ผมจัดการวางร่างบางลงบนเบาะรถอย่างเบามือและขับรถออกมายังคอนโดทันที อยากรู้เรื่องคู่หมั้นผมใช่ไหมล่ะผมจะเล่าให้ฟัง คุณปู่ผมเป็นผู้พัฒนาเครื่องบิน ต้องอยู่กับเครื่องจักรลองผิดลองถูกอยู่ตลอด แล้ววันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุของเครื่องจักรระเบิดด้วยสาเหตุอะไรไม่ทราบ คุณปู่ผมโดนกระชากให้ห่างจากแรงระเบิดโดยมีร่างผู้ชายคนหนึ่งมาบังทับร่างเอาไว้ คุณปู่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแต่ผู้ชายคนนั้นต้องเสียแขนข้างหนึ่งไป คุณปู่จึงรู้สึกผิดมากเลยอยากดูแลครอบครัวผู้ชายคนนั้นเพราะเมื่อไม่มีแขนชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปจะทำอะไรเหมือนแต่ก่อนไม่ได้อีกเลย แล้วคุณปู่ก็ดูแลครอบครัวนั้นมาตลอดจนถึงวันที่ปู่ป่วยหนักและคาดว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน จึงบอกว่าถ้ามีหลานจะให้หลานเรามาแต่งงานกันจะได้ดูแลกันทั้งสองครอบครัวไปตลอด แต่ตอนนั้นต่างฝ่ายต่างมีลูกชาย จะให้ลูกชายทั้ง 2 มาแต่งงานกันก็ใช่เรื่อง ด้วยความคิดของคุณปู่ที่อยากจะดูแลครอบครัวนั้นให้ดีถึงแม้ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม ลูกหลานที่ท่านมีจะต้องดูแลต่อจากตนเช่นกัน เรื่องมันก็ประมาณนี้แหละครับ
ผมน่ะดันโดนแจ็กพ็อตแทนที่จะเป็นพี่เรน เพราะเธอชอบผม เธอเลือกผมแทนที่จะเลือกพี่เรน โถ่...แต่ผมไม่ได้ชอบเธอเลย ไม่ได้คิดอะไรเกินกว่าน้องสาวหรือคนรู้จัก เธอเรียนอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์และจะเป็นฝ่ายรุกผมมากกว่า นี่ถ้ารุกผมมากๆ ผมจะหนีไปบวชจริงๆนะ อ่อ คู่หมั้นผมชื่อไอซ์
นะครับ
“ไปเที่ยวกันหมายยย จาปายก็รับปายยย ไปกับเพ่แล้วฉะบายยย เดี๋ยวพี่พาไปกินตับๆๆๆๆ ๆๆๆๆ”
ผมหลุดออกจากห้วงความคิดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเธอร้องเพลง ร้องไม่พอยังจะยกสะโพกโยกขึ้นโยกลงทำท่าตับๆอีก น่าเกลียดเป็นบ้า ผมเธอกระเซอะกระเซิงไปหมดแถมมีผมบางส่วนเข้าปากอีกต่างหาก ผมจึงเอื้อมมือไปเอาผมทัดหูให้เธอ บ๊ะ มองใกล้ๆก็น่ารักดีนี่หว่า
END TALK
ฉันปวดหัวชะมัดเลย แล้วก็ร้อนมากด้วย เมื่อลืมตาขึ้นมามองเพดานก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นห้องฉันแต่พอเหลียวมองไปรอบๆมันก็ไม่ใช่ห้องฉัน แล้วฉันอยู่ที่ไหน? ที่สำคัญฉันนอนอยู่บนเตียงใคร? ฉันได้ยินเสียงตึงตังจึงหันไปมอง โอ๊ะ นั่นผู้ชายน่ารักคนนั้นนี่นาทำไมน่ารักน่าขยี้แบบนี้นะผู้ชายอะไร แล้วนั่นผ้าขนหนูที่พันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่แบบนั้นคืออะไรแบบนี้มันอ่อยกันชัดๆเลย ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะขอแอบดูซะหน่อยเถอะ ฉันหรี่ตาให้ตี่ที่สุดแล้วทำเป็นพลิกตัวตะแคงจะได้เห็นสะดวกๆ คุณเนื้อคู่ของฉันก็หันมามองอย่างระแวงๆนะคงนึกว่าฉันหลับเลยหันไปใส่เสื้อผ้าต่อและไม่หันมาสนใจฉันอีก
นี่เราสนิทกันถึงขั้นโชว์แก้มก้นให้กันดูแล้วเหรอ?
อู้ยยยย พ่อคะแม่คะกี้เจอเนื้อคู่แล้วค่ะ กี้อยากได้ กี้จะเอาๆๆชอบผู้ชายหน้าตาน่ารักแบบนี้กี้ชอบ!! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอะไร การกรี๊ดกร๊าดผู้ชายก็เป็นเรื่องปกติของฉันแหละ ไหนๆก็ลับหูลับตาคุณพ่อแล้ว ฉันก็
ต้องโตเป็นสาวได้แล้วเหมือนกัน
เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จฉันก็ทำเป็นขยับตัวแล้วบิดขี้เกียจลุกขึ้นนั่งเหมือนเพิ่งลืมตาครั้งแรกไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นรวมถึงแก้มก้นขาวๆเมื่อกี้ด้วย
“ตื่นได้สักทีนะยัยตัวแสบ เธอทำกับคนหล่อแบบนี้ได้ยังไงกัน”
“ฉันทำอะไร?”
“เหอะ ดูเอาเอง”
พ่อรูปหล่อโยนโทรศัพท์มาให้ฉันภายในหน้าจอฉายภาพวิดีโอผู้หญิงนางหนึ่งยกแข้งยกขาทำท่าปั่นจักรยานกลางอากาศแล้วไหนจะลุกขึ้นเต้นท่าบ้าๆบอๆนั่นอีก ฉันไงจะใครล่ะ!! ฉันทำหน้าตึงเก็บอาการเขินแบบสุดๆแล้วเงยหน้ามองเอ่อ ชื่อไรนะ สโนว์มั้ง สโนว์นั่นแหละ ฉันเงยหน้ามองสโนว์ด้วย
สีหน้าประมาณว่า แค่นี้เหรอ? แล้วไง? ก่อนที่เขาจะพูดประโยคถัดมา
“ยังไม่จบ มีแสบกว่านี้”
มือหนาฉกชิงโทรศัพท์จากมือฉันไปกดอะไรสักอย่างก่อนจะหันจอมาให้ฉันดูอีกครั้ง คราวนี้ฉันตะลึงจนตาค้างเลย
จูบ!!!
ฉันจูบเขาอะ เป็นคนจูบก่อนด้วย!! เขินอะทำไงดีฉันนี่ไม่กล้าเงยหน้ามองสโนว์เลยถึงจะอยากรู้ก็เถอะว่าจะเขินเหมือนฉันไหม ไม่ไหวอะอยากรู้ ฉันเหล่ตาขึ้นไปมองหน้าสโนว์นิดหนึ่งก็พบกับสายตาอำมหิตจ้องมองฉันอย่างกับฉันไปดักตีหัวเขาแต่ชาติปางไหนอย่างงั้นแหละ
อ้วกกก!!
เอ๊ะ?
อ้วกกก!!
เสียงอ้วกแบบหนักหน่วงทำให้ฉันละสายตาจากคนน่ารักน่าขย้ำตรงหน้าและมามองยังหน้าจอโทรศัพท์แทน ฉันอ้วก อ้วกใส่หน้าเขาเลอะเทอะไปหมด อ้วกตอนจูบกันด้วยทั้งที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเนี่ยนะ ไม่ใช่อ้วกพุ่งเข้าปากสโนว์ไปด้วยแล้วเหรอ?
ตายๆๆ น่าอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
“ฉันจะรับผิดชอบนายเอง ไหนๆนายก็เป็นของฉันแล้ว”
“ฉันไปเป็นของเธอตอนไหนไม่ทราบ”
“ตอนเมื่อกี้ ตั้งแต่ฉันจูบนายนั่นแหละ”
“แล้วไงต่อ”
“งั้นเรามาเป็นแฟนกัน นายมาคบกับฉันแล้วฉันจะรับผิดชอบนายเอง แฟร์ๆ”
ฉันต้องใช้ความกล้าเท่าไรถึงจะพูดประโยคนี้ออกไปได้ นี่ฉันเป็นผู้หญิงยังไงกันแน่นะ แต่ก็เอาเถอะพูดเรี่ยราดไปงั้นแหละถ้าได้คบก็คบ ไม่ได้คบก็ช่างหัวมัน แค่ชอบหน้าตาส่วนนิสัยยังไม่รู้ หน้าหวานแบบนี้อาจจะเลว
ก็ได้ ผู้หญิงคนอื่นชอบคนเลวแต่ฉันไม่นะฉันชอบคนดีถ้าเลวมานี่ก็เซย์กู๊ดบายสถานเดียว ฉันเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจขวนขวายกับเรื่องรักๆใคร่ๆเท่าไร เห็นแล้วกรี๊ดกร๊าดอะปกติแต่จะมาให้พัวพันคงยากหน่อย
“ตกลง”
“ห้ะ?!! ทำไมง่ายงี้อะ”
“ก็เห็นเธอว้อนเลยสนองให้ ลองดูไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พักแล้วกัน”
วิ้งค์ หัวฉันนี่วิ้งค์เลย นี่ฉันมีแฟนแล้วเหรอ? ทำไมมันง่ายดายแท้แต่ก็พูดไปแล้วนี่มีก็ดีเหมือนกันเผื่อจะปกป้องดูแลฉันได้ไหนๆก็อยู่เมืองไทยตัว
คนเดียวแล้ว ลองๆคบกันดูจะเป็นอะไรไปคงไม่หนักหนาสาหัสนักหรอกมั้งก็แค่มีแฟน จริงๆฉันเป็นคนน่ารักนะเป็นคนบ้าๆบอๆไปวันๆอะไม่ได้คิดอะไรมากมาย เป็นผู้หญิงชิคๆชิลๆไปวันๆ
ฉันเดินเหมือนคนละเมอเข้าห้องน้ำและยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก
หน้าฉันซับสีแดงจางๆด้วยความเขินปนตื่นเต้นเห็นหน้าครั้งแรกก็ชอบเลยแหละน่ารักแบบสโนว์น่ะแต่ใครจะคิดว่ามันจะตอบตกลงเป็นแฟนง่ายแบบนี้ ดีใจอยู่นะ ดีใจแบบงงๆ ฉันจัดการล้างหน้าล้างตาและทำความสะอาดเสื้อผ้าที่เลอะนิดหน่อยค่อยเดินออกจากห้องน้ำมา
“ส่งฉันกลับคอนโดหน่อยสิ”
“ได้เลยคร้าบบบ คุณแฟน”
เริ่มละ เริ่มออกลายล่ะ...
“เธอนั่งรอฉันอยู่ตรงล็อบบี้นี่แหละ เดี๋ยววนรถมารับ”
“เอ๊ะ นี่มันล็อบบี้คอนโดฉันนี่”
“เอ้า ดีเลยขี้เกียจขับรถพอดี อยู่ห้องไหนล่ะ”
“5049”
“โห้ะ!!!! ก็ข้างห้องฉันน่ะสิ ห้องฉันที่อยู่เมื่อกี้ 5048”
หนีไม่พ้นแบบนี้มันพรหมลิขิตชัดๆเลย สวรรค์ส่งนายมาเป็นเนื้อคู่ฉันแน่เลย ว่าไหม?
สุดท้ายเราก็เดินกลับขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นห้าเหมือนเดิม ห้องเราอยู่ข้างกันจริงๆด้วยแหละฉันก็ว่าอยู่ว่าทำไมองค์ประกอบในห้องสโนว์มันถึงคล้ายห้องฉันแต่ก็ไม่ใช่ห้องฉันที่ไหนได้ก็คอนโดเดียวกันนี่เอง แต่ก่อนจะแยกย้ายกันไปขอพูดคุยข้อตกลงในการเป็นแฟนกันหน่อยเถอะเพื่อประโยชน์ที่ดีในอนาคต
“นี่นาย บอกนิสัยใจคอของนายมาให้ฉันฟังสิ ให้คะแนนสิบคะแนน”
“ฉันเป็นคนหล่อ น่ารักน่าขย้ำ เอวดีลีลาเด็ด”
“เอาไปศูนย์คะแนน นอกจากหน้าตาดีมีอะไรดีอีกไหม”
“บ้านรวยมั้ง เธอล่ะ บอกนิสัยมาเดี๋ยวฉันหอมแก้มเธอหนึ่งที”
“ไร้สาระน่า นิสัยฉันก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน แต่ฉันไม่ชอบคนโกหก
โลเล นายเป็นแฟนฉันแล้วก็กรุณาทำตัวดีๆด้วยล่ะ ไม่งั้นก็เลิกสถานเดียว”
“ฉันว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายเท่าไรอยู่ดีๆมาขอผู้ชายเป็นแฟนแต่ก็โอเค ฉันก็มีเหตุผลของฉันที่ตอบตกลงไป”
“นั่นมันเรื่องของนาย พรุ่งนี้เจอกันสิบโมงนะ ส่งฉันไปเอารถที่ผับด้วย กู๊ดไนท์มายนิวบอยเฟรนด์”
ทำไมรู้สึกเหมือนฉันจะสร้างปัญหาให้ตัวเองยังไงไม่รู้ เหมือนขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆเลยให้ตายเถอะ หมอนี่มันมีลับลมคมในยังไงบอกไม่ถูกหรือฉันเดินไปบอกเลิกมันดีไหมนะ เลิกมันตอนนี้แหละ ฉันเปิดประตูเดินออกจากห้องแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องสโนว์พร้อมกับกดกริ่งเรียกหาเจ้าของห้อง
“โอ๊ยยย เธอมีอะไรอีกล่ะน่ารำคาญจริงๆ”
“เลิกกันเถอะ”
“ไม่เลิกอะ ไปนอนได้แล้วไปฉันจะนอนแล้ว!!”
อะไรวะ จะเลิกก็ไม่เลิก...
ฉันต้องเดินกลับเข้าห้องด้วยความมึนงงอยากตีปากตัวเองจริงๆ
ปากพล่อยปากไวไปขอคนอื่นเป็นแฟน ถามว่าอยากมีแฟนไหมก็อยากมีเพราะต้องการคนมาปกป้องฉันในสังคมที่มีแต่การปล้นจี้ชิงทรัพย์แบบที่เป็นข่าว หรือฉันจะจ้างตำรวจมาคุ้มภัยดีนะ ความคิดนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันบางทีตำรวจอาจปกป้องฉันได้ดีกว่าสโนว์ก็ได้ ช่างเถอะนอนดีกว่า
ก็แค่มีแฟนคงไม่ทำให้ชีวิตฉันยุ่งยากอะไรนักหรอก...