การรวมตัวของเพื่อนเก่า

1151 คำ
          พวกเราเป็นเพื่อนเรียนชั้นมัธยมด้วยกันมา ฉันสนิทกับขนุนเพราะบ้านอยู่ซอยเดียวกัน อีกทั้งเธอเป็นคนตลก นิสัยดี ไม่เคยเอาเปรียบใคร แต่ถ้าใครมาระรานทั้งตัวเธอและเพื่อนก่อนละก็ รับรองว่าจบไม่สวยสักราย เธอเป็นสาวตัวกลมป้อม รูปร่างช่างเหมาะกับชื่อมาแต่ไหนแต่ไร อารมณ์ดี และกินได้ตลอดเวลา            ส่วนต้นนั้นสนิทกับขนุนมากกว่าฉัน ต้นตัวผอมสูง ผอมมาก ๆ เหมือนคนขาดสารอาหาร เวลาเดินไปไหนมาไหนกับขนุนคนจะเรียกกันว่าเลขสิบ สองคนเรียนจบออกมาแล้วก็ทำอาชีพเป็นไกด์ทั้งคู่           ส่วนเดียร์ที่ฉันพูดถึง เธอเป็นคนสวยประจำโรงเรียน เป็นเด็กกิจกรรม ตลกโปกฮา เป็นสาวเนื้อหอมประจำโรงเรียน แต่เธอเข้ากันได้ดีกับขนุนและต้น เพราะสองคนนั้นก็ชอบทำกิจกรรมเช่นเดียวกัน ทำให้ได้ร่วมงานกันอยู่บ่อยครั้ง ปัจจุบันเดียร์ทำงานเป็นพริตตี้           ส่วนภีมนั้น เรียนดี กีฬาเก่ง เป็นหัวหน้าห้อง สุขุม สุภาพ รูปร่างหน้าตาก็ถือว่าพอไปวัดไปวาได้ พ่อแม่ของภีมทำงานธนาคารเป็นคนมีหน้ามีตา ยิ่งตอนนี้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น หน้าที่การงานก็ดี ทำให้เขายิ่งดูภูมิฐานมากขึ้น           ฉันเองก็แปลกใจอย่างที่ขนุนมันว่า เมื่อก่อนภีมไม่เคยแม้แต่จะชายตาแล ก็ฉันมันทั้งจนทั้งขี้เหร่ เดี๋ยวนี้ฉันอาจจะดูดีขึ้น ทำให้ท่าทีที่ภีมมีต่อฉันเปลี่ยนไปสินะ           ส้ม คือชื่อของฉัน ฉันก็เป็นอย่างที่เจ้าต้นมันบอกนั่นแหละ ตัดผมสั้นหน้าม้า พวกนั้นเลยเรียกว่ายายทรงกะโปะ ฉันเป็นคนเงียบ ๆ ขี้อาย ไม่ค่อยพูด แต่ก็ไม่มีใครกล้าล้อเลียนอะไรฉันมากนัก ก็ฉันเรียนเก่งที่สุดในห้อง ขืนกล้ามาหือล่ะก็ ไม่มีคนให้ลอกการบ้านจะเดือดร้อนกันเป็นแถบ ๆ           พวกเราจบจากชั้นมัธยมปลายแล้วก็กระจัดกระจายไปเรียนที่อื่น ๆ ตามสถานศึกษาที่สอบได้ ขนุนกับต้นไปเรียน ศิลปศาสตร์เอกภาษาในเมืองกรุง เดียร์เรียนนิเทศศาสตร์ ภีมเรียนด้านการเงินการธนาคาร           ส่วนตัวฉันนั้นดูเหมือนชีวิตจะหักเหกว่าใครเขา เนื่องด้วยแม่เสียไปด้วยอุบัติเหตุตอนฉันอยู่ ม.5 ส่วนพ่อของฉันที่สำมะเลเทเมากินเหล้าเมายาเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อไม่มีแม่ห้ามก็หนักข้อเข้าไปใหญ่ พ่องัดโฉนดที่ไร่ที่นาออกมาขายจนหมดสิ้น ช่วงปีแรกก็ฟู่ฟ่าดี แต่พอเงินหมด ชีวิตก็แทบจะจบสิ้น รายได้จากการมีห้องแถวห้าห้องในตลาดที่แม่สร้างไว้ก็แทบจะไม่พอ เพราะพ่อดื่มจัด แถมพอเวลาเมาแล้วหน้าใหญ่เปย์ผู้หญิงตลอด ขณะที่จบ ม.6 เพื่อนทุกคนไปเรียนต่อที่โน่นที่นี่ ไปเตรียมพร้อมเพื่ออนาคตอันสดใส แต่ฉันที่สอบชิงทุนมหาวิทยาลัยชื่อดังได้แต่ไม่ได้ไปเรียน เพราะพ่อของฉันประสบอุบัติเหตุรถประสานงากับรถยนต์สี่ประตูเพราะพ่อเมาแล้วขับ ทำให้อาการโคม่าเป็นตายเท่ากัน แถมคู่กรณีที่พ่อชนเขาก็เสียชีวิตหนึ่งคน           เด็กอายุสิบแปดอย่างฉันต้องแบกรับภาระทุกอย่าง ฉันปรึกษากับครูที่สนิทในโรงเรียน ท่านแนะนำและช่วยเหลือให้ฉันได้นำสมบัติที่มีอยู่ของพ่อมาทยอยขายเพื่อเอาเงินไปรักษาพ่อและชดเชยให้แก่คู่กรณี ตอนนี้พึ่งจะรู้ว่าพ่อไปสร้างหนี้สินไว้เป็นดินพอกหางหมู ทั้งในและนอกระบบ สมบัติของแม่พ่อเอาไปขายจนแทบหมด เหลือเพียงห้องแถวห้าห้องนั้นซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย แต่ฉันก็จำเป็นต้องขาย           สุดท้าย ฉันเหลือเงินก้อนเพียงไม่ถึงแสนบาท ความหวังที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยนั้นดับสิ้น เพราะฉันต้องคอยเทียวไปดูพ่อที่โรงพยาบาลทุกวัน ฉันเข้าสมัครทำงานในคลีนิคหมอแห่งหนึ่งและท่านก็แนะนำให้ฉันไปเรียนผู้ช่วยพยาบาลที่สถาบันเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นของญาติท่าน เพื่อจะได้เข้าทำงานในโรงพยาบาลได้ เรียนในช่วงระยะเวลาเพียงหกเดือน แถมยังสามารถนำความรู้นั้นมาดูแลพ่อได้ด้วย           ฉันนั่งรถเมล์ไปกลับทุกวัน วันละร่วมสองร้อยกิโลเมตรเพื่ออดทนเรียนให้จบ มีอาชีพที่จะเลี้ยงดูตัวเองและพ่อที่ รอดชีวิตมาจากโคม่า แต่ก็กลายเป็นอัมพาตครึ่งซีกตั้งแต่ท่อนล่างลงไป เป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ช่วยตัวเองไม่ได้           ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้พ่อไม่สามารถออกไปสำมะเลเทเมาได้อย่างเมื่อก่อน และพ่อก็ยังคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่าง พ่อเริ่มหันหน้าเข้าหาหนังสือธรรมะ เปลี่ยนตัวเองจากหลังมือเป็นหลังมือ ฉันกล้าพูดได้เต็มปากว่า ถึงแม้เราพ่อลูกจะไม่ได้ร่ำรวย แค่พอมีพอกิน แถมพ่อก็ยังพิการแต่เรามีความสุขมากกว่าเมื่อก่อนมาก           แปดปีผ่านไป ฉันเองไม่เคยไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือเลี้ยงรุ่นใด ๆ เลย เพราะจากที่เป็นคนเงียบ ๆ อยู่แล้ว ประกอบกับปัญหาดังมรสุมทำให้ฉันหายไปจากโลกของเพื่อน ๆ กระทั่งขนุนมาหาฉันที่บ้าน ถ่ายภาพของฉันและเธอคู่กันไปลง เฟชบุ้ค และคะยั้นคะยอให้ฉันไปเที่ยวพบปะกับเพื่อน ๆ บ้างเพราะทุกคนล้วนแล้วแต่อยากเจอฉัน นางขออนุญาตพ่อฉันเสร็จสรรพ พ่อเองก็อยากจะให้ฉันได้ไปเที่ยว ไปผ่อนคลายบ้าง หลังจากที่ไม่ได้ไปเที่ยวเลยตั้งแต่พ่อป่วย ฉันเลยตกลงที่จะไปพักผ่อนสมองบ้าง แต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะจ้างเพื่อนผู้ช่วยพยาบาลด้วยกันให้มาดูแลพ่อให้เป็นเวลาสองคืนสามวัน           ขนุนนัดเพื่อนในเฟชร่วมห้องในเฟชบุ้ค แต่หลายคนปฏิเสธ คงเพราะจะหน้าที่การงานอันยุ่งเหยิง มีคนตอบรับมาเท่านี้ ฉันก็ว่าดีนะ ไปน้อย ๆ ก็สงบดี มากคนก็มากความ         จุดหมายปลายทางของพวกเราคือ เกาะส่วนตัวอันสงบเงียบของเศรษฐีรายหนึ่งในภาคตะวันออก เห็นขนุนมันโฆษณานักหนาว่าสวยอย่างนั้นอย่างนี้ รวมทั้งส่งรูปมาอวดมากมาย ฉันเองที่ไม่ค่อยได้ไปไหนกับคนอื่นเขาก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ กับภาพหาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลสีฟ้าที่ขนุนส่งมาให้ดู           เกือบสี่ชั่วโมงรถก็เลี้ยวเข้าสู่จุดหมายปลายทาง ฉันนั่งตะลึงมองตาไม่กระพริบ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม