บทที่ 11.2 ไปเที่ยวปรโลก
ลู่เหลียนในตอนนี้ดูคล้ายกับนางตอนที่นางสูญเสียน้องสาวไป ความรู้สึกไร้ที่พึ่งทางใจมันทำให้นางรู้สึกเคว้งคว้างและไร้จุดยืน ราวกับว่าโลกทั้งใบของนางกำลังแตกสลาย หัวใจของฟางเซียนบีบรัดเมื่อนึกถึงความรู้สึกนั้น ฟางเซียนโอบกอดลู่เหลียนด้วยความรู้สึกปลอบโยนอย่างไม่รู้ตัว
“อย่าร้อง” ฟางเซียนกอดพลางตบหลังของเขาด้วยท่าทางไม่คุ้นชิน
“งั้นก็อย่าตายนะขอรับ” ลู่เหลียนส่งสายตาอ้อนวอน
“ไม่” นางปฏิเสธทันที นางไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวของลู่เหลียนเลย
“ถ้าเช่นนั้น...ข้าจะทำ” ลู่เหลียนวางฟางเซียนลงและกล่าวต่อด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดสังหารท่านเด็ดขาด ต้องมีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถสังหารท่านได้” ท่าทีของลู่เหลียนแปลกไปและเขาก็ทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ
ลู่เหลียนวางมือทั้งสองข้างบนลำคอของฟางเซียนและค่อยๆ ออกแรงบีบ เมื่อถูกบีบคอฟางเซียนแอบรู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่นางก็ไม่คิดต่อต้าน ถ้ากฎห้ามฆ่าตัวตายไม่ทำงานนางก็จะปล่อยให้เขาบีบคอต่อไป
ลู่เหลียนคิ้วขมวดเมื่อเห็นว่าฟางเซียนไม่ต่อต้าน มือของเขาเริ่มสั่นเทาแต่เขาก็ยอมไม่ผ่อนแรงหรือปล่อยมือออกจากลำคอของฟางเซียน เขาออกแรงบีบมากขึ้นจนกระทั่งฟางเซียนเริ่มหายใจไม่สะดวกและรู้สึกอึดอัด ฟางเซียนตั้งใจจะปิดตาของนางแต่นางบังเอิญสบตากับลู่เหลียนเสียก่อน ดวงตาสีแดงของเขาสั่นไหว เต็มไปด้วยอารมณ์หวาดกลัว สับสน และไม่มั่นคง หัวใจของฟางเซียนรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง ทำไมทำหน้าราวกับว่าหัวใจกำลังแตกสลายเช่นนั้น?
เขาทำหน้าราวกับว่านางไปรังแกหรือไปแย่งของรักของหวงของเขาอย่างไรอย่างนั้น มันทำให้นางรู้สึกว่านางเลวร้ายมาก
“ท่านอาจารย์...” ลู่เหลียนเรียกนางเสียงแหบพร่า ดวงตาแดงก่ำเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้ ฟางเซียนมีความรู้สึกผิดเกิดขึ้น
นางลืมนึกถึงจิตใจของเด็กคนนี้ไปได้ยังไงกันนะ นางเลี้ยงดูเขามาตลอดหลายปีเขาย่อมมีความรู้สึกเคารพรักและผูกพันต่อนาง ลองนึกดูสิว่าเขาจะต้องรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหนกันเมื่อต้องฝืนใจฆ่าคนที่เลี้ยงดูตัวเองมาตลอดหลายปี
ถ้าเป็นนาง นางก็คงเจ็บปวดมากเช่นกัน
ฟางเซียนกุมมือของลู่เหลียนและดึงมือของเขาออกจากลำคอของนาง การกระทำนี้ไม่ใช่เพราะกฎห้ามฆ่าตัวตายบังคับ นางตัดสินใจทำด้วยตัวนางเองเพราะนางก็แค่ไม่อยากทิ้งความรู้สึกผิดไว้ในใจของลู่เหลียน
“พอแล้ว ไม่ต้องแล้ว” ฟางเซียนยื่นมือไปลูบหัวลู่เหลียน ลู่เหลียนเม้มปากและเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าของตัวเอง “เจ้าไม่ต้องสังหารข้าแล้ว...ให้เทพพวกนั้นสังหารข้าแทนจะดีกว่า”
ดวงตาของลู่เหลียนกระจ่างใส่เมื่อได้ยินประโยคแรก แต่พอได้ยินประโยคต่อมาดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความขุ่นมัว
“ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าชีวิตของท่านจะต้องเป็นของเข้าเท่านั้น!” ลู่เหลียนพูดในสิ่งที่เขาคิดในใจมาตลอด แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย ฟางเซียนได้ยินประโยคนั้นไม่ค่อยชัดมากนักเพราะว่าเสียงของแผ่นดินไหวมันกลบเสียงทุกอย่างไปหมด
ครืน!
แผ่นดินไหวรุนแรงมากขึ้น พื้นดินเริ่มแตกร้าวและแยกออกจากกัน ต่อมาหลุมที่เกิดจากรอยแยกของพื้นก็ได้มีลาวาสีแดงผุดขึ้นมา ซึ่งมันก็ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ในลาวานั่นยังมีมือสีแดงเลือดยื่นออกมาอีกด้วยและมือเหล่านั้นก็พยายามที่จะปีนออกมาจากรอยแยกของพื้น
ลาวาและมือเหล่านั้นมันคงเป็นส่วนหนึ่งของปรโลก ดูเหมือนว่าประตูปรโลกจะถูกเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิมด้วยฝีมือของใครบางคน ซึ่งก็ไม่ต้องใช้ความคิดมากมายก็รู้ได้ทันทีเลยว่ามันเป็นฝีมือของเทพมังกรขาวซือชูลี่อย่างแน่นอน
ฟางเซียนและลู่เหลียนเห็นมือสีแดงที่ยื่นออกมาจากรอยแยกของพื้นก็รีบถอยห่างทันทีเพราะพวกมันดูอันตรายมาก ฟางเซียนจำได้ว่าซงเลี่ยงจินต่อสู้อยู่ใกล้ๆ กับประตูปรโลก นางหวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไรไม่เช่นนั้นถ้านางรอดไปได้แต่เขาตายนางก็จะได้รับแต้มบวก!
ซึ่งทางด้านซงเลี่ยงจินก็กำลังลำบากอย่างที่ฟางเซียนกังวล มือสีแดงจากปรโลกกำลังออกอาละวาด ซากศพและมารหลายตนถูกมือสีแดงนั่นดึงลงไปในรอยแยกและจมหายไปในลาวา ทุกคนรีบหนีกันจ้าละหวั่นเพราะประตูปรโลกเปิดกว้างมากขึ้นกว่าเดิมด้วยตัวของมันเอง ถ้าหากไม่รีบปิดผนึกมันคงจะกลืนกินทุกอย่างในพิภพมนุษย์ แต่พวกเทพไม่ยอมปิดผนึกเสียที เมื่อเป็นนั้นเหล่ามารก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อไป
“พวกข้าต้องหนีกันแล้ว!ถ้ายังอยู่ต่อพวกเราจะถูกปรโลกกลืนหายไปกันหมดแน่!” พันธมิตรพรรคมารของซงเลี่ยงจินก็พร้อมใจกันวิ่งหนีออกไปจากหุบเขาสิ้นสุด แต่ซงเลี่ยงจินยังคงลังเลว่าจะหนีไปดีหรือไม่เพราะเขาไม่แน่ใจว่าฟางเซียนและลู่เหลียนหนีไปไกลแล้วหรือยัง แต่เมื่อเห็นว่าเหล่าเทพกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการซากศพและควบคุมประตูปรโลกจนไม่มีเวลาว่างไปทำอย่างอื่น ตอนนี้จึงเป็นจังหวะดีที่จะหลบหนี
ซงเลี่ยงจินตัดสินใจที่จะถอยโดยได้แต่หวังว่าฟางเซียนและลู่เหลียนจะหนีไปได้ แต่มีหรือที่ซือชูลี่จะยอมปล่อยฟางเซียนไปง่ายๆซือชูลี่และชูฮวาไล่ตามฟางเซียนและลู่เหลียนอย่างไม่ลดละ ฟางเซียนจำเป็นต้องหนีและสู้อย่างไม่มีทางเลือกเพราะนางไม่อยากให้ลู่เหลียนถูกฆ่าไปด้วย
นางตั้งใจว่าจะใช้คาถาเคลื่อนย้ายลู่เหลียนกลับไปที่ภูเขาเฮยอั้นอีกครั้ง แต่ลู่เหลียนไม่ยอมให้ความร่วมมือเลย เขาเลือกที่จะพุ่งเข้าไปต่อสู้กับซือชูลี่แทนแม้จะรู้ว่าตนเองไม่สามารถต่อการกับคู่ต่อสู้ไป
ชูฮวามองลู่เหลียนที่พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยสายตาราวกับมองแมลง นางสร้างแส้สายฟ้าออกมาและฟาดไปยังลู่เหลียนด้วยความเร็วสายฟ้า ลู่เหลียนพยายามปัดป้องแต่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ทั้งหมดและถูกแส้สายฟ้าโจมตีอย่างจัง
บาดแผลจากแส้สายฟ้าทำให้เกิดความเจ็บปวดมากกว่าปกติ ลู่เหลียนทรงตัวไม่อยู่และเกือบจะก้าวพลาดตกลงไปในรอยแยกของพื้น ฟางเซียนเห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปหาลู่เหลียนด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย นางหวังว่าจะเข้าไปรับตัวเขา แต่ชูฮวาก็เข้ามาขวางทางของนางเสียก่อน
“อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะตามลงไป ไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะต้องไปช่วยเขา” ชูฮวากล่าว และซือชูลี่ก็เข้ามาประชิดตัวฟางเซียนจากทางด้านหลัง
“ท่านอาจารย์!” ลู่เหลียนพยายามฝืนความเจ็บปวดและวิ่งไปหาฟางเซียน ซือชูลี่เห็นดังนั้นจึงหันไปโจมตีลู่เหลียนด้วยพลังในรูปลักษณ์ของมังกรขาวย่อส่วน ซึ่งมันมีพลังโจมตีเยอะมาก
“อย่าแตะต้องเขา!” ฟางเซียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบอย่างโกรธเกรี้ยว ในขณะเดียวกันนางก็ปล่อยจิตสังหารออกมาโดยไม่รู้ตัว นางไม่เคยเป็นเช่นนี้จนกระทั่งมันเกี่ยวข้องกับชีวิตของลู่เหลียน
“ในเมื่อเขากล้ามาขัดขวางการทำงานของเทพ เขาก็ต้องเตรียมใจที่จะถูกกำจัด” ซือชูลี่เอ่ยพลางสร้างกระบี่ขึ้นมาด้วยพลังปราณโดยหวังว่าจะใช้มันสังหารลู่เหลียน
ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ฟางเซียนจะไม่ยอมให้ลู่เหลียนตายเด็ดขาด นางจึงไม่ลังเลที่จะโจมตีซือชูลี่ด้วยฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังอย่างไม่ออมแรงจนกระทั่งร่างกายของซือชูลี่กระเด็นไปกระแทกกับหินอย่างรุนแรง
ซือชูลี่ตกตะลึงไม่น้อยกับพลังโจมตีของฟางเซียน เพราะตลอดมาฟางเซียนเอาแต่ป้องกันเพียงอย่างเดียว ซือชูลี่จึงไม่เคยรู้เลยว่าฟางเซียนมีความแข็งแกร่งในระดับที่สามารถสร้างบาดแผลให้กับนางได้
“หากเจ้าจะทำร้ายเขา ข้าคงไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกแล้ว” ฟางเซียนกล่าวพลางย่างก้าวไปข้างหน้าด้วยทักษะพิเศษ นางจึงสามารถเข้าไปประชิดตัวซือชูลี่ได้อย่างรวดเร็ว ซือชูลี่ถึงกับผงะไปข้างหลังและมีท่าทีระมัดระวังตัวมากขึ้น
“ยอมเผยตัวออกมาแล้วรึ” ซือชูลี่ชี้ปลายกระบี่ไปยังฟางเซียนแล้วพุ่งเข้าหาหวังจะแทงฟางเซียน แต่แทนที่จะหลบ ฟางเซียนกลับเลือกที่จะรับกระบี่ด้วยมือเปล่าและสวนกลับด้วยการต่อยด้วยหมัดเสริมพลังปราณหลายหมัดด้วยความเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน หากชูฮวาไม่เข้ามาขวางเทพมังกรขาวคงสลบคามือของฟางเซียนไปแล้ว
“เจ้าสบายดีหรือไม่?” ชูฮวาถามซือชูลี่อย่างไม่แน่ใจ ใบหน้าของซือชูลี่มีรอยช้ำอย่างชัดเจน เกรงว่ารอยช้ำพวกนี้จะอยู่ไปอีกหลายวันและอาจทำให้หน้าบวม
“ข้าไม่เป็นไร รีบจัดการนางมารร้ายนั่นกันเถอะ” ซือชูลี่สะบัดหัวไล่ความมึนงงและตั้งท่าจะเข้าปะทะกับฟางเซียนอย่างจริงจัง ครั้งนี้ซือชูลี่ไม่คิดจะออมพลังอีกต่อไป แค่หมัดเดียวนางก็ไม่นึกอยากจะโดยอีกรอบแล้ว
เมื่อซือชูลี่เอาจริง ฟางเซียนควรจะพ่ายแพ้เพราะระดับพลังที่แตกต่างกัน แต่อย่าลืมว่าระบบเติมทรูให้ฟางเซียนมาเยอะ ถ้าฟางเซียนเอาจริงและงัดพลังเท่าที่มีออกมาใช้ในการต่อสู้ การที่ซือชูลี่จะเอาชนะฟางเซียนคงเป็นเรื่องยาก และตั้งแต่ที่ฟางเซียนเริ่มเอาจริง ซือชูลี่ก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับฟางเซียนได้อีกเลย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องน่าตกตะลึงมากนักเพราะการที่ฟางเซียนสามารถใช้ปราณธาตุได้ทั้งหกธาตุมันคือเรื่องที่น่าตกตะลึงมากที่สุด!
“เจ้า! ทำไมถึงได้...” ซือชูลี่พยายามตั้งคำถามด้วยท่าทีแต่ถึงแม้ว่าซือชูลี่จะอยู่ในร่างมังกรหนึ่งในสี่ส่วน ฟางเซียนก็ยังคงสามารถรับมือกับซือชูลี่ได้อย่างสูสี แต่ยังไม่ทันที่การต่อสู้จะได้รู้ผล แผ่นดินก็ไหวอีกครั้งและทันใดนั้นเองมือสีแดงจากปรโลกก็ได้พยายามทำให้รอยแตกบนพื้นเปิดกว้างมากขึ้นกว่าเดิมและพยายามควานหาสิ่งที่มีชีวิตโดยรอบเพื่อฉุดดึงลงไปที่ปรโลก
ชูฮวาไม่ทันระวัง ขาของนางก็เลยถูกมือสีแดงคว้าไว้ได้ มือสีแดงก็ได้เผาไหม้ขาของนางและพยายามดึงนางลงไป ถ้าสะบัดมันไม่หลุดชูฮวาอาจไม่รอด
“ศิษย์พี่ชูฮวา!” ซือชูลี่ตะโกนเรียกอย่างตื่นตระหนก
“เราคงต้องรีบจัดการมารร้ายและรีบปิดประตูปรโลกเสียแล้ว” ชูฮวาสะกดความรู้สึกเจ็บปวดและหันไปมองฟางเซียน ส่วนฟางเซียนก็หันไปมองลู่เหลียนที่กำลังหลบหนีมือสีแดงพวกนั้น ในใจของชูฮวามีแผนการหนึ่งผุดขึ้นมา “ศิษย์น้อง เจ้าสามารถปิดประตูปรโลกได้เลย”
ซือชูลี่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ตอนนี้นางเสียพลังจากการเปิดประตูประโลกและต่อสู้ไปมาก หากนางยังฝืนต่อสู้ต่อไปนางคงไม่มีพลังเหลือพอที่จะปิดประตูปรโลก หากเป็นอย่างนั้นพิภพมนุษย์คงวุ่นวายเป็นแน่
ในขณะที่ซือชูลี่กลับไปยังจุดกลางของประตูปรโลกเพื่อปิดผนึก ชูฮวาก็ได้เข้าปะทะกับฟางเซียน
“ไม่คิดเลยว่ามันจะทุ่มเทมอบพลังให้เจ้าถึงเพียงนี้” ชูฮวากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฟางเซียนเพียงยิ้มตอบและโจมตีชูฮวาเพราะตอนนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะพาลู่เหลียนหนีออกไปจากที่นี่แล้ว นางจึงละทิ้งโอกาสในการตายครั้งนี้และทุ่มสุดแรงในการต่อสู้เพื่อรักษาชีวิต
“น่าเสียดายที่ข้าลงมือสังหารเจ้าด้วยตัวเองไม่ได้” บนใบหน้าของชูฮวาปรากฏรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ ชูฮวาถอยห่างจากฟางเซียนเล็กน้อยขณะรวบรวมสายฟ้าไว้ในมือ ฟางเซียนเห็นแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจไม่มีเลย “ลาก่อน”
เมื่อชูฮวากล่าวประโยคสุดท้ายจบ นางก็ปล่อยพลังสายฟ้าลงไปที่พื้น
ตูม!
พื้นดินแตกร้าวและทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว พื้นดินกำลังถูกปรโลกดูดกลืนเช่นกันนั่นจึงทำให้พื้นดินค่อยๆ จมหายไปในลาวาจากปรโลก ในขณะเดียวกันมือจากปรโลกก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น
ก่อนปรโลกจะกลืนกินผืนแผ่นดินทั้งหมด ชูฮวาก็รีบขี่กระบี่หลบหนีไป แต่ฟางเซียนไม่มีกระบี่ติดตัวก็เลยต้องใช้วิชาตัวเบากระโดดไปตามพื้นที่ยังไม่ถูกกลืนกิน ส่วนทางด้านลู่เหลียน เขายังติดอยู่ท่ามกลางวงล้อมของหลุมสู่ปรโลกเพราะว่าเขาเผลอทำกระบี่หลุดมือหายไปตอนปะทะกับชูฮวา เมื่อลู่เหลียนเหาะหนีไม่ได้เขาก็กลายเป็นเป้าหมายของมือสีแดงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ลู่เหลียนพยายามโจมตีมือสีแดงเหล่านั้นเพื่อปกป้องตัวเอง แต่เพราะพวกมันสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว เขาจึงต้องโจมตีต่อไปอย่างไม่จบไม่สิ้นเพื่อเอาตัวรอดไปก่อน
เดิมที่ลู่เหลียนแทบจะไร้ทางหนีอยู่แล้ว แต่เมื่อมีสายฟ้าฟาดลงมาทำลายพื้นบริเวณรอบตัวเขา เขาก็ไม่สามารถมองหาทางหนีไปได้อีกแล้ว ซึ่งสายฟ้าเหล่านั้นก็คือความตั้งใจของชูฮวาที่ต้องการตัดทางหนีของลู่เหลียนนั่นเอง
ลู่เหลียนตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดเพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนมันก็ไม่มีทางรอด เขาพยายามคิดหาทาง แต่เวลาในการคิดของเขามีไม่มากนักเพราะจุดที่เขายืนอยู่มันกำลังจมลงสู่ลาวา ไม่เพียงเท่านั้นร่างกายของเขายังถูกมือสีแดงมากมายฉุดกระชากลงไปเบื้องล่างอย่างแรง เขาจึงตัดสินใจปล่อยสายฟ้าออกมารอบตัวเพื่อทำลายพวกมันให้หมดในครั้งเดียว แต่ถึงแม้ว่าเขาจะหลุดออกมาได้ มือสีแดงเหล่านั้นก็ยังคงมีมาเรื่อยๆ และคว้าตัวเขาไว้จนแทบไม่สามารถขยับตัวได้
ทันใดนั้นเองฟางเซียนก็ปรากฏตัวด้วยสีหน้ากังวลสุดขีดเพราะนางรับรู้ถึงอาการบาดเจ็บของลู่เหลียนได้อย่างชัดเจน แต่เมื่อนางได้เห็นสภาพจริงๆ ของเขา หัวใจของนางก็รู้สึกเจ็บปวดและชาราวกับว่าถูกกระชาก
เมื่อมือจากปรโลกสัมผัสกับร่างกายมันก็จะสร้างบาดแผลที่ยากจะรักษาทันที ในตอนนี้ร่างกายของลู่เหลียนกำลังบาดเจ็บสาหัสมากเพราะได้สัมผัสกับมือจากปรโลกมากมาย หากยังปล่อยไว้เขาอาจจะสูญเสียชีวิตของตัวเองไปเลย
“ท่านอาจารย์!” เมื่อลู่เหลียนเห็นฟางเซียน เขาก็ตะโกนออกมาอย่างยินดีทั้งที่เมื่อครู่นี้เขาตื่นตระหนกและหวาดกลัวมาก
“เด็กดื้อ เจ้าต้องมีชีวิตอีกหมื่นปีเชียวนะ อย่ามาตายในที่แบบนี้สิ” เพื่อเข้ามาช่วยลู่เหลียน ฟางเซียนไม่คิดอย่างอื่นเลยแม้แต่ความตายที่ใฝ่หา กฎห้ามฆ่าตัวตายจึงไม่ควบคุมฟางเซียนแม้ว่านางจะพุ่งเข้าหาอันตรายก็ตาม
เมื่อฟางเซียนคว้าตัวลู่เหลียนได้ นางก็ส่งพลังปราณเข้าสู่ร่างกายของเขาเพื่อให้มันกลายเป็นเกราะป้องกันสำหรับลู่เหลียน ในขณะเดียวกันนางก็ร่ายคาถาเคลื่อนย้ายลงไปบนตัวของเขาด้วย
“ท่านอาจารย์!” ลู่เหลียนคล้ายรับรู้ว่าฟางเซียนกำลังจะทำอะไรเขาจึงพยายามขัดขืน
“ขอให้เจ้ามีชีวิตที่ดี” ฟางเซียนยิ้มอวยพร แต่ทว่าลู่เหลียนกลับทำหน้าราวกับว่าหัวใจแตกสลาย “ขอโทษ”
ฟางเซียนกล่าวก่อนจะใช้พลังผลักร่างของลู่เหลียนไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างนุ่มนวล ถ้าคาถาเคลื่อนย้ายทำงานเขาก็จะถูกส่งไปยังพื้นที่ปลอดภัยกว่านี้อย่างแน่นอน
เมื่อแน่ใจแล้วว่าลู่เหลียนปลอดภัย ฟางเซียนก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกระชากและความรู้สึกแสบร้อนไปทั่วทั้งตัว สาเหตุมาจากมือจากปรโลก มือสีแดงพวกนี้จับยืดนางไว้ก่อนที่นางจะไปถึงตัวลู่เหลียนเสียอีกแต่เพราะนางห่วงลู่เหลียนเกินไปจึงไม่ได้สนใจสลัดมันออกและเพราะนางปล่อยให้มือสีแดงเหล่านั้นสัมผัสนานเกินไปพลังส่วนหนึ่งของนางจึงถูกกลืนกินไปแล้ว ซึ่งมันก็ได้ทำให้ร่างกายของนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้หรือขัดขืน ฟางเซียนจึงถูกลากลงสู่ปรโลกอย่างรวดเร็ว
“ไม่!” เสียงกรีดร้องปวดร้าวของลู่เหลียนดังตามมา
แม้ว่าสติของนางจะเลือนรางแต่นางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของลู่เหลียนอย่างชัดเจน นางรู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกผิดที่ทำให้เขากรีดร้องอย่างเศร้าเสียใจขนาดนั้น แต่นางตัดสินใจที่จะตายมานานแล้วและนางก็กำลังจะตายสมใจอยากแล้ว นางจะไม่มีทางเสียใจทีหลังเด็ดขาด
ร่างกายและวิญญาณของฟางเซียนถูกแผดเผาและถูกดูดกลืนโดยปรโลก ทุกอย่างจบแล้ว...
ความตายเป็นความรู้สึกที่เงียบเหงากว่าที่คิด...
.
.
.
.
.
ท่ามกลางความมืดมิดเสียงเปิดเครื่องของคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าก็ดังขึ้นมา
[เนื่องจากว่าคุณฟางเซียนได้รับบาดเจ็บสาหัสระบบห้ามฆ่าตัวตายจึงต้องหยุดทำงานชั่วคราว เนื่องจากว่าคุณฟางเซียนได้รับบาดเจ็บสาหัสคุณฟางเซียนจึงต้องเข้าสู่สภาวะหลับใหล 300 ปี]
บัดซบ! ไอ้ระบบเวร! ระบบสารเลว! ระบบเฮงซวย!ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมให้ตายอีกงั้นเหรอ!
ฟางเซียนสิ้นสติไปทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยอารมณ์เกลียดชัง คั่งแค้น โกรธเคือง อาฆาตแค้น ทุกอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ด้านลบ...สับสน
“ถ้าข้าอ่อนแอ ข้าคงสังหารตุ๊กแกทองคำนั่นไม่ได้หรอก” ฟางเซียนส่งยิ้มยั่วโมโห ซือชูลี่กัดฟันกรอดเมื่อถูกกระตุ้นต่อมโมโห นางตัดสินใจดึงพลังเทพมังกรขาวของนางออกมาใช้มากขึ้นจนกระทั่งเกล็ดมังกรสีขาวเริ่มปรากฏขึ้นมาตามร่างกายและเขามังกรสีขาวบนศีรษะขยายใหญ่มากขึ้น