[ตอน] ไล่ล่าสายลับเป่ยหมิง
คำชี้แจง
นิยายรักเรื่อง “กรงรักพยัคฆ์ร้อน” นิยายจีนโบราณไม่อิงประวัติศาสตร์ยุคสมัย เป็นแนวเกิดใหม่ ระลึกชาติ กำลังภายใน แฟนตาซี ผู้แต่งเขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง ชื่อบุคคล สถานที่ หลักจารีต ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ผู้เขียนสมมติขึ้นจากจินตนาการทั้งสิ้น อาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนบิดเบือนจากหลักความเป็นจริงเพื่ออรรถรส มีเนื้อหาสุ่มเสี่ยง ผิดศีลธรรมและจารีตอันดีงามในบางช่วงบางตอน มีการบรรยายถึงการต่อสู้ บทร่วมรักชัดเจน ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามมิให้ทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ตีพิมพ์ เผยแพร่ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
--------------------------------
[ตอน]
ไล่ล่าสายลับเป่ยหมิง
เสียงกีบม้าดังถี่ ๆ บ่งบอกถึงความเร่งรีบของผู้ควบขี่ ฝุ่นคลุ้งตลบอบอวลตลอดเส้นทางที่ฝูงอาชาดำทะมึนทะยานผ่าน กลุ่มคนชุดดำกว่ายี่สิบคนเข้าตีกรอบล้อมรอบรถม้าคันใหญ่ ชายผู้กำบังเ**ยนฟาดแส้เร่งฝีเท้าม้าด้วยเวลาไล่ล่ามีจำกัดนัก
"ย๊า! เสี่ยวไป๋ข้าต้องขอแรงเจ้าอีกแล้ว" เสียงหวานแผดลั่น ขณะมือน้อยกำบังเ**ยนบังคับอาชาเลือดร้อนสีขาวปลอดท่าทางสง่างามนามว่า 'เสี่ยวไป๋' มุ่งหน้าไปอย่างมิมีลดละ
"คุณหนูกลับไปก่อนเถิดขอรับ ตรงชายแดนอันตรายยิ่งนัก ข้าน้อยจะปล่อยให้คุณหนูไปเสี่ยงได้อย่างไร" เสียงชายหนุ่มที่ควบม้าไล่ตามมาตีขนาบข้างร้องห้าม ทว่าหญิงสาวหาได้มีท่าทีใส่ใจสีหน้าร้อนรนของผู้ติดตามไม่
"ข้าจะตามไปเด็ดหัวพวกที่กล้าข้ามแดนมา อาหยิน! อาหยาง! ตามไปเร็วเข้า" หญิงสาวส่งเสียงสั่งการ ทำให้หมาป่าตัวใหญ่มิต่างเสือโคร่งเต็มวัยสองตัว พุ่งทะยานวิ่งนำหน้านางไปหลายช่วงตัว ราวฟังคำสั่งนางรู้ความ
"ทูลองค์ชายมีกลุ่มคนไม่ทราบที่มากำลังไล่หลังมาพ่ะย่ะค่ะ คนของเราท้ายขบวนเริ่มถูกสังหารแล้ว สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คาดคิดพ่ะย่ะค่ะ" เสียงหนึ่งในกลุ่มชายชุดดำร้องบอกบุรุษในรถม้า
"ให้คนรีบสกัดพวกมันไว้! ต้องส่งข้าข้ามแดนให้ได้"
สิ้นเสียงคำสั่ง ชายชุดดำจำนวนหนึ่งก็ได้รับสัญญาณมือ ให้หันไปรับมือกับกลุ่มคนที่ตามมาทันที
ในขณะที่หมาป่าสองตัวผลัดกันกระโจนฝังคมเขี้ยวลงบนคอของเหล่าชายชุดดำจนบาดเจ็บ ตกลงจากม้าคนแล้วคนเล่า ขณะที่ม้าสีขาวพาร่างอิสตรีภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำทะยานขึ้นมาเบื้องหน้า เข็มพิษนับร้อยเล่มถูกซัดออกจากฝ่ามือนาง ก่อนกระจายเป็นวงกว้างปักลงบนร่างของชายชุดดำเหล่านั้น ทำให้ผู้ที่ถูกเข็มพิษตกจากหลังม้า บ้างดิ้นรนหนีบ้างถูกหมาป่าไล่ขย้ำ แต่สุดท้ายก็มิอาจฝืนทนต่อพิษที่กระจายตัวในร่างอย่างรวดเร็ว
"ย๊า! องค์ชายใหญ่จะรีบร้อนไปที่ใดเล่า เหตุใดมิหยุดพูดคุยกันก่อน" น้ำเสียงหวานกังวานตะโกนถาม ขณะเบี่ยงกายหลบกระบี่ที่พุ่งมาตรงหน้า เพียงนางสะบัดฝ่ามือกระบี่เล่มนั้นก็ตีกลับไปยังคนถือ นางพลิกฝ่ามืออีกครั้ง ก็มีมีดสั้นปรากฏในมือราวภาพมายา เพียงพริบตาร่างของหญิงสาวก็ลอยไปยืนบนหลังม้าของชายชุดดำ ยังมิทันได้หายใจเข้า มีดสั้นในมือนางก็ตัดเข้าที่หลอดเลือดใหญ่บริเวณลำคอ ส่งผลให้เลือดพุ่งออกมาจากปากแผลมิหยุด ผู้เคราะห์ร้ายขาดใจตายอย่างฉับพลัน
"อ๊าก!" เสียงร้องโหยหวนก่อนสิ้นลมของเหล่าชายชุดดำที่ถูกหมาป่าลากไปขย้ำช่างน่าหดหู่ยิ่งนัก
ภาพที่ฝ่ายของตนถูกสังหาร โดยที่ยังมิทันได้มีโอกาสตอบโต้อย่างเต็มกำลัง สร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงแก่ชายฉกรรจ์ที่เหลือเป็นอย่างมาก จะต้องเป็นสตรีแบบไหนกันถึงได้แผ่จิตสังหารออกมาได้มากมายเช่นนี้ นางเป็นนักล่าค่าหัวหรือคนของฮ่องเต้แห่งหลินหลางกันแน่
"บังอาจนัก! เจ้าเป็นคนของผู้ใดถึงได้กล้าตามล่าข้ามาถึงที่นี่" เสียงคนในรถม้าร้องถาม หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยขุ่นเคืองในใจนัก
เพียงฟังจากน้ำเสียงหวาน ๆ ที่เปล่งสั่งการแล้ว คนด้านนอกหาใช่บุรุษไม่ แต่เหตุใดแคว้นหลินหลางจึงส่งสตรีมาตามล่าเขา ทำเช่นนี้จะมิเป็นการดูถูกกันเกินไปหรอกหรือ
"ไยมิออกมาดูคนขององค์ชายก่อน มิว่าหม่อมฉันจะเป็นคนของผู้ใด สิ่งที่ท่านควรรู้ไว้ คือต่อให้หม่อมฉันต้องข้ามแดนไป ก็จะลากตัวท่านกลับมาให้จงได้" หญิงสาวส่งเสียงตอบ
ในขณะที่สนทนากันเสียงกระบี่และดาบยังคงกระทบกระทั่งกันมิหยุด มีทั้งบาดเจ็บสาหัสและล้มตายตลอดเส้นทาง ในที่สุดคนของหญิงสาวเพียงมิกี่สิบคน ก็สามารถตีขนาบเข้าล้อมรอบรถม้า และยับยั้งคนของอีกฝ่ายที่เหลือไว้ได้ ก่อนที่พวกเขาจะถึงเขตชายแดน
"องค์ชายจะมิออกมาเจอกันหน่อยหรือเพคะ" นางเอ่ยถาม ขณะบังคับม้าให้เดินขึ้นหน้ามา
ได้ยินอีกฝ่ายท้าทายเช่นนั้น ม่านหน้ารถม้าจึงถูกเปิดออก บุรุษร่างสูงแต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อดีเดินลงมาจากรถม้าด้วยท่าทางสุขุม ทั้งที่ในใจบัดนี้หวั่นเกรงภัยตรงหน้ามิน้อย
บุรุษหนุ่มเป่ยหมิงมองตรงไปยังสตรีบนหลังอาชาสีขาวสง่างาม ที่มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นอาชาชั้นยอดที่มิได้หาซื้อมาครอบครองได้ง่าย ๆ แม้ใบหน้าจะถูกบดบัง ทว่าท่าทางอวดดีของนางกลับแผ่กระจายออกมาอย่างชัดเจน บัดนี้เขารู้แล้วว่านางมาเพื่อยับยั้งเขาจริง ๆ
"แม่นาง! เจ้าถูกว่าจ้างหรือรับคำสั่งผู้ใดมา บอกข้าได้รึไม่" องค์ชายใหญ่แห่งแคว้นเป่ยหมิงเอ่ยถาม หากต้องตายอยู่ต่างแคว้นจริง อย่างน้อยเขาก็สมควรรู้ว่าเป็นผู้ใดที่สั่งการลงมา
หญิงสาวขยับยิ้มภายใต้ผืนผ้า ทว่ายังมิทันได้เอ่ยตอบ ผู้ติดตามของนางก็เข้ามากระซิบรายงานข่าวเสียก่อน
"คนของท่านอ๋องเก้ากำลังมาที่นี่ขอรับ เกรงว่าข่าวคงไปถึงวังหลวงเรียบร้อยแล้ว"
“ชินอ๋องรึ…” หญิงสาวพึมพำออกมา นางเคยได้ยินชื่อเสียงของพระอนุชาในองค์ฮ่องเต้แห่งหลินหลาง ทว่ายังมิเคยพบบุรุษผู้เก่งกาจลือเลื่องผู้นั้นสักครั้ง
‘ไยท่านอ๋องถึงมาที่ชายแดนเวลานี้’
"คนของจ้าวเว่ยหลงกำลังมารึ เช่นนั้นแม่นางเองก็เป็นคนของตำหนักชินอ๋องด้วยสินะ" บุรุษหนุ่มคาดเดา
ถ้อยคำรายงานระยะเพียงมิถึงหนึ่งจั้ง องค์ชายใหญ่ผู้ฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่ยังเยาว์จึงสามารถจับใจความได้ และทึกทักเรื่องราวเองเสร็จสรรพ
เขามิคิดเลยว่านอกจากองครักษ์พยัคฆ์จันทราแล้ว ชินอ๋องแห่งหลินหลางยังมีสตรีฝีมือดีไว้ใช้งานอีกด้วย
"น่าเสียดายที่องค์ชายเดาผิด มิมีผู้ใดสั่งการ แต่หม่อมฉันพาคนมายับยั้งท่านด้วยตัวเองเพคะ" หญิงสาวเอ่ยขัดก่อนที่องค์ชายจะโยงนางไปข้องเกี่ยวกับบุรุษผู้นั้นไปมากกว่านี้ นางมิได้มาเพราะฮ่องเต้หรือคนในราชวงศ์ เพราะคนเหล่านั้นหาได้สำคัญพอที่นางจะเสี่ยงภัยมาถึงที่นี่ไม่
“มิใช่คนของชินอ๋องจริง ๆ รึ” องค์ชายใหญ่ยังมิหายแคลงใจ
“บอกว่าไม่ ย่อมแปลว่าไม่เพคะ” หญิงสาวให้ความกระจ่างเพียงแค่นั้น ด้วยมิคิดเอ่ยสิ่งใดให้มากความ ก่อนจะขยับพลิกฝ่ามือซัดเข็มพิษใส่ชายชุดดำที่เหลือ เพื่อจัดการอีกฝ่ายให้สิ้นเรื่อง ก่อนที่คนจากวังหลวงจะมาถึง ทำให้บัดนี้เหลือเพียงองค์ชายใหญ่เป่ยหมิงที่ยืนรอความตายเพียงลำพัง
บุรุษหนุ่มมองคนของตนที่ถูกสังหารลงในพริบตาก็ถึงกับหน้าซีดเผือด อาวุธลับที่สตรีนางนี้ใช้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
"หากแม่นางมาด้วยตัวเอง บอกได้รึไม่ว่าข้าทำสิ่งใดให้แม่นางมิพอใจ" องค์ชายใหญ่แสร้งตีสีหน้ามิร้อนรน ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยไฟโทสะ เมื่อเห็นว่าการใช้อาวุธลับของนางนั้นแม่นยำนัก นั่นหมายถึงนางมีพลังปราณและวรยุทธ์ที่ค่อนข้างดีทีเดียว เพียงลำพังตัวเขาจึงมิอาจทำการบุ่มบ่ามได้
"แค่องค์ชายก้าวขามาเหยียบเมืองเฟิ่งเซียงก็นับว่าผิดมหันต์แล้ว พวกเจ้าจับองค์ชายมัดไว้!" นางตอบและสั่งการในคราเดียว ทำให้องค์ชายใหญ่มิอาจดิ้นรนขัดขืนได้
หญิงสาวมองดูองค์ชายเป่ยหมิงถูกจับมัดติดกับรถม้า พลันใบหูนางก็ขยับไหวเล็กน้อย เมื่อมีเสียงกีบม้าจำนวนมิต่ำกว่าสิบตัวกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
"ถอย!" นางส่งเสียงสั่งสั้น ๆ เพราะมิคิดจะสังหารองค์ชายเป่ยหมิงด้วยมือตนเอง
อีกด้านหนึ่งมิไกลจากจุดที่องค์ชายจากแคว้นเป่ยหมิงถูกจับมัดไว้เท่าไรนัก สายตาคมประดุจคมกริชของท่านอ๋องเก้าหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อการออกไล่ล่าตัวสายลับต่างแคว้นครั้งนี้ ทำให้บุรุษยอดนักรบพบศพชายชุดดำน่าสงสัยนอนตายเกลื่อนกลาด เมื่อควบม้านำคนของตนผ่านศพเหล่านั้นมา ก็พบกับชายผู้ต้องสงสัยถูกจับมัดไว้กับรถม้า ในปากมีผ้าสีดำอุดไว้มิให้ส่งเสียงร้อง
"ทูลท่านอ๋อง! ชายเหล่านี้ถูกเข็มพิษปักตามร่างกายจนถึงแก่ชีวิต ส่วนที่ตายอยู่ด้านโน้น ตรงคอมีบาดแผลฉกรรจ์คล้ายถูกคมเขี้ยวสัตว์ป่าทำร้ายพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์ประจำกายเข้ามารายงานด้วยสีหน้าเครียดขรึม
"เป็นฝีมือผู้ใดกัน…" น้ำเสียงราบเรียบเอ่ย มองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนเหงื่อกาฬแตกพลั่กขององค์ชายต่างแคว้น