SNOW TALK
อยู่ดีๆผมก็มีแฟน ถ้าสงสัยว่าทำไมผมตกลงคบเป็นแฟนกับยัยนั่นง่ายๆล่ะก็ผมก็มีเหตุผลของผมน่า จริงๆแฟนผมก็เยอะแยะนะใครอยากเป็นแฟนผมก็ได้เป็นหมดแหละง่ายๆไม่มีอะไรยาก เที่ยวด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน จูบกัน แล้วก็เลิกกัน มันเป็นแบบนี้มาตลอดซึ่งผมก็ต้องการแค่นั้นแหละ
หาเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวไปวันๆก็พอ ยังไม่มีใครมาปล้นซิงผมได้นะอันนี้ผมหวงซิงตัวเองมาก ถ้าใครได้เปิดซิงก็คนนั้นแหละคือคนที่ผมคิดจะแบ่งเวลาชีวิตให้ใช้ร่วมกัน สำหรับคนที่ได้หัวใจผมตอนนี้ยังไม่มีใครได้มันไปสักคนเพราะผมไม่ให้ใจใครต่างหาก
“นั่งเหม่ออะไรอยู่คะ”
“เปล่าครับคนสวย”
อย่างตอนนี้ผมก็มากินข้าวกับสาวๆในสต็อก นัดกับยัยป๊อกกี้ไว้นะตอนสิบโมงให้ไปส่งไปเอารถที่ผับแต่เธอพูดเองเออเองนะผมไม่ได้ตอบตกลงกับเธอไปซะหน่อย
“เดี๋ยวเราไปดูหนังกันนะคะสโนว์”
“อ่อ พอดีต้องไปธุระกับเพื่อนน่ะครับไว้วันหลังแล้วกันเนอะ”
พอกินข้าวเสร็จผมก็ล่ำลาเธออย่างอ้อยอิ่งประหนึ่งอยากอยู่ต่อกับเธออีกร้อยปี ไม่หรอกผมน่ะแอ็คติ้งไปงั้นแหละ พอเดินแยกออกมาก็บล็อคเบอร์ บล็อคไลน์ บล็อคการติดต่อทุกอย่าง เธอก็สวยดีนะแต่ยังไม่ใช่อะ
หมดเวลาสำหรับเธอแล้ว เชิญคิวถัดไป วันนี้ผมก็ใช้เวลากับเธอจนถึงเย็น
ได้เวลาของผมบ้างละ
ผมต้องมาเชียร์เพื่อนผมแข่งรถไง ไอ้วินยืมรถไอ้บอสแข่งเพื่อจะเอารถไอ้ท็อปที่โดนอีกฝ่ายยึดไปเพราะแข่งแพ้คราวก่อนคืน งงไหม? ไม่ต้องงงหรอก ผมนัดกับพวกมันไว้ตอนหนึ่งทุ่มและระยะทางจากห้างนี้ไปสนามก็คงถึงโน่นทุ่มหนึ่งพอดีแหละ ถ้าสงสัยว่าแพ้ทำไมต้องยึดรถล่ะก็ สนามที่พวกผมแข่งกันมันเป็นสนามใต้ดินไม่ได้หมายความว่าอยู่ใต้ดินนะอยู่บนดินนี่แหละแต่ผิดกฎหมาย ใครจะลงแข่งก็ตั้งกฎพนันของกันเองใครแพ้เสียอะไรใครชนะได้อะไรอย่างไอ้ท็อปแพ้คราวก่อนก็เสียรถไปเป็นต้น
“เฮ้!! ไอ้สโนว์ทางนี้โว้ยยย”
เมื่อก้าวเท้าลงจากรถพวกเพื่อนผมก็ตะโกนเรียกทันที...
“ไงพวกมึง พร้อมไหมไอ้วิน”
“กูพร้อมตลอดอยู่แล้ว ไอ้บอสเพิ่งเอารถไปใส่ไนตรัสเพิ่มด้วย กูสอยรถไอ้ท็อปคืนได้แน่”
ถ้าสงสัยว่าทำไมไอ้วินมันไม่เอารถมันแข่ง เวลาแข่งรถเสร็จจะต้องเอารถเข้าอู่ทันทีเพื่อตรวจสภาพและแต่งเพิ่มเพื่อให้แรงและเท่ตามแบบฉบับผู้ชายอะนะ ไอ้วินมันแข่งไปคราวก่อนเลยได้เอารถไปเข้าอู่ส่วนไอ้ท็อปก็แข่งวันเดียวกับไอ้วินแต่เสือกแพ้ เหลือแต่รถไอ้บอสกับรถผมที่พอแข่งได้แต่รถ
ไอ้บอสมันเพิ่งออกอู่ไงไปแต่งเพิ่มมาเลยมาลงสนามลองเครื่องใหม่ซะเลย
“ถ้ากูแพ้มึงเอารถคันนี้ไปแต่ถ้ากูชนะ กูเอารถเพื่อนกูคืน”
“ตกลง”
พอลงชื่อแข่งเสร็จก็ตกลงกติกากับคู่แข่งกันเองง่ายๆแบบนี้แหละ พวกแข่งก็จะพวกเดิมๆนั่นแหละอยู่คนละฝั่งคนละฝ่ายก็ไม่ถูกกันอยู่แล้ว
ผมกับไอ้บอสไอ้ท็อปขึ้นมานั่งดูไอ้วินแข่งอยู่บนอัฒจันทร์
Rrrrrrr
จะไม่มีวันรับสายในวินาทีลุ้นระทึกแบบนี้ถ้าคนที่โทรมาไม่ใช่พ่อ!! ผมต้องวิ่งลงมารับสายนอกสนามเพราะข้างในมันเสียงดังเกินไป
“ครับพ่อ”
[รับช้าจังวะไอ้ลูกคนนี้ แล้วช่วงนี้หายหัวไปไหนทำไมไม่รู้จักกลับบ้านวันอาทิตย์หน้าโผล่หัวมาที่บ้านด้วยล่ะ แม่แกถามหา]
“บ่นเป็นคนแก่ไปได้น่ะพ่อ ผมก็สบายดีไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยก็อยู่คอนโดตลอด”
[ทุกวันนี้ฉันมีลูกหรือเปล่าวะ คนโตก็ไปอยู่ต่างประเทศ คนเล็กก็ไม่กลับบ้าน]
“แหม ผมก็ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อยยังรักพ่อกับแม่เหมือนเดิม
รักมากพอกับเงินในบัญชีนั่นแหละครับ”
[ให้มันได้อย่างนี้สิ แค่นี้แหละฉันไม่คุยกับแกแล้ว อย่าลืมมาบ้านนะวันอาทิตย์หน้าน่ะ]
“คร้าบบบบบ”
กว่าผมจะเดินแทรกคนเข้ามาบนอัฒจันทร์ที่เดิมไอ้วินก็แข่งเสร็จแล้ว แอบเซ็งนิดหน่อยเหมือนกันที่ไม่ได้เห็นเพื่อนแข่งแต่ก็นะยังไงพ่อก็สำคัญกว่า
“ไงวะ ชนะหรือแพ้”
“ชนะดิ”
ถึงว่าไอ้ท็อปนั่งยิ้มหน้าบานเป็นส้นตีนอยู่ได้คงจะดีใจที่ได้รถคืน
นั่นแหละมั้ง ผมว่าผมเพลียๆยังไงไม่รู้วันนี้ เหมือนเมื่อคืนนอนน้อยไหนต้อง
ตื่นมารับสาวๆไปเที่ยวอีกเกิดเป็นคนหล่อมันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ
“กูกลับก่อนนะ ง่วงนอนแล้วว่ะ”
“เออๆ โชคดีมึงพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
ไม่ได้ล่ำลาอะไรกันมากผมก็เดินออกมาตรงไปยังรถที่จอดอยู่และสตาร์ทเครื่องออกรถเลยทันทีปลายทางคือคอนโดของผมและเตียงนุ่มๆที่
ผมทิ้งตัวลงนอนสามารถหลับได้ทันที ใช้เวลาไม่นานผมก็ถึงคอนโดและรีบ
ขึ้นห้องเพราะง่วงจัดแต่ขณะที่เดินถึงหน้าห้องประตูห้องผมมีถุงอะไรไม่รู้แขวนอยู่ คืออะไรวะ? ของใคร? มาทำรกอะไรตรงนี้ ผมถือถุงขึ้นมาดูด้วยความหงุดหงิดและกะจะโยนทิ้งไปแต่สายตาดันไปสะดุดกับกล่องขนมที่ชื่อยี่ห้อเหมือนชื่อแฟนหมาดๆของผมเอง
POKKY...
เออ ลืมไปเลยว่ะ
“อ้าว นายกลับมาแล้วเหรอกินข้าวมาหรือยัง? ฉันซื้อผัดไทยกับขนมมาฝากน่ะกินซะ”
อึ้งดิ เธอเปิดประตูห้องออกมาได้จังหวะที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าห้องตัวเองเหมือนกัน เธอแต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอก จะไปไหนตอนดึกแบบนี้นะ
“เธอจะไปไหน”
“ฉันจะไปซื้อน้ำผลไม้ที่ ซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวนี้น่ะ”
“ไม่ต้องไปหรอกดึกแล้ว ที่ห้องฉันมีเข้ามาเอาสิ”
“ไม่ได้หลอกปล้ำฉันหรอกใช่ไหม”
“ถ้าให้ปล้ำก็จะปล้ำ ถ้าไม่ฉันก็ไม่ทำ โอเค้?”
ผมเดินเข้ามาแล้วเปิดประตูทิ้งไว้เพื่อให้เธอเดินตามมา จัดการวางถุงที่เธอเอามาแขวน และเดินไปหยิบน้ำผลไม้มาให้เธอ เพิ่งซื้อมาเมื่อวันก่อน
เองแช่ตู้เย็นไว้ยังไม่ได้เปิดเลย
“ขอบคุณนะนาย ฉันไปล่ะ กู๊ดไนท์นะคุณแฟน”
จุ๊บ
เธอจุ๊บผมอีกแล้ว พอจุ๊บเสร็จก็เดินออกจากห้องไปเลย ไม่พูดถึงเรื่องที่ผมเบี้ยวนัดสักคำในความเป็นจริงผู้หญิงทั่วไปต้องโวยวายแล้วสิแต่ทำไมเธอไม่โวยวายวะ เออแปลกดีเหมือนกัน ผมสะบัดหัวแรงๆไล่ความคิดกับความง่วงออกไปสองมือรื้อถุงที่เธอมาแขวนไว้หน้าประตูก็มีผัดไทย ป๊อกกี้ ขนมอีกสารพัด กับกระดาษโพสอิทเปล่าๆหนึ่งแผ่น กระดาษเปล่า? เอามาทำอะไรวะ? ผมไม่เข้าใจเหมือนกันเลยจับมันแปะไว้ที่ผนังบริเวณนั้นแทนแล้วชั่งใจอยู่ว่าจะกินก่อนหรือจะไปนอนเลยดี
END TALK
ทำไมฉันถึงไม่โกรธอะไรสโนว์ที่หายหัวไม่ไปส่งฉันเอารถที่ผับน่ะเหรอ? ก็แล้วฉันต้องโกรธอะไรในเมื่อฉันก็มีมือมีเท้า ไปเองได้ไม่เห็นต้องง้อเลย ทุกวันนี้ก็ทำหน้าที่แฟนให้ดีเท่านั้นถึงเวลามันไปไม่รอดก็จะเลิกๆกันไปไง นี่ฉันก็กำลังทำดีอยู่เวลาบอกเลิกจะได้มีข้ออ้างว่าฉันทนนายไม่ไหว นายมันไม่ดีเองอะไรทำนองนั้น ฉันจะไม่รักษาคำพูดเลยนะถ้าห้องไม่ติดกันแล้วไม่ต้องเห็นหน้าเขาทุกวันแบบนี้ ฉันดีได้ก็ร้ายเป็นนะจะบอกให้
ฉันใช้ชีวิตปกติไปวันๆกิน นอน ช็อปปิ้ง แล้วก็ซื้อข้าวมาแขวนไว้หน้าห้องสโนว์ได้สามวันแล้วก็ซื้อไปงั้นแหละไม่ได้หวังว่าเขาจะต้องกินของฉันหรอก ซื้อส่งๆเหมือนโยนกระดูกให้หมามันน่ะ บางทีก็เจอหน้ากันแว้บๆทักทายกันแล้วก็แยกย้ายอย่างเช่นตอนนี้
“วันนี้ไม่ออกไปข้างนอกหรือไงสโนว์”
“ออกค่ำๆ ทำไม? จะเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนฉันไหมล่ะ แต่ระวังมาหนึ่ง
จะกลับไปสองนะ”
“ห้องนายมีผีเหรอ?”
“ฉันจะเสกเด็กเข้าท้องน่ะสิไม่ว่า แล้วนี่จะไปไหนครับแฟน”
“ว่าจะไปห้างหาอะไรกิน”
“ไปด้วยดิหิวเหมือนกัน”
“อื้ม ไปสิ”
“รอแป๊บนะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสองนาที”
พอดีฉันกำลังจะขับรถออกไปห้างแล้วล่ะแต่ดันลืมหยิบกระเป๋าตังค์ลงมาเลยขึ้นห้องมาเอาแล้วก็เจอกับสโนว์ที่เดินออกมาจากห้องในสภาพที่ไม่ได้พร้อมจะออกไปไหน ยืนรอคนในห้องแต่งตัวสักพักก็ออกมาในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้มพร้อมหมวกหนังสีดำอีกหนึ่งใบ แค่นี้ก็ดูดีมากแล้วอะคนอะไร
“ฉันไปแต่งหน้าเพิ่มนะ”
“ไม่ต้องๆ แค่นี้ดีแล้ว”
เดินด้วยกันคนอื่นจะคิดว่าฉันเป็นคนใช้ไหมเนี่ยกับสภาพเสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าคัตชู ก็แค่ไปห้างใกล้ๆไม่รู้จะแต่งเต็มไปทำไมแต่พอเห็นสโนว์แต่งตัวง่ายๆแล้วมันดูดีจนฉันดูด้อยไปเลย แต่ก็ช่างมันเถอะแค่ไปกินข้าว แล้วฉันก็เป็นคนขับรถพาสโนว์ไปกินข้าวโดยที่เจ้าตัวนั่งหลับเป็นตายเหมือนอดหลับอดนอนมาแรมปี
“ตื่นได้แล้ว!”
พอสโนว์ตื่นก็ต่างคนต่างก้าวลงจากรถ ฉันเดินนำมาก่อนที่จะมี
มือหนาวางแหมะอยู่ที่ไหล่ฉันพร้อมกับตัวที่เดินเบียดฉันทำไมนักหนาก็ไม่รู้ พอจะยกแขนสโนว์ออกเขาก็ขืนไว้ไม่ให้ยกออกแถมยังทำหน้ากวนประสาทใส่ฉันอีก
“นายจะกินอะไร”
“แล้วแต่เธอเลย”
“งั้นร้านนี้แล้วกัน”
ฉันเลือกร้านอาหารไทยเพราะเบื่ออาหารฝรั่งเต็มที เราสั่งอาหารกันค่อนข้างเยอะคงจะด้วยความหิวโหยของทั้งคู่ สโนว์นั่งมองหน้าฉันระหว่างรออาหารได้สักพักแล้วแต่ไม่ได้พูดอะไรส่วนฉันก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไปกะว่าจะไม่สนใจสายตาเขานะแต่จ้องแบบนี้มันอึดอัด
“มองทำไม? มีอะไรก็พูดมาสิ”
“เราเป็นแฟนกันใช่ไหมตอนนี้”
“อืม แฟนมั้ง”
“ไหนบอกความเป็นตัวเธอให้ฉันฟังหน่อย อยากรู้จักมากกว่าชื่อ”
“ก็เรียนจบจากฝรั่งเศสมาแล้วแต่มาเรียนที่นี่เอาความรู้ไปช่วยงานที่บ้าน นายรู้จักมหา’ลัยการบินที่นี่ไหม?”
“รู้ เธอเรียนที่นั่นเหรอ? ถามจริง!!”
“อืม ทำไม?”
“เปล่าๆ แค่คิดว่าโลกนอกจากจะกลมแล้วยังแคบอีก”
อย่าบอกนะว่าสโนว์ก็เรียนที่เดียวกับฉัน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆคงจะหนีกันไม่พ้นนอกจากโลกจะแคบแล้วกลัวโลกจะแตกด้วยสิ เมื่ออาหารมาแล้วฉันจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนเดี๋ยวจะกลับมานั่งกินนานๆ
“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ นายกินไปก่อนเลยเดี๋ยวฉันมา”
สโนว์พยักหน้าให้แล้วลงมือจัดการกับอาหารบนโต๊ะทันที ฉันเลย
เดินไปเข้าห้องน้ำแต่ตอนที่ฉันกลับมาที่โต๊ะนี่สิกลับมีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มา
นั่งแทนที่ฉันอยู่แล้วยังนั่งหัวเราะต่อกระซิกกับสโนว์อีก อย่าคิดว่าฉันหึงนะ ฉันไม่ได้หึงแต่ฉันหิว!!
“ลุก!”
“ไว้เจอกันวันหลังนะมีมี่ พี่ขอกินข้าวกับแฟนพี่ก่อน”
ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อมีมี่ลุกออกจากเก้าอี้ฉันแต่โดยดี ก่อนไปยังโน้มหน้ากระซิบข้างหูสโนว์แล้วหอมแก้มแถมอีกที น่ารักจริงๆผู้หญิงคนนี้ บริการหลังการขายดีเหลือเกิน เมื่อได้ที่ของฉันคืนฉันก็นั่งกินข้าวปกติ
“เธอไม่รู้สึกอะไรหน่อยเหรอที่มีผู้หญิงคนอื่นมาทำแบบนี้กับฉัน”
“ไม่นะ เป็นแฟนกันกี่วัน? ทำไมฉันต้องรู้สึกลึกซึ้งกับนายขนาดนั้นด้วย ไม่นานเดี๋ยวก็เลิกกันไปเองแหละเราไปกันไม่รอดหรอกเชื่อฉันสิ”
“เธอไม่จริงจังกับคำว่าแฟนหน่อยเหรอวะ”
“แล้วนายเคยจริงจังกับคำนี้ด้วยเหรอ? ฉันทำดีเท่าที่ทำได้ถ้าฉันรู้สึกเหนื่อยเมื่อไรฉันก็จะหยุด”
ทำไมต้องทำเหมือนสงสัยในตัวฉันนักหนา พอสิ้นสุดบทสนทนา สโนว์ก็ยังเอาแต่มองหน้าฉันไม่เลิก ฉันเลยตั้งหน้าตั้งตากินทำเป็นไม่สนใจ
ทั้งที่ก็อึดอัดกับสายตาเขาเหมือนกัน
“เดินเล่นกันไหม หรือจะดูหนังดี เธออยากทำอะไรต่อ?”
“ไม่รู้สิ เดินเล่นก็ได้ แล้วนายอยากทำอะไรหรือเปล่า”
“อยากเดินตามเธอเฉยๆอะครับแฟน”
สโนว์ยิ้มโชว์ฟันให้ฉันแล้วหยิบบัตรเครดิตเพื่อจ่ายค่าอาหารให้กับพนักงาน ไม่แปลกเลยที่สาวๆจะหลงเสน่ห์เขาได้ง่ายๆ แค่สโนว์ขยิบตาให้พนักงานเธอยังเขินจนบิด ฉันชอบในรูปลักษณ์เขานะมันดึงดูดดีส่วนนิสัย
ใจคอยังไม่รู้แต่ถ้าไม่เลิกกันเสียก่อนก็ค่อยๆศึกษากันไปแล้วกัน แต่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าชอบแบบนี้ หน้าแบบนี้ คือตรงสเปคยกเว้นความเจ้าชู้นะที่ไม่ชอบ
ดูจากท่าทางก็เจ้าเล่ห์แพรวพราวใช่ย่อย
หมับ
พอเดินออกจากร้านอาหารมือของสโนว์ก็วางอยู่บนหัวฉันแล้วลูบเบาๆทำให้ฉันต้องหันไปมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ สโนว์ส่งยิ้มมาให้ฉันแล้วก็ส่งแรงดันให้ฉันเดินต่อไปทั้งที่มือยังวางบนหัวฉันอยู่
รู้สึกแปลกๆ
“เธอดูชุดนี้ดิ น่ารักเหมาะกับเธอดีนะฉันว่า พี่ครับเอาชุดนี้ครับ”
“เห้ย!! ฉันบอกเหรอว่าจะเอา”
“ก็อยากเห็นเธอใส่”
มันไม่ใช่แค่ชุดเดียวไงมันสี่ชุดแล้วที่เขายัดเยียดซื้อให้ฉันด้วยเหตุผลเดิมๆว่าอยากเห็นฉันใส่ ทำไมการเห็นเขาเลือกเสื้อผ้าให้ฉันมันกลับดูน่ารักนะ ดูเหมือนตั้งใจเลือกให้ฉันจริงๆแต่ก็ต้องคิดด้วยว่ากับผู้หญิงเขาก็เป็นแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่า เจ้าชู้ก็ปานนั้น
“ทำไมอยู่ๆก็ดีขึ้นมา ทั้งที่ผ่านๆมาไม่เห็นจะสนใจฉัน”
“ก็อยากลองเป็นแฟนที่ดีบ้าง”
โมเมนต์แบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน สโนว์ยกมือเกาหัวแก้เขินจนฉันอดจะหัวเราะกับท่าทางเก้อๆของเขาไม่ไหว
“ยิ้มบ่อยๆนะ ฉันชอบ”
“อย่ามาปากหวานหน่อยเลยฉันไม่หลงกลนายหรอกนะ นายก็พูดแบบนี้กับสาวในฮาเร็มของนายทุกคนนั่นแหละ”
“ก็..ไม่หรอกมั้ง ฉันอยากพูดอยากทำอะไรฉันก็ทำ ไม่ได้ทำพร่ำเพรื่อไปเรื่อยเหมือนที่เธอคิดนะเว้ย”
กว่าเราจะเดินห้างอะไรกันเสร็จก็เย็นแล้ว เล่นเอาเหนื่อยขาลาก
ได้เหมือนกัน ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าที่เยอะนะของกินก็เยอะ ฉันเป็นคนชอบกินขนมกรุบกรอบมากเลยซื้อมาเยอะเป็นพิเศษ
“เธอไปส่งฉันที่สนามแข่งรถหน่อยดิ”
“อื้อ ไปสิ”
“เดี๋ยวฉันขับให้เอง”