Chapter คู่หมั้นสวมรอย

1498 คำ
นายหัวหนุ่มปรายตามองยังไม่พอใจ “ตกลงใครเป็นเจ้านาย” เสียงที่เข้มขึ้นทำให้อีกคนปิดปากเงียบสนิท ถึงแม้จะห่วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ หลายปีที่อยู่ที่นี่กับนายหัวกริน ทำให้เขารู้ว่าความมุทะลุดุดัน และรั้นไม่ได้ด้อยกว่านายหัวเทวาผู้เป็นตาแม้แต่สักนิดเดียว ครู่ต่อมานายหัวหนุ่มรีบขับรถบึ่งออกจากบ้านไปท่ามกลางเมฆก่อตัวก้อนมหึมาหนาแน่นทมึน ตรังกับภูเก็ตเขาขับรถขึ้นล่องจนดูเหมือนใกล้ เพราะความรีบร้อนเรื่องงานที่กำลังเกิดปัญหา เขาลืมแม้กระทั่งร่ำลาลูกสาวคนเดียว ลืมไปถึงว่าเขายังไม่ได้เจอสาวน้อยปะการังเลยสักครั้งตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพฯ สองชั่วโมงก่อน...ท่าอากาศยานดอนเมือง ผู้คนเริ่มคราคร่ำออกต่างจังหวัดในวันหยุดยาวในอีกสองสามวันข้างหน้า พลอยขวัญเข็นกระเป๋าใบเขื่องของเจ้านายสาวสามใบเดินเข้ามาในอาคาร ศยามลไม่ได้มีอาการหงุดหงิดหัวเสียอย่างที่พลอยขวัญคาดหมายเอาไว้ หญิงสาวพอจะเดาได้รางๆ ว่าเจ้านายสาวจะต้องได้ข้อแลกเปลี่ยนที่ดีจากมารดา ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่คนสวยอย่างศยามลจะยอมไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดนานนับเดือนตามข้อตกลง แต่หากพ้นสายตาคนขับรถและผ่านเช็กอินที่เคาน์เตอร์เรียบร้อยท่าทีของศยามลก็เปลี่ยนไป ศยามลรูดถอดแหวนหมั้นบนนิ้วของตัวเอง เพชรเม็ดงามที่คนสวมก็อดเสียดายไม่ได้ แต่เธอก็จำยอมถอดและยื่นให้พลอยขวัญ พร้อมกับชุดเครื่องประดับของคุณอิงดาวและกระเป๋าแบรนด์เนมของเธอที่ติดตัวมา พลอยขวัญเงยหน้ามองเจ้านายสาวอย่างงงๆ ทั้งเรื่องแหวนและเครื่องประดับมีค่าที่เธอให้มา รวมไปถึงกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินอัดแน่นเป็นฟ่อนข้างใน กะคร่าวๆ ประมาณหนึ่งแสน “แกเอาของพวกนี้ไป แล้วบินไปก่อนฉัน” คำสั่งที่ออกจากปากเจ้านายสาวไม่ให้ความกระจ่างแก่หญิงสาวสักนิด เพราะทั้งคู่ผ่านการเช็กอินของสายการบินในประเทศมาแล้ว “หมายถึงอะไรคะ” หญิงสาวมองของในมือสลับหับมองหน้าเจ้านายสาวอย่างแปลกใจ “แกคิดว่าฉันจะกล้าหอบทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านบินไปบ้านป่าเมืองเถื่อนในสภาพนี้หรือ ผู้หญิงที่แต่งตัวมอซออย่างแกถือของพวกนี้ไปก็คงไม่มีใครคิดว่าของจริง แกขนของฉันไปก่อนและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วฉันค่อยบินตามลงไป” ศยามลตอบอย่างหงุดหงิด “แต่เราผ่านเคาน์เตอร์มาแล้วนะคะ” “ผ่านแล้วไง ฉันก็แค่ขี้เกียจตอบคำถามแม่ที่คอยโทรเช็กว่าฉันไปหรือไม่ไป คราวนี้แม่ก็เช็กอะไรได้ แกก็รู้ว่าฉันเป็นเจ้าแม่เพอร์เฟคแค่ไหน แล้วก็ไม่มีทางที่ฉันจะไปในที่ที่ไม่คุ้นเคยและไม่รู้การเป็นอยู่ก่อน ฉันถึงให้แกไปจัดการให้เรียบร้อย” ศยามลบอกพร้อมกับหยิบกระเป๋าใบย่อมอีกใบของเธอออกจากรถเข็น ไม่ลืมหยิบจดหมายที่มารดาของนายหัวหนุ่มฝากมาให้หญิงสาวถือติดมือมาด้วย “อ้อ แล้วนี่เป็นจดหมายของคุณอิงดาว แม่ของนายหัวกริน คนที่สวนปาล์มจะให้การต้อนรับแกเป็นอย่างดี แล้วจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยละ ถ้าฉันลงไปเมื่อไรต้องได้รับความสะดวกสบายเหมือนอยู่ที่บ้าน แกเข้าใจนะ” “แต่ว่า...” “แกไม่มีสิทธิ์ค้านคำสั่งของฉัน แล้วก็ห้ามโทรบอกแม่เด็ดขาด แกน่าจะรู้จักฉันดีกว่าใครนะพลอย” พลอยขวัญรู้ดีว่าไม่ใช่แค่คำขู่ และก็มั่นใจว่าเธอรู้จักศยามลมากกว่าใคร อาการนิ่งและยอมรับทุกอย่างมักซ่อนแผนการเอาไว้เสมอ “แล้วคุณศยาจะให้พลอยแจ้งทางนั้นว่าอย่างไรคะ” “แกไม่ต้องบอกอะไร แค่ข้อความในจดหมายฉบับนี้คนที่ตรังก็จะดูแลแกเป็นอย่างดี ในฐานะที่แกเป็นคนของว่าที่นายหญิงของที่นั่น แล้วก็ไม่ต้องสะเออะอยากรู้เรื่องจนเสียมารยาทเปิดอ่านล่ะ” “ค่ะ” พลอยขวัญรับคำอย่างจำยอม พลอยขวัญไม่มีทางคัดค้านคำสั่งเจ้านายได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอก็แค่คนใช้ในบ้าน จะแตกต่างตรงที่ได้เรียนคณะเดียวห้องเดียวกับลูกสาวเจ้าของบ้าน นั่นคือสิ่งที่เธอได้รับ ไม่ใช่อภิสิทธิ์เหนือคนใช้คนอื่น หากเพราะเป็นคนเรียนดีและสามารถช่วยให้ศยามลเรียนจบมาด้วยได้ อีกหนึ่งสิ่งคือช่วยดูแลลูกสาวเจ้านายราวสาวใช้ส่วนตัว บุญคุณท่วมหัวล้นเกล้าที่ทั้งสองแม่ลูกเรียกร้องเอากับเธอทุกครั้งไม่มีวันชดใช้หมด ทั้งยายที่พร่ำสอนให้รู้จักบุญคุณของคนจะได้ไม่อับจน นั่นคือสิ่งที่เธอต้องยอมเรื่อยมา และนับวันศยามลก็ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ศยามลดึงบอร์ดดิ่งพาสของตัวเองคืน ก่อนที่จะเดินแยกออกไปอีกทาง ไม่แยแสกับสิ่งที่พลอยขวัญต้องไปเผชิญแม้แต่นิดเดียว หลังจากแยกกับพลอยขวัญออกมาได้สักพัก ศยามลก็โผเข้ากอดนายแบบหนุ่มคู่ขาที่เธอนัดเอาไว้ตั้งแต่ต้น ทริปของเธอคือมัลดีฟหนึ่งเดือนกับคู่ขาหนุ่มพร้อมกับเงินหนึ่งล้านจากมารดา ที่เธอเจียดใส่กระเป๋าให้พลอยขวัญถือไปเพียงห้าหมื่น คิดเสียว่าเป็นค่าจ้างที่พลอยขวัญต้องไปเป็นเมียนายหัวเมืองใต้แทน “มาแล้วหรือครับดาร์ลิงค์” ชายหนุ่มอ้าแขนรับนางแบบสาวด้วยรอยยิ้มอย่างเอาใจ “กว่าจะออกมาได้ก็แทบแย่เหมือนกัน ยัยนั่นก็ซักไม่หยุด” “อย่าหงุดหงิดน่าที่รัก คุณก็จัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยแล้วนี่ครับ อีกไม่นานเราก็จะได้สนุกกันจนจุกอกแล้ว” นายแบบหนุ่มจูบรับขวัญแฟนสาวเจ้าบุญทุ่ม กับรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยหวานเชื่อมแทบจะกลืนกินหญิงสาวเสียตรงนั้น เรียกรอยยิ้มบางๆ บนสีหน้าหงุดหงิดเมื่อครู่ให้ดีขึ้นมาหน่อย เขารู้ใจนางแบบสาวขาวีนคนนี้ที่สุด ทุกครั้งที่เขาได้เป็นตัวเลือกให้ไปต่างประเทศกับเธอ หน้าที่ก็เพียงบำเรอกามที่หญิงสาวเรียกร้องไม่หยุดหย่อน ขอเพียงบริการถูกใจ สิ่งไหนที่เขาอยากได้ไฮโซสาวก็บริการไม่อั้น ผ่านการเดินทางไม่กี่ชั่วโมงพลอยขวัญก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ทั้งที่เธอแอบกลัว เพราะเธอถือสมบัติของเจ้านายติดตัวมาก็ไม่น้อย หากทำหายขึ้นไปอีก ชาตินี้เธอคงไม่มีวันชดใช้หมด ป้ายชื่อศยามล กนกนาราย ถูกชูหราอย่างเห็นได้ชัดตรงอาคารผู้โดยสารขาออก เขาคงเป็นคนของสวนปาล์มเทวารักษ์มารับศยามลที่สนามบินในประเทศตรัง พลอยขวัญเดินเข้าไปหาทันที “คุณลุงคือคนของสวนปาล์มเทวารักษ์ใช่ไหมคะ” พลอยขวัญเดินเข้าไปถามคนถือป้ายชูอย่างนอบน้อม ทั้งที่กล้าๆ กลัวๆ ใบหน้าเข้มรับกับสีผิวตามแบบฉบับคนใต้ทำให้พลอยขวัญอดกลัวไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสเดินทางตัวคนเดียว และก็ครั้งแรกอีกเหมือนกันที่เธอมีสมบัติติดตัวมากที่สุดในชีวิต “ถ้าคุณคือคนชื่อเดียวกันกับที่อยู่ในป้าย ก็ใช่...เชิญครับ” คนมารับบอกเสียงเรียบ รับกระเป๋าในมือก่อนที่จะผายมือเชิญหญิงสาว พลอยขวัญยอมเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก ทั้งที่ตอนแรกเธอตั้งใจจะขอดูบัตรประจำตัวประชาชนก่อน แต่พอเห็นใบหน้าเข้มเรียบเฉยอย่างนั้น หญิงสาวก็ไม่กล้าขึ้นมาดื้อๆ ปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรมของเธอ คงจะไม่มีเรื่องอะไรเลวร้ายมากกว่าที่ผ่านมาอีกแล้ว แนวถนนโค้งคดเคี้ยวกับระยะทางยาวไกล คนที่ไม่คุ้นกับการเดินทางอย่างพลอยขวัญก็เกิดอาการวิงเวียนเมารถขึ้นมาดื้อๆ ในชีวิตที่ไม่ต้องเดินทางไกล หรือจะให้พูดตามความจริงก็คือ ทุกที่ที่เธอมีโอกาสได้ไปเยือนก็เพราะติดตามศยามล เพราะฉะนั้นก็ตอบได้เต็มปากว่าเธอไม่เคยต้องเดินทางลำบากสักครั้ง ที่สุดพลอยขวัญก็ฝืนปรือตาขึ้นมองถนนที่เริ่มมืดทมึนไม่ไหว เปลือกตาบางไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มของเธอค่อยๆ ปิดลง พร้อมกับฝนห่าใหญ่ที่สาดเทลงมา กับเสียงฟิดๆ ของที่ปัดน้ำฝนหน้ารถที่กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน โคล้ม! ซ่า... เสียงกระแทกของวัตถุบางอย่างสลับกับเสียงน้ำฝน ทุกอย่างดับวูบลง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม