ไม่เคยลืม

1104 คำ
        ฉันทรุดนั่งอยู่เก้าอี้ตรงนั้นพักหนึ่ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินเข้ามาหาอีกครั้ง         “ พี่เป็นไงบ้างครับ ดีขึ้นหรือยัง ” ฉันพยักหน้า         “ งั้นลองลงน้ำสักหน่อยไหม น้ำใส ๆ เย็น ๆ จะได้สดชื่น ถ้าไม่ไหวไม่ต้องดำก็ได้ครับ น้ำใสมาก พี่มองด้วยตาเปล่าก็จะเห็นปลาสวย ๆ กับปะการังที่อยู่ในน้ำตื้น ” เขาเชิญชวนจนฉันยิ้มออก         “ ไปก็ได้ค่ะ ” เขาไม่ได้พาฉันลงตรงที่มีนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ และเพื่อน ๆ ของฉัน แต่พาไปลงอีกฝั่งหนึ่ง         “ ตรงนี้น้ำจะตื้นกว่า เดี๋ยวผมพาพี่ลงตรงนี้นะครับ ไม่ต้องกลัว จะมีคนที่คอยดูแลพี่อย่างใกล้ชิด ” เขาประคองก่อนจะค่อย ๆ จับมือฉันหย่อนลงไป ฉันจับกราบเรือไว้แน่น ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่อีกคนมาประคองฉันข้างหลัง         “ ปล่อยมือเลยครับ ไม่ต้องกลัว ”         “ ฉันว่ายน้ำไม่เป็นน่ะค่ะ ”         “ เค้ารู้ว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น เค้าถึงต้องมาคอยดูแลนี่ไง ” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้น ฉันลืมตัวปล่อยมือจากกราบเรือแล้วหันขวับไปอย่างแรง ทำให้แก้มชนจมูกเจ้าหน้าที่คนนั้น แล้วเขาก็ขโมยหอมฉันดังฟอด         “ โอ้ว ชื่นใจ ”         “ สิงห์ ! ”         “ จ๋า ” มันลากเสียงตอบอย่างน่าตบ ฉันดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดนั้น ทั้งศอกทั้งหยิก สิงห์หัวเราะ         “ เอ้า ๆ อย่าทำเค้าแบบนั้นดิ นี่เราอยู่ในน้ำนะ เค้าประคองตัวเองไม่ให้จมอยู่ ถ้าตัวเองทำร้ายเค้า เดี๋ยวก็จมลงไปทั้งคู่ ตายเป็นผีผัวเมียเฝ้าทะเลน้า ”         “ ไอ้บ้า ใครเป็นเมียแก ”         “ ส้มไง เดี๋ยวก็เป็นแล้ว อีกไม่นานหรอก เอ๊ หรือจะเอาซะเดี๋ยวนี้เลยน้า ” มันพูดพร้อมกดจมูกซุกไซ้ลงที่ต้นคอด้านหลัง ฉันทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ในน้ำ กลัวจมก็กลัว กลัวโดนไอ้บ้านี่ทำมิดีมิร้ายก็กลัว มองซ้ายมองขวาแถบนี้ก็ไม่เห็นมีใครสักคน นึกโกรธเจ้าหน้าที่คนนั้นที่นำฉันมาหย่อนไว้ตรงนี้เพียงลำพัง         พลันนั้นใจก็ฉุกคิด ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงกล้ามาปล่อยฉันตรงนี้ล่ะ แถมไอ้สิงห์บ้านี่ก็โผล่มาประกบฉันด้วย หรือว่าพวกเขารู้เห็นเป็นใจกัน         ฉันยังไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เพราะมือใหญ่เริ่มเลื้อยไล้พร้อมกับที่จมูกโด่งซอกซอน ปากร้อนชื้นซุกไซ้ไปทั่ว ความร้อนแล่นพล่านไปทั่วกายทั้งที่ยังอยู่ในน้ำ         “ สิงห์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ”         “ ไม่ปล่อย ” เขาพูดพร้อมกับยิ่งเร่งเร้าขบเม้ม         “ ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้องดัง ๆ ให้คนอื่นได้ยิน ”         “ จะร้องงั้นเหรอ ”         “ ใช่ ”         “ งั้นก็ต้องปิดปากสินะ ” ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว สิงห์ก็หมุนให้ฉันหันมาประจันหน้ากับเขา โดยที่ศีรษะกับตัวของฉันพิงติดกับเรือ ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ก่อนที่เขาจะลากไล้ริมฝีปากมายังพวงแก้มและกลีบปาก         ฉันพยายามสะบัดหน้าหนี แต่มันก็ไปไหนได้ไม่ไกลเพราะความกลัวน้ำ เขากอดฉันไว้ในอ้อมแขน เบียดกายแกร่งที่เปลือยเปล่าท่อนบนเข้าหาฉัน และเล็มขบเม้มหยอกเย้าไปทั่ว ริมฝีปากของฉัน         “ ปล่อย ” ฉันกระซิบห้ามเสียงพร่าเพราะหัวใจมันสั่นไหว         “ ปล่อยแน่ แต่อย่าดิ้น แล้วก็พูดกับเค้าดี ๆ ” ฉันเหนื่อยที่จะต่อสู้เพราะยังไงก็แพ้ เขาตัวใหญ่กว่าฉันมาก ก็เลยตัดสินใจที่จะนิ่ง         “ แบบนั้นล่ะ เด็กดี ”         “ ทำแบบนี้กับฉันต้องการอะไร ” ฉันเอ่ยถาม ตาเราประสานตา ดวงตาคมกริบมีแววฉ่ำหวานจ้องลึกมาในดวงตาของฉัน ดวงตาคู่นั้นยังคงมีอิทธิพลร้ายกาจกับหัวใจฉันเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ยังคงสามารถทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง เลือดในกายฉีดพล่าน         “ ต้องการให้ตัวเองฟังเค้าบ้าง เค้าอยากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น เพราะตัวเองเข้าใจเค้าผิด ”         “ เข้าใจผิดเรื่องอะไร เธอชกพ่อฉันจนคว่ำ พ่อกินได้แต่ข้าวต้มอยู่ตั้งหลายวัน ”         “ มันมีบทสนทนาก่อนหน้านั้น ”         “ บทสนทนาที่เธอกล่าวหาว่าฉันยั่วเธอให้เข้าไปในบ้านสินะ ฉันไม่อยากฟัง ไม่อยากฟัง ! ”         ฉันตอกกลับอย่างกราดเกรี้ยว ปากหยักฉกวูบลงมาประกบปากของฉันอย่างรวดเร็วอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะทั้งเม้มทั้งไล้ไปทั่ว ฉันพยายามต่อต้านในคราแรกแต่ก็พ่ายแพ้ ลิ้นร้อนซอกซอนซุกซนเข้ามาในโพรงปากของฉัน ดูดดึงเว้าวอนกระทั่งฉันหมดเรี่ยวแรง         นานสองนานกว่าที่สิงห์จะผละปากจากจูบแล้วเลื่อนไล้ไปซุกไซ้ซอกคอทั้งสองข้าง ริมฝีปากอุ่นชื้นที่ขบเม้มเบา ๆ ผสานกับลมหายใจเร่าร้อน เมื่อต้องแตะลงบนผิวนวลไวสัมผัสมันทำให้ฉันกระเส่าสั่น         เขาปลดเสื้อชูชีพของฉันออกตอนไหนก็ไม่รู้ ก่อนดันร่างของฉันเข้าหากายกำยำสูงใหญ่ของตนจนแทบจะผสานเป็นหนึ่งเดียว ทุกตารางนิ้วเบื้องหน้าอันนุ่มนิ่มของฉันเสียดสีอยู่กับกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง มือใหญ่ลูบไล้ซุกซนไปทั่วแผ่นหลังเอวคอด และเน้นย้ำอยู่เนิ่นนานที่เนินสะโพกผาย ก่อนจะดันมันเข้ามาเบียดบดกับความแกร่งร้อนใหญ่โตของท่อนลำใหญ่เบื้องหน้าจนทำให้ฉันตกใจ สติเริ่มกลับมา จึงกระซิบห้ามปราม         “ สิงห์ ปล่อยฉัน ”         “ ไม่ปล่อย อยากดื้อก็ต้องลงโทษแบบนี้แหละ ”         ฉันคงต้องทำตามที่สิงห์ปรารถนาก่อนสินะ จึงจะรอดพ้นจากสถานการณ์เบื้องหน้าไปได้ จึงตัดสินใจยอมยกธง พูดจาดี ๆ อย่างที่เขาต้องการ         “ เอ่อ.. ตัวเอง ปล่อยเค้านะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น ”  สิงห์ยิ้มพราวอย่างพออกพอใจ ก่อนจะโผเข้าประกบปากฉันอีกครั้ง ฉันรีบสะบัดหน้าหนีไปซุกที่ซอกคอของเขา         “ ตัวเอง.. ไม่เอา ”         “ ยังไม่ได้เอา แค่จูบเฉย ๆ ” ฉันฟาดมือไปยังไหล่แกร่งดังเพี้ยะ แต่มืออีกข้างก็ยังเกาะไหล่แกร่งไว้แน่นเพราะกลัวจมน้ำ         “ ทะลึ่ง ชอบพูดอะไรบ้า ๆ ”         “ บ้าแล้วรักไหม ยังรักเค้าบ้างหรือเปล่า ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ฉันนิ่งอยู่ที่ซอกคอเขาอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน         ... รักหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ไม่เคยลืม ...  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม