[ตอน]
อดีตแสนระทม
"หากจะบ่นถึงไวไฟกับโทรศัพท์อะไรของเจ้าน่ะมิต้อง ในแผ่นดินที่ใช้สิ่งต่าง ๆ จากธรรมชาติเช่นนี้ ให้ข้าตายก็หาให้มิได้หรอก" ผู้เฒ่ารีบดักคอ เพราะเบื่อจะฟังนางเอ่ยถึงสิ่งที่ตนมิรู้จัก
“ข้ามิพูดถึงก็ได้ ว่าแต่ผู้เฒ่า...นอกจากท่านจะนิมิตเห็นอดีตของข้าแล้ว ท่านยังเห็นอนาคตของข้าด้วยรึไม่" นางยกมือเท้าคางถาม ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังชายชราอย่างตั้งใจ
"เรื่องของสวรรค์ อนาคตข้ามิอาจรู้ได้ ก่อนเจ้ามาที่นี่ข้าเพียงนิมิตเห็นเจ้าในแผ่นดินที่ต่างไป มีหลายสิ่งที่ข้ามิรู้จัก และมิเคยพบเห็นมาก่อนในหลินหลาง" ผู้เฒ่าบอกตามความสัตย์จริง
ด้วยหมั่นเพียรภาวนามานาน ทำให้เมื่อผู้เฒ่าชรานั่งสมาธิจู่ ๆ ในหัวก็เกิดภาพประหลาดให้เห็น ในตอนนั้นเขาหาได้เข้าใจถึงสิ่งที่เห็นไม่ ทว่าตอนพบนางครั้งแรกผู้เฒ่าจึงรู้ได้ทันที ว่าทุกสิ่งในโลกล้วนมีเหตุและผลของมัน
"เช่นนั้นที่ท่านสอนการฝึกพลังปราณ และให้ข้าศึกษาวรยุทธ์ เพราะว่าหน่วยก้านในอดีตของข้าเหมาะที่จะฝึกรึ" นางเอ่ยถาม หยิบเอาผลส้มในจานมาปลอกกินไปพลาง
"มันอาจจะมีประโยชน์ในภายหน้า เจ้ามิใช่คุณหนูที่ถนัดงานบ้าน ทั้งตอนนี้และในอดีตเจ้าทำเรื่องเหล่านั้นมิดีนัก หากมิหาสิ่งอื่นให้เจ้าทำ เจ้าจะมิกลายเป็นคุณหนูผู้ไร้ประโยชน์รึ" ผู้เฒ่ากล่าวเหน็บแนมได้ถูกต้อง
ในอดีตลั่วจินหลิงเป็นเด็กกำพร้าที่โตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ต่อมานางถูกชายผู้มีฐานะมั่งคั่งนำไปชุบเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ด้วยเขาเห็นว่าไอคิวของนางสูงกว่าเด็กทั่วไป นางจึงสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
เขาสอนนางในสิ่งที่เด็กทั่วไปมิจำเป็นต้องเรียนรู้ เช่นการอ่านแผนที่ อ่านเข็มทิศ ศึกษากลไกอาวุธ กลยุทธทางการทหาร และให้นางเรียนศิลปะป้องกันตัวหลายแขนง ฝึกใช้อาวุธจากการประกอบเอง สุดท้ายเมื่อนางอายุครบสิบเจ็ดปี บิดาบุญธรรมได้ส่งนางเข้าไปในหน่วยสืบราชการลับขององค์กรใหญ่ระดับประเทศ นางมิอาจปฏิเสธการเลี้ยงดูที่มิขาดตกบกพร่องของบิดาบุญธรรม จึงทำตามทุกความประสงค์ของบิดา
'ป๊ะป๋า! หนูต้องทำงานนานแค่ไหนคะ หนูอยากมาอยู่กับป๊ะป๋าเหมือนเดิม ให้หนูเรียนรู้อะไรก็ได้ หนูเรียนได้หมด แค่อย่าส่งหนูไปอยู่ที่อื่น'
ในอดีตนางเคยมีคำถาม ไยบิดาบุญธรรมจึงตัดใจส่งนางไปทำงานเสี่ยงอันตราย เพราะนางยังเรียนรู้มิพอ หรือนางทำให้เขาผิดใจตรงไหน เขาถึงทำเช่นนั้นกับนาง
คำว่า 'ไร้ประโยชน์' มิต่างจากเข็มแหลมนับหมื่นเล่มที่หมุนเวียนผลัดกันทิ่มแทงลงบนหัวใจของลั่วจินหลิง ในที่สุดนางก็รู้ว่าเด็กกำพร้ามิสามารถอยู่อย่างไร้ประโยชน์ได้ เขาเลี้ยงนางอย่างดี ก็เพื่อให้นางทำงานตอบแทนให้ดีเช่นกัน นางจึงตระหนักได้ว่า 'ความรักกับเด็กกำพร้า' มันช่างน่าขันนัก
"ข้าทำดีกว่าเมื่อก่อนหรือไม่ ท่านพ่อจะยินดีรึไม่ ท่านพี่จะชอบข้าไหม ผู้เฒ่า...ข้าอยู่เหมือนมิมีจุดหมาย ทำไปเพื่อมิให้ถูกทอดทิ้ง ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก" หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือความรวดร้าว ในใจของนางยังคงเจ็บปวดเหลือเกิน
หากละทิ้งอดีตไปได้คงจะดีมิน้อย ไยยังต้องเกิดมารับรู้เรื่องราวความเจ็บปวดใจของตนเองด้วย
“นางหนู...” มือเหี่ยวย่นของผู้เฒ่าจี้กวงลูบลงบนเส้นผมอ่อนนุ่มของหญิงสาวอย่างปลอบโยน ชายชราเห็นอดีตที่น่าสงสารของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ทำทุกอย่างตามคำสั่งเพื่อแลกกับความรัก ทว่าสุดท้ายทั้งหมดเป็นเพียงการหลอกลวง เขาทุ่มเทให้นางเพียงเพราะความสามารถที่นางมีเท่านั้น เมื่อไร้ประโยชน์ก็มิคิดเหลียวแลอีก
'นางโง่! ถูกมันหลอกเอาข้อมูลไปจนได้'
ลั่วจินหลิงจำน้ำเสียงตวาดนั้นได้ นางสะดุ้งเบิกตาโตมองหน้าบิดาบุญธรรมอย่างมิเชื่อหูตัวเอง
'ป๊ะป๋า! มันเกี่ยวพันกับชีวิตป๊ะป๋า หนูกลัวป๊ะป๋ามีอันตราย เลยพลาดโดนมันหลอก มันอ้างถึงป๊ะป๊า...หนูขอโทษนะคะ'
'ไร้ประโยชน์...ฉันเลี้ยงคนไร้ประโยชน์ไว้เพื่ออะไร ไสหัวไป ไม่มีอะไรที่เด็กโง่ ๆ อย่างแกจะทำได้แล้ว'
การถูกถีบหัวส่งเป็นเช่นไรนางรู้ดี นางก็เหมือนหมาที่ถูกเจ้าของทอดทิ้งให้ตายอยู่ข้างถนนมิมีผิด
"นางหนูบัดนี้เจ้ามีชีวิตใหม่แล้ว อย่าได้ยึดติดกับคนในอดีตแล้วเอามาเปรียบเทียบกับคนรอบกายเจ้าสิ ที่ผ่านมาเจ้าทำได้ดีแล้ว" ผู้เฒ่าปลอบประโลม
"อดีตที่ผ่านมาทำให้ข้ารู้ว่า...จิตใจคนยากแท้หยั่งถึงนัก" นางเอ่ยเสียงเบา เงยดวงหน้างามหยดย้อยมองผู้เฒ่า
"เจ้าต้องแยกแยะให้ได้ ต่อไปหากข้ามิอยู่แล้ว ผู้ใดจะฟังคำร้องทุกข์ของเจ้ากัน" ผู้เฒ่าว่า เขาเห็นนางมาตั้งแต่ครั้งยังแบเบาะ จึงเอ็นดูนางราวหลานสาวแท้ ๆ เมื่อยามเห็นนางหม่นเศร้ามีหรือผู้เฒ่าจะยินดี
หญิงสาวได้ฟังก็ทอดถอนใจออกมา นางฝืนยิ้มน้อยให้ผู้เฒ่า ก่อนจะหยัดกายอรชรยืนขึ้น
"อย่าเป็นไรไปเล่า ข้าคุยกับท่านได้เท่านั้น อย่าทรยศข้า อย่าหนีจากข้าไปก่อน ข้าหมายถึง...ถ้าท่านเห็นใจข้าอะนะ" นางกล่าว จับมือเหี่ยวย่นแกว่งไปมาอย่างอ้อนวอนในแบบของนาง
"ได้! ข้าจะอยู่ยงคงกระพัน รอเจ้ามีหลานตัวน้อยให้ข้าสักสามสี่คนก่อนดีหรือไม่นางหนู" ผู้เฒ่าเอ่ยเจือขบขัน นางจึงค่อยยิ้มได้
"ดีเลย! ข้าสบายใจแล้ว เอ้านี่! หญ้าสมานใจ ข้าเก็บได้เมื่อหลายวันก่อน ท่านเก็บไว้ใช้เถิด ไว้ข้าค่อยไปหาใหม่" นางยื่นห่อยาสมุนไพรให้ผู้เฒ่า ทำเอาชายชราตาเป็นประกาย
บนเขาชิงซานแห่งนี้ มี ‘หญ้าสมานใจ’ สำหรับผสมในตัวยาขจัดพิษทุกชนิด และ ‘หญ้าสลายใจ’ ที่เป็นตัวยาเร่งพิษ หญ้าสองชนิดนี้ราวของล้ำค่าหาได้ยากยิ่งนัก ทุกครั้งลั่วจินหลิงจะเก็บเอาไปเสียหมด ทำให้ผู้เฒ่าจี้กวงยังมิมีหญ้าเหล่านี้ในชั้นยา
"ไอ๊หยา! มิเสียแรงที่ปลอบใจเจ้า ครั้งหน้าถ้ามาอีก ก็ติดหญ้าสลายใจมาให้ข้าด้วยเล่า" ผู้เฒ่าหัวเราะชอบใจ เอ็นดูนางยิ่งนัก
“รู้แล้ว ๆ ไว้ข้าจะเอามาให้ท่านแล้วกัน ข้ากลับล่ะ” หญิงสาวรับคำ ก่อนจะโบกมือลาผู้เฒ่า
ยามบ่ายคล้อยแสงแดดยังคงอาบไล้ยอดไม้บนเขาชิงซาน ลั่วจินหลิงจูงเจ้าเสี่ยวไป๋ลงจากเขาอย่างมิเร่งร้อนอันใดนัก นางเดินไปเรื่อยเปื่อยด้วยคุ้นชินเส้นทางเป็นอย่างดี สายตาคู่งามมองเสาะหายาสมุนไพรไปพลาง
“นั่น...ให้ตายเถิดเสี่ยวไป๋ ไยข้าถึงโชคดีเพียงนี้ ต้นนารีเริงระบำมิใช่รึ เหอะ! หากตาเฒ่ารู้ว่าข้าเจอมันล่ะก็ คงจะเสียดายมิน้อย”
ลั่วจินหลิงเอ่ยกับเจ้าม้าขาวปลอดอย่างอารมณ์ดี ก่อนเดินดุ่มตรงไปยังเจ้าต้นสมุนไพรหายาก ที่ขึ้นอยู่หลังซากท่อนซุงผุข้างทาง ในหนึ่งปีจะสามารถเก็บต้นนารีเริงระบำได้เพียงแค่ช่วงนี้เท่านั้น นางเทียวขึ้นเขามาตามหาสองปีแล้ว แต่มิพบแม้ต้นเดียว มาครานี้ถือว่าโชคดีมากจริง ๆ
‘นารีเริงระบำ’ สมุนไพรพิษฤทธิ์กล่อมประสาท สามารถนำมาบดผสมลงในกำยาน เร่งพิษกำหนัดได้เป็นทบเท่าทวีคูณ ไร้สี ไร้กลิ่น ผู้ที่ถูกพิษหากมิได้ถอนพิษด้วยไฟสวาทแล้ว ภายในครึ่งชั่วยามจะมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย
หากเทียบฤทธิ์ยาคงคล้ายยาปลุกเซ็กส์แบบรุนแรงที่ขายกันในวงการใต้ดินในยุคปัจจุบันกระมัง เพียงแค่การแก้พิษนั้นต่างไป นารีเริงระบำดูเหี้ยมกว่ามากนัก
“เพียงแค่ต้นเดียวเท่านั้น หากข้าหาที่เหมาะ ๆ เพาะขยายพันธุ์เจ้าได้ ข้าก็มิต้องเที่ยวตามหาเจ้าอีก” นางเอ่ยกับต้นสมุนไพรน้อยในมือ ก่อนจะค่อย ๆ ห่อเก็บมันไว้อย่างดี
อีกด้านหนึ่ง...หลังจากเหตุการณ์ที่ชายแดนเมืองเฟิ่งเซียงครั้งนั้น ท่านอ๋องเก้าจ้าวเว่ยหลงก็ให้คนตามสืบเรื่องของกลุ่มคนที่ไล่ล่าสายลับเป่ยหมิง ทว่ากลับไร้วี่แวว รู้เพียงแค่ผู้นำเป็นสตรีเท่านั้น แม้กระทั่งอาวุธลับที่ใช้สังหาร หมอฝีมือดีทั่วทั้งเมืองก็ตรวจสอบหาที่มามิได้ ว่าเป็นพิษร้ายชนิดไหนที่เคลือบอยู่บนเข็ม
ทว่าเมื่อสองวันก่อน คนของเขาก็ได้ข่าวว่ามีหมอเทวดาที่อาศัยอยู่บนเขาชิงซาน มีความรอบรู้เรื่องยาสมุนไพรหลายชนิด บุรุษหนุ่มจึงตัดสินใจเดินทางมาขอคำชี้แนะด้วยตนเอง
"ท่านอ๋องจะไปพบท่านหมอเทวดาจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ แต่ท่านหมอมิเคยให้ผู้ใดพบง่าย ๆ จะมิเป็นการเสียเที่ยวหรือพ่ะย่ะค่ะ" เหวินห้าวเอ่ยถาม ทั้งที่บัดนี้พวกเขาเดินทางมาถึงกลางเขาแล้วแท้ ๆ