่อิงจะนำถุงเงินมาให้เสียอีก นางจึงไม่อยากที่จะเสียคำพูด และคิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร หากได้เบี้ยมาเพิ่มก่อนที่อำลาวงการหมอดู
"ท่านผู้เฒ่า...ที่นี่ใช่สำนักดูดวงจี๋เสียงหยูอี้ใช่หรือไม่"
เสียงเข้มทุ้มจากบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยดังขึ้น ทำให้หญิงชราหลุดจากห้วงแห่งความคิด
นางหันมองตามต้นเสียง แล้วก็พบกับชายหนุ่มผู้หนึ่งใบหน้าคมเข้ม ไหล่ผายสง่า สวมชุดสีกรมท่า สาบเสื้อพับไปทางขวากุ๊นขอบสีดำเข้ม ด้วยสัญชาตญาณนางมองปราดเดียวก็รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้มีราศีจับที่ใบหน้า จะต้องเป็นผู้มีฐานะและเป็นคนที่สหายของนางแนะนำมาเป็นแน่
"ท่านคือคนที่หลัวซาแนะนำมาอย่างนั้นหรือ" จางเยาเยายิ้มกล่าว
"ใช่...ท่านผู้เฒ่าพาข้าเข้าไปข้างในที อย่าชักช้าอีกเลย"
จางเยาเยาพยักหน้าช้า ๆ รับคำ ก่อนที่จะหันกายเดินนำชายผู้นั้นเข้าไปด้านในสำนักดูดวง
ชายหนุ่มผู้นั้นก้าวเท้าเดินตามหญิงชราเข้าไปในห้อง พลางกวาดสายตาสำรวจมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตรงกันข้ามกับมี่อิง
มี่อิงชำเลืองตามองชายหนุ่มผู้นั้น พลางขบคิดในใจ บุรุษผู้นี้สวมอาภรณ์ที่มีราคาสูง หน้าผากกว้าง จมูกโด่งสวย โครงหน้าโดยรวมก็ดูน่ามอง เหมือนดั่งมีแสงเปล่งประกายแวววาวออกมาจากตัว
ชายผู้นี้จะต้องเป็นคุณชายผู้มีเคหาสน์ร่ำรวยใหญ่โตแบบที่ท่านย่าได้กล่าวไว้และจะต้องจ่ายหนักเป็นแน่...ข้าคงต้องเอาใจเสียหน่อยแล้ว
"บนโต๊ะไม้นั่นมีชาที่เพิ่งชงเสร็จ หากท่านกระหาย ก็เชิญไปรินดื่มได้ตามสบาย" มี่อิงระบายยิ้มอ่อนหวาน
ชายผู้นั้นส่ายศีรษะ แสดงแววตาเย็นชาแข็งกร้าว ที่มองเข้าไปแล้วรู้สึกเย็นเยียบไปถึงหัวใจ
มี่อิงมีท่าทีอึกอักเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดต่อ "ทะ ท่านมีนามว่าอะไร…"
"ข้าไม่ประสงค์บอก" ชายผู้นั้นตอบห้วน ๆ
"แล้วท่านต้องการให้ข้าช่วยเหลือเรื่องอันใด"
"เจ้าเป็นหมอดูมิใช่หรือ ไฉนถึงมาถามข้า"
หว่างคิ้วของมี่อิงพันขมวดมุ่น นี่ท่านย่าพาลูกค้าประเภทไหนส่งมาให้ข้ากันแน่?
มี่อิงยกแขนเสื้อขึ้นมาบดบังใบหน้า หัวเราะเบา ๆ อย่างมีจริต "ฮ่าฮ่า! จริงของท่าน ข้าคือหมอดู เหตุใดข้าจะไม่รู้กันเล่า"
"เช่นนั้น...เชิญท่านแม่หมอดูดวงให้ข้า อย่าได้ชักช้ากว่านี้เลย"
มี่อิงคลี่ยิ้มอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนที่จะเอ่ยถามต่อ "ข้าขอทราบวันเวลาเกิดของท่านได้หรือไม่"
"ไม่ได้"
"เอ๊ะ! นี่ท่าน! " มี่อิงถลึงดวงตากลมโต เริ่มโทสะ
"ข้าไม่ประสงค์บอก"
พิลึกคนนัก! มาดูดวงแต่ไม่ยอมบอกอะไรข้าเลย ถึงแม้ข้าจะพอมีความรู้ศาสตร์นี้มาบ้าง แต่หากไม่บอก ข้าจะเดาถูกได้อย่างไรล่ะ? ข้าไม่ใช่เทพเซียนเสียหน่อย
มี่อิงปรายตามองอย่างกังขา นางพยายามควบคุมเส้นเสียงให้อ่อนลงหวังให้ชายผู้นั้นเชื่อฟังนางมากขึ้น "หากท่านไม่ยอมบอก...ข้าก็ดูดวงให้ท่านไม่ได้"
"เพราะเหตุใด เพราะเจ้าเป็นหมอดูจอมปลอมอย่างนั้นหรือ"
ใบหน้าของมี่อิงร้อนผ่าวด้วยความโกรธ นางอยากจะลุกขึ้นไปกระชากคอเขาลงมาตบสักฉาดสองฉาดเสียให้รู้แล้วรู้รอด "เจ้าอย่ามาพูดพล่อย ๆ ข้าเป็นหมอดูตัวจริง เจ้าไม่รู้หรือ...ว่าการดูหมิ่นแม่หมอเช่นข้า ชะตาเจ้าอาจจะขาดได้"
"ข้าไม่อยากเสียเวลากับเจ้า หากเจ้าเดาเกี่ยวกับตัวข้าถูก ข้าจะยอมจ่ายให้เจ้าหนัก ๆ เจ้าว่าอย่างไรล่ะ"
สุดท้ายแล้ว...คำพูดท้าทายก็สามารถยั่วยุมี่อิงได้สำเร็จ นางกระตุกมุมปากเล็กน้อย เอ่ยเสียงหยัน "หากท่านอยากลองดี ก็เชิญเลย"
ชายหนุ่มผู้นั้นจึงเริ่มเอ่ยถาม...
"ข้าทำอาชีพอะไร"
"ท่านรับราชการทหาร"
"ข้าแต่งงานแล้วหรือยัง"
"ท่านแต่งงานแล้ว"
"ข้าชอบสตรีแบบไหน"
"ทะ ท่านชอบบุรุษ"
"ข้าเคยฝันแปลกประหลาดหรือไม่"
"ไม่เคย"
"ที่เจ้าตอบมาผิดทั้งหมด" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น
"ไม่จริง! ต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติเป็นแน่" มี่อิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แสดงท่าทีลุกลี้ลุกลน คว้าถ้วยน้ำชาขึ้นมากระดกดื่มหมดในรวดเดียวแก้อาการเคอะเขิน
"อยากให้ข้าลองทำนายเกี่ยวกับเจ้าดูบ้างหรือไม่" ชายหนุ่มเอ่ยถามบ้าง
มี่อิงนิ่งเงียบไม่เอ่ยตอบอะไรกลับ
ชายหนุ่มผู้นั้นจึงฉวยจังหวะนั้นเอ่ยต่อทันที "ดูจากสภาพเจ้าแล้ว ข้าเดาอนาคตได้ไม่ยาก”
“จะ เจ้าหมายถึงอะไร อนาคตข้าจะเป็นอย่างไร” มี่อิงเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก
“อนาคตข้างหน้า ข้าเห็นเจ้าอยู่ในที่ที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง”
“ขะ ข้าอยู่ที่ไหน”
.
.
.
“ในคุกยังไงล่ะ!!! ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มี่อิงก็เบิกตาโตด้วยความตกใจ นางลุกขึ้นยืนเตรียมจะวิ่งหนีโดยสัญชาตญาณ
แต่ชายผู้นั้นพลันหมุนกาย เหวี่ยงแขนอันแข็งแกร่งรวบเอาร่างอันบอบบางของมี่อิงดึงเข้าประชิดตัวไว้ก่อน
มี่อิงรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ร่างกายไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ ในหัวสมองเกิดคำถามผุดขึ้นมามากมาย
ชายผู้นี้เป็นใคร?
มาจากไหน?
เป็นอริข้าหรือ?
แต่ข้าก็ไม่เคยมีอริไม่ใช่หรือ?
มี่อิงพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมตัว แต่ดูเหมือนว่า แม้จะพยายามดิ้นกายให้แรงเสียเท่าไหร่ แรงของสตรีก็ไม่อาจสู้แรงของบุรุษได้อยู่ดี “นี่เจ้า! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! เจ้าเป็นใครกันแน่ ไฉนถึงมาจับตัวข้า”
“ไปกลับข้า!! ชีวิตของเจ้าจบสิ้นลงแล้ว”ชายหนุ่มตะคอกเสียงหนักแน่น
“ไม่! ข้าไม่ไป! ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย”
"ไม่ได้ทำอะไรผิดหรือ...ความเป็นจริงข้าไม่จำเป็นต้องมานั่งทดสอบเจ้าเสียด้วยซ้ำ เพราะชาวบ้านหลายคนในละแวกนี้ ต่างพากันไปฟ้องร้องต่อศาล เรื่องที่เจ้ากับย่าของเจ้าทำการหลอกลวงเงินชาวบ้าน"
มี่อิงเปิดตากว้างโตด้วยความตกใจ แย่แล้ว...ชายผู้นี้จะต้องเป็นคนที่ถูกส่งมาจากทางการเป็นแน่ ใครจะโง่อยู่ให้จับกันล่ะ!
สิ้นสุดความคิด มี่อิงก็รวบรวมพลังแรงกายทั้งหมดที่มี ขบฟันกัดไปที่แขนของชายหนุ่มผู้นั้นอย่างสุดแรง
"โอ๊ย!!! " ชายหนุ่มร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด จนเผลอปล่อยแขนออกจากตัวของมี่อิงอย่างไม่ทันรู้ตัว "นี่เจ้า! กล้าดีอย่างไรมากัดแขนข้า"
มี่อิงเมื่อหลุดจากการจับกุมตัว นางก็ไม่สนใจอะไรอีก นางรีบจ้ำเท้าวิ่งหนีออกมาจากห้องดูดวงจนสุดชีวิต ฉุดแขนของจางเยาเยาที่ยืนอยู่หน้าสำนักดูดวงวิ่งหนีไปกับนางด้วย "ท่านย่า ๆ หนีเร็ว! "
"ชะ ช้าก่อน" จางเยาเยามึนงง สงสัยในใจว่าเหตุใดหลานของนางถึงฉุดนางวิ่งออกมาเช่นนี้ แต่ก็ยังคงก้าวเท้าวิ่งไปต่ออย่างทุลักทุเล "มี่อิง...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!!! "