พยศไม่เคยดีใจเท่ากับครั้งนี้มาก่อน เมื่อตระเวณสมัครงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในผับดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และเจ้าของผับก็รับให้เขาเข้าทำงานในทันทีที่เห็นเรือนร่างบึกบึน หน้าตาคมเข้มติดโหดเหี้ยม
และที่ทำให้เจ้าของผับตัดสินใจรับเข้าทำงานโดยไม่ซักประวัติมากมายก็คงเป็นเพราะดวงตาสีดำที่มองดูไร้ความรู้สึก ทว่าข้างในลึกๆ แล้วเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวโหดเหี้ยมพร้อมจัดการพวกขาใหญ่และอันธพาลที่เข้ามาก่อกวนในผับแห่งนี้
วันแรกของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการทำหน้าที่เป็นการ์ดคุมผับในผับดังย่านใจกลางเมืองกรุงเทฯ พยศรีบมาทำหน้าที่ของตัวเองก่อนผับเปิดถึงสองชั่วโมงด้วยกัน
ก็ในเมื่อไม่รู้จะไปไหน ไม่มีใครให้ต้องดูแล ก็ถือโอกาสมานั่งเล่นอยู่ด้านหน้าผับ เพื่อรอเวลาผับเปิดในตอนหนึ่งทุ่มตรง
เมื่อถึงเวลาผับเปิดให้บริการ พยศก็ได้เห็นโลกใบใหม่ของเหล่าบรรดานักท่องเที่ยว ซึ่งล้วนเป็นคนกระเป๋าหนัก และเหล่าไฮโซของเมืองไทยได้แวะเวียนเข้ามาเที่ยว มาปลดปล่อยอารมณ์และปลดปล่อยความตึงเครียดในผับแห่งนี้
ด้วยวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ และมีมินิคอนเสิร์ตของนักดนตรีร็อคชื่อดังของเมือง
ไทยมาเปิดคอนเสิร์ตด้วย แค่เพียงสามทุ่มภายในผับก็เต็มไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยวและขาร็อคทั้งหลายที่ไม่พลาดมาดูมินิคอนเสิร์ตในคืนนี้
พยศยืนดูแลความปลอดภัยอยู่ด้านหน้าผับ กระทั่งนักร้องร็อคชื่อดังได้เดินทางมาถึงผับและกำลังจะเปิดมินิคอนเสิร์ต จึงคิดจะหลบเข้าไปในผับสักห้านาทีเพื่อดูการแสดงคอนเสิร์ตของนักร้องคนนี้
แต่ขณะกำลังจะหมุนตัวเดินเข้าไปในผับ ก็เพ่งสายตาหันไปมองยังกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่เพิ่งมาถึง พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้เดินมาบริเวณด้านหน้าผับเหมือนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ แต่พวกเขาขับรถสปอร์ตราคาไม่ต่ำกว่าสิบล้าน มาจอดต่อท้ายกันอยู่ด้านหน้าผับถึงสามคันด้วยกัน
แน่นอนว่าการมาถึงของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้สร้างความหมั่นไส้ระคนเขม่นให้กับนักท่อง
เที่ยวเจ้าถิ่นยิ่งนัก เพราะนักเที่ยวทั้งห้าที่กำลังก้าวลงจากรถสปอร์ตล้วนยังดูเป็นวัยรุ่น อายุไม่เกิน 25 ปี แต่เป็นลูกมหาเศรษฐีด้วยกันทั้งสิ้น แถมแต่ละคนก็วางมาดอวดเบ่งซะด้วย ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวเจ้าถิ่นเขม่นหนักกว่าเดิม
“พวกนายบอกเจ้าของผับแล้วใช่ไหมว่าวันนี้เราเหมาผับของเขาทั้งคืน”
หนึ่งในนักท่องเที่ยวที่ก้าวลงจากรถสปอร์ตสีดำราคาไม่ต่ำกว่าสิบห้าล้าน ได้หันไปถาม
กลุ่มเพื่อนที่กำลังเดินมาหา และคำตอบที่ได้รับจากเพื่อนไม่ได้สร้างความพอใจให้กับเขาแม้แต่
นิดเดียว
“ขอโทษทีวะเมฆี พวกเราติดต่อเจ้าของผับแล้ว แต่เขาไม่อนุญาตให้เหมาผับในคืนนี้”
“ทำไม!”
ผู้เป็นเจ้าของชื่อหันขวับมาจ้องมองเพื่อนในขณะถามเสียงห้วน เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจก็ตะคอกถามซ้ำว่า
“ทำไมเขาไม่ให้เหมาผับ พวกนายบอกเจ้าของผับหรือเปล่าว่าใครต้องการเหมาผับของเขา และได้บอกไหมว่ากูพร้อมจ่ายไม่อั้นในคืนนี้”
“เอ่อ...บอกแล้ว แต่เจ้าของผับยืนยันว่าไม่ให้เหมาผับ เขาต้องการให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ดูคอนเสิร์ตในคืนนี้”
“พวกมันรู้จักกูน้อยไป เห็นทีว่าต้องไปแนะนำตัวกับเจ้าของผับให้เขารู้จักนายเมฆี และให้รู้ว่าใคร! คือเจ้าของที่ดินที่เขาได้เช่าเปิดผับแห่งนี้”
ว่าแล้วเจ้าของชื่อ ‘เมฆี’ ซึ่งเป็นวัยรุ่นในวัยคะนองได้เดินตรงเข้าไปในผับโดยมีเพื่อนอีกสี่คนวิ่งเดินตามหลังไปด้วยความเป็นห่วง และกังวลกับสถานการณ์ที่รออยู่ข้างหน้า
“เฮ้อ...ลูกเศรษฐี มีเงินแต่ไม่มีสมอง กร่างไม่เลือกที่ หาเรื่อง หาตีนใส่ตัวแท้ๆ”
คนที่เผชิญโลกด้านมืดมาตั้งแต่เข้าสู่วัยรุ่นอย่างพยศ ถึงกับบ่นอุบขณะยืนฟังลูกเศรษฐีที่เขาได้ยินบรรดาเพื่อนๆ เรียกว่า ‘เมฆี’ ได้พูดคุยกัน
และจากการทำตัวเป็นนักฟังที่ดี ทำให้พยศพอจะรู้ว่าวัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลาเจ้าของรถสปอร์ตราคาไม่ต่ำกว่าสิบห้าล้านเป็นลูกมหาเศรษฐี และเป็นเจ้าของผืนดินที่เขากำลังมาทำหน้าที่เป็นการ์ดอยู่ในตอนนี้ด้วย
คงไม่ต้องเดาสถานการณ์ให้ยากว่าคงมีเรื่องวุ่นและปะทะฉะดะเกิดขึ้นในผับเป็นแน่หลังจากเมฆีได้เดินเข้าไปในผับเพื่อประกาศศักดาความร่ำรวยของเขา พยศจึงไม่รอช้ารีบเดินตามเข้าไปในผับเพื่อทำหน้าที่ของตน
แต่การเข้ามาในผับช้าแค่ห้านาที พยศก็ไม่เห็นวัยรุ่นกลุ่มที่ว่าแล้ว และลางสังหรณ์ก็บอกให้รู้ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เท้าใหญ่ในรองเท้าคอมแบทแบบทหารพาผู้เป็นเจ้าของเดินไปด้านหลังผับ พอเปิดประตูผับและมองไปยังตรอกมืดๆ ก็ถึงกับสบถด้วยความไม่ถูกใจสักเท่าไร จากนั้นก็เดินเร็วๆ ตรงไปยังกลุ่มคนสามคนที่กำลังทำตัวเป็นหมาหมู่รุมกระทืบหนุ่มวัยรุ่นแค่เพียงคนเดียว
“เฮ้ย! พวกมึงทำตัวเป็นหมาหมู่ รุมกระทืบคนแค่คนเดียว มันไม่ถูกนี่หว่า...”
เสียงห้วนลึกของพยศทำให้การ์ดสามคนที่กำลังรุมสั่งสอนหนุ่มวัยรุ่นถึงกับชะงักชั่วขณะ และหนึ่งในการ์ดทั้งสามก็เค้นเสียงสั่ง
“มึงเพิ่งเข้ามาทำงานวันนี้ใช่ไหม อย่ามายุ่ง! พวกกูจะสั่งสอนไอ้วัยรุ่นกร่างคนนี้ มันจะได้หลาบจำ ทีหน้าทีหลังอย่ามาอวดเบ่งในถิ่นของกู”
พยศกวาดตามองไปยังวัยรุ่นที่ถูกซ้อมจนหน้าแตกมีเลือดไหลกบปากและจมูก แต่กระนั้นเขาก็ยังจำได้ว่าวัยรุ่นนี้ชื่อ ‘เมฆี’ ซึ่งอีกฝ่ายคงยังไม่ทันได้ประกาศว่าเป็นเจ้าของแผ่นดินผืนนี้ คงถูกลากมากระทืบในทันทีที่เข้าไปหาเรื่องผับ จากนั้นก็กวาดตามองการ์ดทั้งสามคนแบบเรียงตัว ก่อนจะตอบเสียงห้วนจัดไม่มีหวาดกลัว
“ใช่! ผมเพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก และก็ไม่ชอบใจสักเท่าไรที่พวกคุณทำตัวเป็นหมาหมู่รุมกระทืบวัยรุ่นที่ไม่มีทางสู้ แน่จริงก็มาลุยตัวต่อตัวกับผมสิ”
ไม่ต้องรอให้ถูกท้าทายเป็นเวลานาน สิ้นคำพูดของพยศ การ์ดสองคนที่หิ้วปีกเมฆีไว้ให้การ์ดอีกคนชกใบหน้าจนแตกยับ ก็ผลักเมฆีล้มลมกับพื้น ก่อนจะเดินดาหน้าเข้าหาพยศเพื่อทำตามคำท้าโดยไม่มีลังเล