อดีตอันเจ็บปวด

1191 คำ
        ทว่า...         “ หยุดนะ ! ”         เสียงตวาดกร้าวมาจากหน้าประตูหลังจากไขและเปิดพรวดเข้ามาอย่างที่ฉันไม่ทันตั้งตัว เราทั้งคู่ที่ทาบทับกันอยู่บนโซฟา รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว         “ อีลูกจัญไร ไม่รักดี หนอย มึงพาผู้ชายมาทำบัดสีบัดเถลิงถึงในบ้านเลยเหรอ อีส้ม อีลูกเวร ! ”         ร่างอวบท้วมของพ่อปรี่เข้ามาหาทำท่าจะตบฉัน แต่ถูกร่างสูงใหญ่ของสิงห์บังไว้                                   “ อย่าทำส้มเลยครับ ส้มไม่ได้ผิด ผมผิดเองทั้งหมด ผมขอโทษ ผมยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง ” พ่อเงยหน้ามองสิงห์ที่สูงกว่าเหลือหลาย แล้วแสยะปากอย่างดูถูก         “ น้ำหน้าอย่างมึงเนี่ยนะจะมีปัญญามารับผิดชอบลูกกู นี่ลูกเต้าเหล่าใคร ”         “ ผมลูกแม่สายหยุด ที่ขายผลไม้กับขนมไทยอยู่ที่หน้าโรงเรียน ”         “ อ๋อ ลูกอีกะหรี่สายหยุด ”         “ พ่อ ! ” ฉันเรียกชื่อพ่ออย่างไม่เชื่อหูที่ว่าแกจะเอ่ยคำนี้ออกมาได้         “ ทำไมอีส้ม มึงขึ้นห้องไปเลย ถ้าไม่อยากเจ็บตัว กูจะคุยกับไอ้ลูกกะหรี่นี่หน่อย ”         “ สองครั้งแล้วที่ลุงดูถูกแม่ผม ผมหวังว่าจะไม่ได้ยินเป็นครั้งที่สาม ” เสียงเรียบเย็นแต่แข็งกร้าวดังขึ้นมาจากสิงห์ มันคือสัญญาณอันตรายที่ฉันสัมผัสได้ จึงได้เอ่ยปราม         “ พ่อ อย่าไปดูถูกแม่สิงห์แบบนั้นอีก ”         “ อีส้ม กูบอกให้มึงเข้าห้อง ! ”         ฉันสะดุ้งเฮือกก่อนจะละล้าละลัง พ่อตวาดซ้ำอีกครั้ง ฉันจึงรีบเดินตรงไปชั้นสองที่ห้องนอน กระนั้นก็ยังใจคอไม่ดี จึงแง้มประตูไว้เพื่อแอบฟังแต่ก็แทบไม่ได้ยินอะไรเลย         “ หรือว่าเหตุการณ์จะสงบแล้ว พ่อกับสิงห์คุยกันรู้เรื่องดี ออกไปดูหน่อยคงไม่เป็นอะไรมั้ง ”         ฉันพูดกับตัวเองก่อนจะสาวเท้าเดินลงไปที่ห้องนั่งเล่น และภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็ทำให้ฉันแทบทรุด         ร่างท้วมของพ่อกองอยู่ที่พื้นติดโซฟา มุมปากมีเลือดไหลย้อย โดยมีร่างสูงใหญ่ของสิงห์ที่ยืนจังก้าอยู่         “ พ่อ ! ”         ฉันร้องก่อนจะวิ่งไปประคองพ่อขึ้นมา ดูเหมือนแกจะกึ่งหลับกึ่งตื่น สะลึมสะลือ ก่อนจะปรือตามามองฉัน          “ พ่อเป็นอะไร ตัวเองทำอะไรพ่อเค้า ” ฉันเงยหน้าขึ้น   มองสิงห์พร้อมคำถาม         “ ก็พ่อส้ม... ” สิงห์จะตอบแต่ก็โดนแทรกโดยพ่อของฉัน         “ มันบอกว่าแกยั่วมันให้เข้ามาหาเอง พ่อโมโหก็เลยด่ามัน มันเลยชกพ่อ ”         “ อะไรนะ ” ฉันค่อย ๆ เงยหน้ามองสิงห์ เขาส่ายศีรษะไปมาช้า ๆ         “ ออกไปจากที่นี่ ” ฉันบอกเรียบ ๆ สิงห์จ้องหน้าฉันนิ่ง ก่อนครางชื่อฉันออกมาเบา ๆ         “ ส้ม สิงห์ไม่ได้... ”         “ กูบอกให้มึงออกไป ! ”         ฉันตวาดกร้าว ตาคมฉายแววปวดร้าววูบหนึ่ง ก่อนกลับกลายเป็นแข็งกร้าวเด็ดเดี่ยวแล้วหันหลังเดินออกไปจากบ้าน         ...และออกไปจากชีวิตของฉันด้วย      **********************************************************************             แปดปีผ่านไป...           “ เฮ้ย ส้ม ทางนี้โว้ย ทางนี้ ” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากกลุ่มเพื่อนของฉันที่จอดรถรออยู่บริเวณสถานีขนส่ง ฉันก้าวลงจากรถตู้ที่โดยสารมาแล้วรีบเดินเข้าไปหา ก่อนที่ผู้คนที่นั่นจะแตกตื่นมากไปกว่านั้น           “ มาแล้ว ๆ จะโวยวายอะไรกันนักกันหนา เดี๋ยวคนแถวนี้ก็ตกใจแล้วเรียกตำรวจมาจับหรอก ” ฉันบ่นเพื่อนขำ ๆ ก่อนที่ร่างตุ้ยนุ้ยจะพุ่งเข้ามากอดฉันอย่างแรงจนเกือบจะหงายหลัง           “ คิดถึงแกจังเล้ย ไอ้ส้ม ” ฉันหัวเราะแล้วรีบวางกระเป๋าลงกับพื้น กอดตอบมันเช่นกัน           “ คิดถึงแกเหมือนกัน ยัยลูกขนุน ”           “ คิดถึงแกเหมือนกันส้ม ขอกอดบ้างนะ ” เสียงห้าวดังมาจากร่างผอมสูงของไอ้ต้น เพื่อนอีกคนของฉัน แต่มันยังไม่ทันได้กอดอะไรทั้งสิ้นเพราะขนุนง้างเท้าขึ้นรอก่อน           “ มึงอย่ามาเนียนไอ้ต้น ”           “ อ้าว ทำไมวะ ทีแกยังกอดส้มได้เลย เราเพื่อนสนิทกันทั้งนั้น ”           “ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อน่ะสิอย่างแกน่ะ เพื่อนที่พร้อมจะจกตับเพื่อนได้เสมอ เราเห็นสายตาที่แกจ้องไอ้ส้มตอนแรกนะ อย่างกับพวกเ*******ูเห็นเด็กมัธยมต้น ”           “ โธ่ ขนุน แกก็อคติกะเราเกินไปป่าววะ ก็ส้มมันสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ ไม่ได้เป็นยัยทรงกะโปะแล้ว เราจะตกตะลึงในความสวยของเพื่อนไม่ได้หรือไง นี่ถ้าไม่ไลน์มาบอกว่ามากับรถตู้คันนี้นะ เราไม่มีทางจำได้อ่ะ เอาจริง ”           “ ยังไงเราก็ไม่ให้แกกอดไอ้ส้มหรอก อยากกอดมากอดเรานี่ ” ขนุนพูดพร้อมกับอ้าแขนแอ่นอกทำท่าทางยั่วยวน ต้นกระโดดหนี           “ กลัวแล้วจ้า กลัวแล้ว ” เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งกลุ่มให้ดังขึ้นได้           “ เราไม่ขอกอด ขอแค่รอยยิ้มจากส้มก็พอ ” อีกเสียงดังขึ้นจากร่างขาวสูงที่ยืนนิ่งยิ้ม ๆ รออยู่แล้ว ฉันส่งยิ้มกลับไป           “ หวัดดีจ้ะ ภีม ”           “ หวัดดีจ้ะ ส้ม ” ภีมตอบกลับฉันก่อนจะเดินมาช่วยหิ้วกระเป๋าก่อนเดินเอาไปเปิดกระโปรงท้ายรถเก๋งแล้ววางมันลงไป           “ ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถเถอะ ต้องขับต่อไปอีกราวสามชั่วโมง นี่รถเราเอง ปีนี้ก็จะผ่อนหมดแล้ว เราซื้อบ้านแล้วด้วยนะส้ม เออ ขนุน ไปนั่งข้างหลังกับต้นนะ ให้ส้มนั่งข้างหน้าคู่กับเรา ”           “ แหม ภีม พอส้มมาละก็ถีบหัวส่งเราเลยนะ แล้วไอ้ที่สาธยายสมบัติพัสถานน่ะ แปลว่าอะไร จะชวนไอ้ส้มมันไปอยู่ด้วยหรือไง ทีแต่ก่อนไม่เห็นจะชายตาแลมัน ”           ขนุนแกล้งบ่นกะปอดกะแปดแล้วเดินไปนั่งกับต้นเบื้องหลัง ภีมหันมาส่งยิ้มให้ฉันแล้วพูดทีเล่นทีจริง           “ ได้ไหมล่ะส้ม ” ฉันทำหน้าเหรอหรา ไม่รู้จะตอบอย่างไร           “ เจอหน้าก็รุกเลยนะภีม ให้ส้มมันตั้งตัวมั่งเหอะ เบื่อจริงจริ๊ง พวกผู้ชายเนี่ย แปลก ไอ้สวย ๆ อย่างนังขนุนล่ะไม่เห็นอยากจะชวน ทำไมไม่มีใครอยากฉีกขนุนกันบ้างฟะ เบื่อ ๆๆ เครียด กินคลายเครียดดีกว่าเว้ย ”         ขนุนบ่นพร้อมกับเริ่มต้นล้วงขนมออกมาแกะกินโดยมีต้นคอยล้วงถุงขนมแย่งกิน เสียงถกเถียงและตุ้บตั้บกันมีมาเป็นระยะ มันดูเหมือนจะน่ารำคาญแต่ไม่เลย ฉันมีความสุขมาก เหมือนความทรงจำอันแสนสุขในวัยเยาว์กลับคืนมาอีกครั้ง           “ แล้วไหนว่าเดียร์จะมาด้วย ” ฉันนึกได้จึงเอ่ยถามถึงเพื่อนอีกคน           “ เห็นว่าจะไปรออยู่ที่โน่นเลยมั้ง เดียร์มันเป็นพริตตี้ มีงานแถวนั้นพอดีเลยบอกจะขับรถไปรอแล้วเจอกันที่โน่นเลย ”           ขนุนอธิบาย ฉันพยักหน้ารับหงึกหงัก 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม