หลังจากที่น้องชายก้าวพ้นออกจากห้องชายหนุ่มก็เดินไปหยิบโทรศัพท์บ้านเพื่อต่อเข้าเบอร์มือถือของตัวเอง ถึงราคาของเครื่องจะไม่มากมายเท่าไร เครื่องจะล้าหลังไปหลายปี แต่เบอร์ติดต่อที่อยู่ในเครื่องก็สร้างเม็ดเงินให้เขาได้อีกมหาศาลหลายร้อยล้าน
“ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก” เป็นคำตอบเดิมๆ นับสิบครั้งภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงที่เขาพยายามติดต่อหาเบอร์ของตัวเอง ยิ่งนึกถึงผู้หญิงเมืองกรุงหน้าตาดีแต่เหยียดคนอื่นเขาก็ยิ่งโมโห
“อย่าให้ฉันเจออีกนะ...จะจับหักคอจิ้มเกลือให้หายโมโห”
กรี๊ดดด
เกือบเที่ยงคืนของวัน เสียงกรีดร้องของคุณหนูลูกเจ้าของบ้านปลุกทุกคนที่อยู่ในห้วงนิทราตื่น คนที่มีหน้าที่ดูแลเธอสองคนวิ่งเข้าห้องมาพร้อมกัน รวมทั้งหม่อมหลวงสราลีผู้เป็นแม่ด้วย ที่ผ่านมาไม่มีใครรองรับอารมณ์ของศยามลได้นานเท่าพลอยขวัญสักคน เหตุนี้หม่อมหลวงสราลีจึงยอมควักเงินจ่ายค่าเทอมให้พลอยขวัญเรียนจนจบ
ทันทีที่เปิดประตูห้องทั้งสามก็ได้เห็นภาพชินตา มือของศยามลกำลังจิกอยู่ที่ผมของพลอยขวัญระบายความโกรธ หากแต่คนมาใหม่ยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไร
“คุณศยา พลอยเจ็บ” หญิงสาวร้องขอศยามลเสียงเบา มือเล็กของเธอกุมมือศยามลไว้อีกที
“แกไม่ต้องมาอ้อนวอนฉัน แกรู้มั้ยกระเป๋าใบนั้นมันราคาเท่าไร ถ้าแกไม่มัวไปอ่อยไอ้กุ๊ยนั่น ของฉันจะหายไปไหม...หา!” ศยามลตวาดลั่น มือก็ออกแรงจิกมากขึ้น
ต้นเหตุของการถูกลงโทษ พลอยขวัญเกิดไปทำกระเป๋าสตางค์หลุยส์ใบเล็กคอเลคชั่นใหม่ของศยามลหายตอนชนกับชายหนุ่มนิรนามในสนามบิน
“อย่าค่ะ...พลอยเจ็บ” หญิงสาวร้องโอดขอความเห็นใจ แม้รู้ว่าลมปากของตัวเองจะไม่ได้ผล แต่เธอก็มีทางเลือกเดียวคืออ้อนวอน
หม่อมหลวงสราลีส่ายหน้าอย่างระอา รู้ว่เป็นเรื่องปกติ และนางเป็นคนเดียวที่พอจะสั่งลูกสาวได้
“เป็นอะไรอีกศยา ปล่อยยัยพลอยก่อน” หม่อมหลวงสราลีร้องห้าม
พลอยขวัญจะต้องนอนหน้าเตียงของศยามลทุกคืนจึงอยู่ในห้องกับเธอ
“ก็นังพลอยน่ะสิคะ ทำกระเป๋าหลุยส์คอลเลคชั่นใหม่ของหนูหาย ถ้าหนูไม่ได้คืนมันโดนถลกหนังแน่” ศยามลตอบมารดา หากแต่มือก็ยังไม่ปล่อยจากผมของพลอยขวัญ
“แม่ว่าปล่อยก่อนดีกว่า ฆ่าให้ตายตอนนี้ก็ไม่ได้ของคืน แม่จะซื้อคืนให้ก่อนแล้วหักเงินเดือนมันทีหลัง” หม่อมหลวงสราลีตัดสิน ดึงพลอยขวัญมาหลบด้านหลังของนาง
คนเป็นเจ้าของก็หน้าเง้าไม่ได้ต่างจากเดิมสักนิด แต่คนโดนหักเงินแทบลืมหายใจอ้าปากหวอ กระเป๋าใบเล็กๆ ที่คุณหนูศยามลซื้อโดยไม่ลังเลสักครั้ง หากแต่เป็นเธอ ค่าของมันเท่ากับเงินเดือนของเธอเกือบปีก็ว่าได้ ไหนจะค่ารักษายายที่ต้องจ่ายเกือบทุกเดือนอีก
คำตัดสินที่เธอถูกเอาเปรียบอยู่ร่ำไป แต่ที่ต้องทนก็เพราะคำว่าบุญคุณที่ยายเฝ้าย้ำอยู่ทุกวัน
‘แกได้ดิบได้ดีก็เพราะข้าวแดงแกงร้อนของบ้านนี้ และแกมีหน้าที่ทดแทนบุญคุณและชดใช้คนบ้านนี้แทนแม่ของแก’ คำสั่งย้ำๆ ของยาย คำสั่งที่เธอพยายามถามต่อ แต่ยายก็ไม่เคยปริปากเล่าอะไรต่อ พอเธอถามถึงแม่ก็ต้องโดนดุทุกครั้งไป
“แกไสหัวออกไปจากห้องฉันเลยนังพลอย! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก” ศยามลชี้มือไล่พลอยขวัญที่ยืนผมยุ่งเหยิงหลบหลังหม่อมหลวงสราลีอยู่
พลอยขวัญพยักหน้าน้อยๆ แสดงความเคารพก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบๆ พอก้าวพ้นขอบประตูนึกถึงใบหน้าของคนเดินชนเธอเมื่อเย็นอย่างเข่นเขี้ยว เจอไม่ถึงวันทำเอาเงินเดือนเธอหายไปเกือบปี ไม่ว่าอย่างไรเธอจะต้องตามล่าหาตัวเขาให้พบจนได้
“ต้องเป็นนายแน่นอน นายมันมิจฉาชีพชัดๆ”
เสียงนกการ้องเรียกปลุกคนหลับให้ขยับตื่น แสงแดดตอนสายส่องลอดช่องใบไม้ทักทาย ร่างหนากำยำไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม นอนแผ่หราบนฟูกอ่อนนุ่ม แอร์เย็นฉ่ำทำให้เขาหลับสบาย หากแต่เป็นคนถอดเสื้อผ้านอนจนชินทำให้เขาทำตัวเหมือนอยู่สวนปาล์มที่ตรัง ผ้าห่มผืนอุ่นเลื่อนหลุดมาอยู่ที่เอวสอบ เผยมัดกล้ามกำยำแผงอกหนายั่วตาคนมอง แรงกระตุกฉุดลากดึงทำให้เขาหงุดหงิดเพราะกำลังหลับสบาย
“ปะการัง ขอป๊านอนต่อนะคะ หนูไปหาพี่บัวก่อนนะลูก” ชายหนุ่มบอกเสียงนุ่มเพราะคิดว่าเป็นลูกสาว สาวน้อยปะการังเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าห้องของเขาได้
“แม่เอง” น้ำเสียงเย็นเยียบของคนเป็นแม่ทักขึ้น เสียงนั้นเรียกสติของชายหนุ่มกลับมาอีกครั้ง เขายกมือขึ้นเหนือศีรษะ เหยียดตัวแล้วลุกขึ้นจากเตียง
“แม่มีอะไรกับผมแต่เช้า”
“ฉันเอาชุดมาให้ แล้วก็ลุกไปอาบน้ำตัดผมโกนหนวดเสียด้วย วันนี้แกต้องเข้าโรงแรม”
“ผมให้กริชดูแลทั้งหมด ไม่ยุ่งกับงานโรงแรมแล้ว”
“แต่วันนี้ประชุมผู้ถือหุ้น แกต้องไป เพราะแกก็ถือหุ้นอยู่”
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงพร้อมเสียงร้องอย่างไม่พอใจของมารดา “อย่ามาทำหน้าหมาเบื่อโลกกับฉันนะ” ทุกครั้งที่เจอหน้า หัวข้อสนทนาระหว่างมารดากับเขาก็ไม่พ้นบีบบังคับให้ทิ้งสวนปาล์มของตากลับมาบริหารงานที่โรงแรม สิ่งที่เขาไม่ต้องการทั้งสิ้น
“ผมขอร้องนะครับแม่ อย่าให้ผมฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่ชอบเลย ผมต้องรีบกลับตรัง ช่วงนี้ที่โน่นกำลังยุ่ง เราต้องรีบตัดปาล์ม”
“แล้วที่นั่นมีความสำคัญกับแกนักหนา ฉันจะขายทิ้ง อย่าลืมนะว่าสวนปาล์มเก่าแก่ของตาแกยังเป็นชื่อของฉันอยู่”
“โอเค” ชายหนุ่มจำยอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ครั้งนี้เขามาจัดการเอกสารสวนปาล์ม อีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบลง
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปตัดผมก่อน ฉันเห็นแบบนี้แล้วเหนื่อยสายตา บ่ายโมงตรงเจอกันที่โรงแรม”
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่ว่าเขาจะดันทุรังอย่างไรเขาก็ไม่มีวันชนะแม่ของเขาได้
คนเป็นแม่เหมือนนึกอะไรได้อีกครั้งร้องตามหลังลูกชายไป
“อ้อ...ตอนเย็นอยู่รอไปงานแฟชั่นการกุศลกับฉันด้วยนะ”
“ทำไมต้องไป”
“ตราบใดที่สวนปาล์มของตาแกยังเป็นชื่อฉัน แกก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น หรืออยากลองก็ตามใจ พรุ่งนี้ฉันจะได้ให้ทนายไปจัดการขายให้สมใจฉัน” คนเป็นแม่ยื่นคำขาด ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องจัดการเรื่องแต่งงานลูกชายให้จบก่อนนางจะตาย