ตอนที่ 10 ความพยายามย่อมชนะทุกสิ่ง (2)

2360 คำ
  ประตูไม้หนานมู่ลายฉลุส่งเสียงแอ๊ดและเปิดออก มี่อิงเดินเข้ามาในเรือนพักของจวงมามาที่ถูกสร้างแยกไว้ท้ายสวนแปลงสมุนไพรด้านหลังจวนสือโฮ่ว เมื่อก้าวเข้ามาด้านใน ก็พบว่าจวงมามายามนี้กำลังนั่งพิงหมอนอิงสีแดงชาดใบใหญ่ ปิดตาหลับสนิทอยู่ นางจึงเรียกปลุกบ่าวอาวุโสด้วยน้ำเสียงค่อย "จวงมามาเจ้าคะ...มี่อิงมาแล้วเจ้าค่ะ" สิ้นเสียง จวงมามาก็ค่อย ๆ เบิกตาลืมขึ้นอย่างเนิบช้า แต่พอเห็นใบหน้าของมี่อิงชัดเจนนางก็เอ่ยตำหนิไม่ยั้งปาก "ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริง ๆ เหตุใดถึงได้สร้างเรื่องเช่นนี้ เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่า หากจ ..." "พะ พอก่อนเจ้าค่ะ ข้ายอมรับผิดทั้งหมดแล้ว ในยามนี้ข้าไม่มีทางเลือก ก็จวงมามาเล่นหลบหน้าข้าเสียอย่างนั้น แล้วข้าจะเข้าหาท่านได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ" จวงมามาสงบท่าทีลง “แล้วเจ้าต้องการอะไรจากข้า” “ต้องการความเป็นธรรมเจ้าค่ะ” จวงมามาหน้านิ่วเอ่ยตอบ “ความเป็นธรรมอะไรของเจ้า” “จวงมามาบอกข้าว่า คุณชายดื่มชาขิงหลังทานอาหาร แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณชายดื่มชาขิงก่อนอาหาร ข้าอยากรู้ว่าจวงมามาจงใจกลั่นแกล้งข้าหรือไม่” สีหน้าและแววตาของมี่อิงฉายแววนักสู้ตรงข้ามกับจิตใจนางที่รู้สึกกล้าครึ่ง ไม่กล้าครึ่ง การที่ต้องมายืนต่อกรกับบ่าวอาวุโสเช่นนี้เป็นอะไรที่เสี่ยงนัก แต่ยามนี้...ไม่มีผู้ใดช่วยนางได้อีกแล้ว หากคุณชายโจวยังปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ มีหวังจะต้องโดนไล่ออกในอีกไม่ช้าเป็นแน่ “นี่เจ้า! เหตุใดข้าต้องกลั่นแกล้งเจ้า ในเมื่อคุณชายอยากจะดื่มเมื่อไหร่ ตอนไหนก็ย่อมได้” “แต่จวงมามาไม่ยอมบอกข้านี่เจ้าคะ เพราะเหตุนี้คุณชายเลยโกรธที่ข้าไม่เตรียมชาขิงเอาไว้ให้ก่อน หากข้ารู้แต่แรก คุณชายคงไม่โกรธข้าปานนี้” “ยังไงก็ไม่ใช่ความผิดของข้า เจ้าอยากจะหาเรื่องกันอย่างนั้นหรือ” “จวงมามาเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้อยากมีปัญหา แต่จวงมามาบอกข้าได้หรือไม่ ว่าข้าควรจะเข้าหาคุณชายอย่างไร คุณชายชื่นชอบสิ่งใดหรือชอบทานสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าคะ เพราะคุณชายเจอข้าก็เอาแต่ไล่ จวงมามาบอกเองไม่ใช่หรือว่าหน้าที่หลักของข้าคือดูแลคุณชาย หากเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าจะดูแลคุณชายได้อย่างไรกันเจ้าคะ” “นี่เจ้าเข้าหาข้าเพราะอย่างนี้น่ะหรือ" จวงมามาด้วยใบหน้าสงสัย มี่อิงระบายยิ้มเบาบาง ผงกศีรษะเล็กน้อย “เจ้าค่ะ...ขอเพียงจวงมามาให้คำแนะนำข้าเท่านั้น จะให้ข้าทำงานเพิ่มเป็นสองเท่าก็ย่อมได้” เมื่อเห็นแววตาที่มุ่งมั่น จวงมามาก็พลันเห็นภาพตัวเองเมื่อยามวัยสาวแวบเข้ามาในความคิด ยามนั้นนางเปรียบเสมือนดั่งบุปผาที่เจิดจ้าสดใสทว่าทนแดดทนฝน ไม่เกรงกลัวต่อผู้ใด ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอด ยามนี้มี่อิงช่างเหมือนกับนางเหลือเกิน “ข้าสงสารเจ้าหรอก ข้าเลยจะยอมช่วยเจ้า” “จริงหรือเจ้าคะ” มี่อิงฉีกยิ้มกว้างดีใจ "แต่ต้องแลกกับอย่างหนึ่ง" "แลก...แลกกับอะไรหรือเจ้าคะ" มี่อิงรู้สึกสังหรณ์ใจเล็กน้อย "เจ้าต้องไปทำความสะอาดเรือนยวี่สือทางทิศประจิม เจ้าทำได้หรือไม่ล่ะ" พอได้รู้ว่าเป็นเพียงแค่เรื่องนั้น นางก็รู้สึกโล่งใจและยิ้มแย้มตอบ "เหตุใดจะไม่ได้กันล่ะเจ้าคะ" "เรือนนั้นไม่มีผู้ใดเข้าไปทำความสะอาดนานแล้ว มีฝุ่นและหยากไย่เต็มไปหมด เจ้าเข้าไปอาจจะเปลี่ยนใจก็เป็นได้" "งานหนักกว่านี้ข้าก็จะสู้เจ้าค่ะ ขอแค่จวงมามาแนะนำข้าอย่างจริงใจก็เพียงพอ" "เช่นนั้นก็ตกลง..." จวงมามากระแอมเสียงให้โล่งคอ ปรับสีหน้าขบคิด “คุณชายโจวของข้ายามนี้ยังไม่อาจละวางจากอดีต หากช่วยให้คุณชายหวนรำลึกถึงอดีตได้คงจะดีไม่น้อย” “หวนรำลึกถึงอดีตหรือเจ้าคะ” “ใจจริงข้าอยากจะทำสิ่งนี้ให้คุณชายโจว แต่ข้าชรามากแล้ว สติเลอะ ๆ เลือน ๆ เลยไม่ได้ลงมือทำเสียที” “สิ่งนั้นคืออะไรหรือเจ้าคะ” “ขนมเทียนเอ๋อต้าน” “ขนมเทียนเอ๋อต้าน…” มี่อิงเอ่ยตามพลางนึกภาพในหัวสมอง ขนมก้อนกลม ๆ เคลือบน้ำตาลโรยงาขาวอย่างนั้นน่ะหรือ? “เจ้ารู้จักใช่หรือไม่” “รู้เจ้าค่ะ ขนมเทียนเอ๋อต้าน ข้าเคยกินมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดขนมชนิดนี้ถึงทำให้คุณชายยอมรับข้าได้” “ขนมเทียนเอ๋อต้านจะต้องเป็นสูตรเฉพาะของฮูหยิน ที่มีแต่ฮูหยินเท่านั้นที่สามารถทำรสชาตินี้ได้” “สูตรลับเฉพาะนั้นคืออะไรหรือเจ้าคะ” จวงมามานิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยตอบสั้น ๆ “ข้าก็ไม่รู้” “ทะ ทำไมเป็นอย่างนั้นไปได้ล่ะเจ้าคะ จวงมามาเอ่ยมาขนาดนี้แล้ว” “ข้าก็ไม่เคยลิ้มลองฝีมือของฮูหยินเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ข้ายังจดจำใบหน้าของคุณชายโจวยามนั้นได้ดี บนใบหน้าอันไร้เดียงสานั้น ช่างดูมีความสุขยิ่งเมื่อยามที่ได้ลิ้มรสขนมเทียนเอ๋อต้านจากฮูหยิน พอเข้าวัยหนุ่ม คุณชายก็มักจะขอให้ฮูหยินทำขนมชนิดนี้ให้ทานก่อนไปออกทัพอีกด้วย เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ” จวงมามายิ้มไปเล่าไป ใบหน้าฉายความอิ่มเอมใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด “ข้าเห็นด้วยกับจวงมามา แต่...ขนมเทียนเอ๋อต้านมีส่วนผสมไม่กี่อย่าง เป็นเพียงแค่แป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เท่านั้น สูตรลับพิเศษนั้นคืออะไรกันแน่เจ้าคะ” “ข้าบอกเจ้าไปแล้ว...ว่าข้าไม่รู้” มี่อิงหรี่ตามองจวงมามาอย่างไม่ไว้วางใจ “แน่ใจนะเจ้าคะ ว่าคราวนี้จวงมามาไม่ได้แกล้งข้าอีก” “อะไรของเจ้า! ข้าเล่าถึงที่มาขนาดนี้ เจ้ายังจะกังขากับข้าอีกหรือ...” "เช่นนั้น...ข้าก็ขอบคุณจวงมามาเจ้าค่ะ หากจวงมามาไม่หลอกข้า ข้าสัญญาว่าจะตอบแทนจวงมามาตามที่ตกลงเอาไว้" ถึงปากจะเอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่ในใจกลับหวาดระแวงเล็กน้อย แต่เอาเถิด...ยามนี้ก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว   โรงครัวสกุลโจว "เจียวซือ...แป้งข้าวเหนียวอยู่ที่ใด" "นี่! " "น้ำตาลล่ะ" "นี่ๆ " "งาขาว" "นี่ๆ ๆ " มี่อิงและเจียวซือช่วยกันทำขนมเทียนเอ๋อต้าน คว้าหยิบข้าวของเครื่องใช้และเครื่องปรุงภายในครัวจนมือเป็นระวิง   "มี่อิง...แล้วเจ้าจะทำขนมเทียนเอ๋อต้านนี่ให้พิเศษยังไงหรือ ข้าไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างจากที่ข้าเคยซื้อกินที่ตลาดตรงไหน" "ข้าคงทำตามสูตรดั้งเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร" "แล้วเจ้าจะทำให้คุณชายประทับใจได้อย่างไรล่ะ" "ข้าไม่รู้...ข้าไม่ได้มีพลังวิเศษ ข้าไม่อาจร่ายมนตร์เสกคาถาให้ขนมนี้มีรสชาติเหมือนดั่งที่ฮูหยินเคยทำเอาไว้ได้ จะให้ข้าเปลี่ยนงาขาวเป็นงาดำก็กระไรอยู่" "ที่เจ้าพูดมาก็ไม่ผิด ขนมก้อนกลม ๆ วิธีทำแสนจะง่ายดาย ข้าว่าฮูหยินคงทำอาหารไม่เป็นหรือเกียจคร้านกระมัง ไม่เช่นนั้นคงทำอะไรที่ยุ่งยากกว่านี้ไปแล้ว" มี่อิงเปิดตาโต มองเจียวซืออย่างไม่เชื่อสายตาว่านางจะเอ่ยออกมาเช่นนั้น "เจียวซือ…เจ้าร้ายกาจกว่าที่ข้าคิดเสียอีก" "ก็จริงนี่...ข้าพูดไปตามที่คิด หวังว่าฮูหยินจะไม่โกรธบ่าวนะเจ้าคะ" พอโดนทักท้วงเจียวซือก็เริ่มจะระแวงคำพูดตัวเอง มี่อิงระบายยิ้มบาง ๆ ใช้มือปั้นแป้งข้าวเหนียวเตรียมลงไปทอดในน้ำมัน "ฮูหยินไม่โกรธหรอก เจ้าเป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อตรง ไม่ได้คิดชั่วร้ายต่อสกุลโจวเสียหน่อย" "จริงสินะ! เจ้าเคยเป็นหมอดูมาก่อน แสดงว่าเจ้าสื่อสารกับวิญญาณได้ใช่หรือไม่" สิ้นเสียง แป้งก้อนสุดท้ายก็ปั้นเสร็จพอดี มี่อิงนำกระทะไปตั้งไฟ เทน้ำมัน ทยอยหย่อนก้อนแป้งข้าวเหนียวลงไปในกระทะอย่างคล่องแคล่วพลางเอ่ยตอบ "ข้าไม่เคยสื่อสารกับวิญญาณ" "ไม่จริง! หากสื่อสารกับวิญญาณไม่ได้แล้วเป็นหมอดูได้อย่างไรกัน" "ข้าเป็นหมอดูหยั่งรู้คาดเดาอนาคต ไม่ใช่หมอปราบวิญญาณ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว" มี่อิงเอ่ยพลางใช้ไม้พายคนขนมเทียนเอ๋อต้านในกระทะอย่างระมัดระวัง "เฮ้อ…น่าเสียดาย" เจียวซือทอดถอนหายใจ นั่งพิงหลังลงบนเก้าอี้ไม้ "เจ้าถอนหายใจทำไมกัน" "ข้าอยากติดต่อกับวิญญาณของบรรพบุรุษได้ ข้านึกว่าเจ้าจะมีพลังวิเศษเสียอีก" "หากข้าเจอภูตผีวิญญาณ ข้าคงจะวิ่งหนีนำเจ้าไปแล้ว เลิกคิดเรื่องนั้นเสียเถิดเจียวซือ" เจียวซือยื่นปาก ทำหน้าผิดหวัง หันไปมองอีกทีขนมก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว "จะ เจ้าทำเสร็จแล้วหรือ" เจียวซือมองด้วยสายตาตะลึงงัน มี่อิงตอบอื้ม ในขณะที่กำลังจดจ่อกับการจัดวางขนมเทียนเอ๋อต้านบนจานกระเบื้องอยู่ โดยปกติแล้วขนมเทียนเอ๋อต้านจะนำมาเรียงกัน เคลือบด้วยน้ำตาลแล้วเสียบด้วยไม้ แต่นางดัดแปลงโดยการค่อย ๆ ราดน้ำตาลเชื่อมลงบนขนมแต่ละชิ้นเพื่อไม่ให้ขนมติดกันเป็นแพ แล้วค่อย ๆ นำมาจัดวางลงบนจานอย่างประณีตเพื่อที่คุณชายโจวได้หยิบทานง่าย ๆ "ทุกครั้งเวลาเจ้าทำอาหาร เจ้าเหมือนมีประกายแสงเจิดจ้าออกมาเลย" เจียวซือจ้องมองมี่อิงด้วยแววตาชื่นชม "ประกายอะไรของเจ้า" "ก็เจ้าดูมุ่งมั่นตั้งใจ ข้าไม่เคยเห็นคนเช่นเจ้ามาก่อน มี่อิง...ข้าถามเจ้าได้หรือไม่ เหตุใดเจ้าถึงทุ่มเทเพื่อคุณชายเช่นนี้" "หากคุณชายคิดว่าข้าไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นบ่าวรับใช้ได้ ไม่นานข้าก็คงจะถูกไล่ออกจากจวนเป็นแน่ นั่นก็แสดงว่า เบี้ยที่ข้าวาดฝันเอาไว้ก็จะกลายเป็นแค่อากาศธาตุที่ไม่อาจจับต้องได้" "แล้วเหตุใดเจ้าถึงยอมเชื่อใจจวงมามาเป็นครั้งที่สองล่ะ" "ข้าก็ไม่รู้ เหมือนมีบางอย่างสั่งให้ข้าขอความช่วยเหลือจากนาง ข้าก็หาคำตอบไม่ได้" เอ่ยจบ ขนอ่อนที่แขนของเจียวซือก็พร้อมใจกันลุกเกรียวอย่างควบคุมไม่ได้ มี่อิงยกถาดขนมหวานขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา คลี่ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ "เจ้าเอาใจช่วยข้าก็แล้วกันเจียวซือ…" หลังจากนั้น นางก็ยกถาดขนมหวานมุ่งหน้าไปยังเรือนประธานจ้วนสือทันที   ในเรือนจ้วนสือ คุณชายโจวยามนี้อยู่ในอิริยาบถผ่อนคลาย ใช้มือคลี่พัดพับเข้าออกเป็นจังหวะ คิ้วตาขมวดเล็กน้อย เหมือนดั่งกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ มี่อิงสูดลมหายใจลึกสองสามที รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นขัดบรรยากาศที่เงียบงัน "คุณชายเจ้าคะ…มี่อิงทำขนมหวานมาให้เจ้าค่ะ" "ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไร" เฟิ่งเจี๋ยเอ่ยเสียงเข้มดุ "คะ คุณชายบอกมี่อิงว่า ให้ออกไปไกล ๆ ไม่อยากเห็นหน้าเจ้าค่ะ แต่อย่างไรคุณชายก็ไม่เห็นบ่าวอยู่ดีไม่ใช่หรือเจ้าคะ เพราะฉะนั้น บ่าวก็ไม่ได้ทำอะไรผิด" เอ่ยจบ มี่อิงก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยอาการประหม่า แต่สิ่งที่ตอบรับมาจากคุณชายโจวนั้น กลับทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ "เอาวางไว้บนโต๊ะ ข้าหิวอยู่พอดี" มี่อิงทอยิ้มเจิดจ้า นัยน์ตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับ นางวางจานขนมเทียนเอ๋อต้านไว้บนโต๊ะไม้ เลื่อนมือเรียวสวยของตนไปจับมือของคุณชายโจวมาแตะบนขอบจานเบา ๆ เพื่อเป็นนัยว่าจานขนมอยู่ด้านหน้าของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฟิ่งเจี๋ยใช้มือหยิบขนมเทียนเอ๋อต้านเข้าปากอย่างเชื่องช้า หัวใจของมี่อิงเต้นรัวไม่หยุดจนแทบจะเด้งหลุดออกมาจากกาย นางจ้องมองเฟิ่งเจี๋ยด้วยความลุ้นระทึกเหมือนดั่งกำลังเดิมพันขนมจานนี้ด้วยชีวิต ชิ้นที่สอง… ชิ้นที่สามผ่านไป… ดวงตาสีหินเย่าของเฟิ่งเจี๋ยค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ เพียงไม่นาน หยาดน้ำตาใส ๆ ก็เริ่มเอ่อล้นที่ขอบตา สวรรค์! นี่คุณชายกำลังร้องไห้อย่างนั้นหรือ? หรือเป็นเพราะว่า...จริง ๆ แล้ว ขนมเทียนเอ๋อต้านทำให้คุณชายระลึกถึงฮูหยินกับนายท่านได้จริง ๆ   "คุณชาย…" มี่อิงเอ่ยขัดเสียงแผ่ว เฟิ่งเจี๋ยยังคงจดจ่อกับการใช้มือหยิบขนมเทียนเอ๋อต้านกินไปเรื่อย ๆ จนหมดจานในที่สุด "อร่อยหรือไม่เจ้าคะ" มี่อิงเอ่ยถามลองเชิง ทั้ง ๆ ที่ในใจเชื่อไปเกินครึ่งแล้วว่าคุณชายโจวจะต้องพึงพอใจกับขนมจานนี้เป็นแน่ "ไม่อร่อย"   คำตอบยังทำร้ายจิตใจเช่นเดิม…. ยามนั้นความรู้สึกเห็นใจก็พลันมลายหายไปจนสิ้น "ไม่จริง…คุณชายปากแข็ง หากไม่อร่อยจริง ๆ คุณชายจะทานหมดหรือเจ้าคะ" "เจ้าทำเองหรือไปซื้อมาจากที่ใดกันแน่" "ทำเองจริง ๆ เจ้าค่ะ มี่อิงตั้งใจทำขนมนี้เองกับมือ ต่อไปหากคุณชายต้องการสิ่งใด เรียกใช้มี่อิงได้เสมอเลยนะเจ้าคะ" เฟิ่งเจี๋ยนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จนลมอ่อน ๆ พัดเข้าไปที่ใบหน้าวูบหนึ่ง เขาก็พยักหน้าเบา ๆ เอ่ยตอบ "งั้นเจ้าก็เริ่มดูแลข้าตอนนี้เลยก็แล้วกัน" "ดูแลอย่างไรเจ้าคะ" มี่อิงคลี่ยิ้มสดใส ดีใจที่คุณชายโจวยอมรับนางแล้ว "อาบน้ำให้ข้าที..." "วะ ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ!!! "  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม