ภาพเครื่องบิน บินผ่านท้องฟ้าอยู่แสนไกล
วันนี้แดดทอเป็นประกาย ท้องฟ้าโปร่งจนแทบจะไร้ก้อนเมฆ
ลี่เฉินยืนมองอยู่หน้าต่างบานใส ก่อนพลิกตัวหันหลังกลับมา เมื่อลูกน้องของเขา เดินเข้ามา
"นายท่านครับ คลิปภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ของหญิงสาวที่เข้าไปในห้องนาย คือ...คือว่า ก่อนหน้านี้ มีคนมาขอไปทำลายแล้วครับ ทางโรงแรมแจ้งว่า ถูกสั่งให้ปิดเป็นความลับ พวกเราไปช้าเพียงนิดเดียว เอ่อ....หากทางโรงแรมรู้ว่าเราต้องการก่อน คลิปวิดีโอนั้นทางโรงแรมก็จะให้กับเราครับ แต่ว่า........"
ลูกน้องยังไม่ทันเอ่ยจบ ลี่เฉินก็ตวาดกลับทันที
"หมายความว่า พวกนายทำงานไม่สำเร็จงั้นเหรอ!! " ลี่เฉินรู้สึกหงุดหงิดเหมือนไม่ได้ดั่งใจ อยู่ดีๆก็มีคนตัดหน้าไปเสียแล้ว
บอดี้การ์ดโค้งคำนับหน้าเสีย
“แต่เอ่อ นายท่านครับ ถึงเราไม่ได้คลิปภาพจากกล้องวงจรปิดนั่น แต่เราพาตัว เจ้าของโรงแรม มาด้วยนะครับ ตอนนี้อยู่ด้านนอก”
ลี่เฉินขมวดคิ้วก่อนเอ่ยขึ้น
“งั้นก็ไปพาเข้ามาสิ รออะไร!”
ลี่เฉินถอนหายใจดัง ก่อนทิ้งตัวนั่งลงตรงโซฟา ยกขาขึ้นไขว้ห้าง ราวกับรอลงโทษผู้ที่กล้าทำให้เขาไม่พอใจ
เจ้าของโรงแรมไนติงเกิล คือนายทินภพ เป็นชายวัย 60 เขาเดินเข้ามาพร้อมโค้งคำนับมือไม้สั่น
"ทางผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ท่านประธานลี่คือ...คือ ผมไม่รู้ว่าลูกน้องนำคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดให้คนอื่นไปแล้ว พอได้ยินว่าเป็นคนจากตระกูลเศตากุลมาขอ ลูกน้องก็รีบเอาคลิปวิดีโอให้ทางนั้นไปเลย คือตอนนี้ภาพวิดีโอถูกทำลาย ตัดในภาพส่วนเมื่อคืนไปทั้งหมดแล้วครับ เอ่อ...."
นายทินภพ พูดอึกอัก เขารู้ดีว่า ตระกูลลี่ เป็นตระกูลดังจากเมืองจีน และมีธุรกิจในเครือมากมายในแถบเอเชีย หากมีปัญหากับตระกูลนี้เกรงว่าจะกระทบกระเทือน ถึงธุรกิจแน่ๆ
“เศตากุล”ลี่เฉินทวน
“เอ่อครับ ลูกน้องแจ้งว่า คนที่ท่านตามหา น่าจะเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลเศตากุลครับ เธอเป็นแขก VIP ของที่นี่ ชื่อ ลลิญา เธอมาปาร์ตี้ที่ผับใต้โรงแรม และเอ่อ....เธอก็เข้าพักที่นี่ประจำครับ”
ทินภพตอบ ตามเท่าที่ได้รับรายงานมาจากลูกน้อง ด้วยเข้าใจผิดว่าหญิงสาวคนนั้นน่าจะเป็นคือ ลลิญา เพราะเธอคือแขกประจำของผับไนติงเกิล เธอมาบ่อยจนพนักงานที่นี่รู้จักเธอหมด
“ลลิญา ...หรอ”ลี่เฉินยิ้มอย่างพอใจ
-เธอชื่อลลิญานี่เอง-
“แล้วรูปถ่ายเธอล่ะ”
นายทินกร หน้าเสีย ด้วยว่า ไม่ได้เตรียมรูปถ่ายของเธอมาด้วย
“เออ...คือ ทางเราไม่ทราบว่าท่านจะเอารูปภาพเธอด้วย คือผมไม่ได้ให้คนเตรียมมาด้วยครับ ขะ ขอโทษครับ”
นายทินกรพูดติดๆขัดๆ พร้อมโค้งคำนับหน้าเจื่อน
“แต่ถ้าคุณลี่เฉิน ต้องการพบเธอ คือ....เอ่อ... ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จะมีงานแต่งงานของลูกสาวคนโตของตระกูลเศตากุล ชื่อ คุณมารินา กับ คุณวิวัฒน์ จากตระกูล เอนกรัตนภาค นะครับ คุณลลิญา เป็นลูกสาวคนเล็ก น่าจะอยู่ในงานด้วยครับ”
ทินภพเห็นลี่เฉินนิ่งไม่พูดตอบ เหมือนจะไม่โกรธเขาเท่าไหร่แล้ว จึงรีบรายงานต่อ
“ทางตระกูล เอนกรัตนภาค น่าจะส่งบัตรเชิญงานแต่งงานให้ท่านแล้วใช่ไหมครับ” ทินภพ ถามต่อ
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว คนระดับลี่เฉินมาอยู่เมืองไทยตั้งเป็นเดือน บริษัทน้อยใหญ่ อยากเข้ามาขอการสนับสนุน หรือเงินลงทุนจากเขาทั้งนั้น มีหรือจะไม่ส่งการ์ดเชิญ
ในส่วนของการประกาศเปลี่ยนตัวเจ้าสาว ทั้งสองตระกูลยังไม่ได้มีการประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ
คนส่วนใหญ่จึงเข้าใจว่า เจ้าสาวยังคงเป็นลูกสาวคนโตของตระกูล
และคนที่แต่งงานเร็วๆนี้คือ
‘มารินา กับ วิวัฒน์’
ลี่เฉินพยักหน้ารับทราบ เขาดูอารมณ์ดีขึ้น เมื่อได้รู้ว่า ใกล้จะได้พบกับเธออีกครั้ง
เขายกมือขึ้นไล่ ก่อนอนุญาตให้คนนำตัว นายทินภพ กลับออกไป
เราคงต้องได้เจอกันใหม่เร็วๆ นี้นะสาวน้อย ลี่เฉินยิ้ม
----------------------------------
ท่าอากาศยานซูโจว
มิริน เดินทางมาถึงสนามบินทันทีที่ลงเครื่องมา แอนนา เพื่อนรักก็รีบเข้ามากอดเธอทันที
"โอ้ยยย ริน คิดถึง" ทั้งสองกอดกันกลมด้วยความคิดถึง
"เหมือนกัน แก" มิรินตาแดงหมือนจะร้องไห้
แอนนา จับบ่าสองข้างของมิริน เธอเพ่งมองหน้าเพื่อนรัก ที่ยังคงมีร่องรอย ความบอบช้ำจากการผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
"อย่าร้องนะ เข้มแข็งนะ ฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคนแล้วนะเพื่อน แกจะไม่เป็นไร"
แอนนาดึงมิรินมากอดแน่นอีกครั้ง มิรินยิ้มอย่างอบอุ่นใจ
"ป่ะ เอาของไปเก็บที่บ้านฉันก่อน แล้วค่อยคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น" แอนนาเอ่ย
มิรินพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนเอามืออีกข้างที่ไม่ได้ถือกระเป๋า คล้องแขนเพื่อน ทั้งสองเดินมาขึ้นรถก่อนจะพากันกลับบ้าน
บ้านพักแอนนา เป็นวิลล่า อยู่ชานเมืองมีวิวและธรรมชาติที่สวยงาม แอนนาพามิรินเข้ามาในบ้านซึ่งตกแต่งสไตล์มินิมอล
มิรินมองรอบๆรู้สึกชื่นชมกับความน่ารักของที่นี่
"บ้านแกน่ารักมาก น่าอยู่จัง" เธอเดินไปหยิบรูปถ่ายที่เธอและแอนนา ถ่ายรูปคู่กันสมัยเรียน
"โห รูปถ่ายตอนมัธยม แกเอาตั้งตรงนี้เลยหรอ ดูฉันสิยังมัดผมเปียอยู่เลย " มิรินยิ้มสดใส
"เออสิ ก็แกเป็นเพื่อนรักฉันหนิ รูปแกก็ต้องตั้งตรงนี้ เอาไว้ดูเวลาคิดถึง " แอนนามองเพื่อนยิ้ม ก่อนเปลี่ยนสีหน้ามองเพื่อนด้วยความเห็นใจ
"มา นั่งลงตรงนี้ ไหนเล่าสิ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแกร้องไห้ขนาดนั้น" แอนนาพามิรินนั่งลงตรงโซฟาสีขาว
มิรินนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
"ฉัน...ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นอะแก"มิรินเม้มปาก เหมือนไม่รู้จะเริ่มเล่าตรงไหนดี
"ถ้าแกไม่พร้อม ความจริงแกยังไม่ต้องเล่าก็ได้นะ ฉันเข้าใจ แต่แบบ ฉันอยากให้แกได้ระบายอ่ะไม่อยากให้แกเครียด ฉันรู้สึกแย่ที่เห็นแกร้องไห้ แค่แกโทรมาร้องไห้ เชื่อไหม ฉันอยากจะหายตัวไปอยู่ตรงหน้าแก ถ้าแกยิ้มฉันก็อยากยิ้มข้างๆแก และถ้าแกร้องฉันก็อยากจะร้องอยู่ข้างๆแก " แอนนาเริ่มตาแดง
มิรินมองหน้าเพื่อนรัก ก่อนน้ำตาจะค่อยๆเอ่อไหลออกมา
"ฉัน..ฉันโดนวางยา" ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยเรื่องน่าอายที่เกิดขึ้น มิรินได้แต่ก้มหน้าร้องไห้
"ฝีมือใคร ทำไมเลวแบบนั้น" แอนนารู้สึกโกรธและสงสารเพื่อนมาก
"ลิญา น้องสาวฉันเอง ญาโทรมาให้ฉันไปดูพี่วัฒน์ว่ากำลังนอกใจ พอฉันไปถึงญาก็เอาอะไรมาให้ดื่มไม่รู้พอญาพาฉันไปถึงห้องพักในโรงแรม แล้วฉันก็วูบไป แล้วฉัน...ฉัน " มิรินเริ่มพูดไม่ออก
"เออ..ไม่เป็นไรแก ไม่ต้องพูดล่ะ ฉันเข้าใจ ว่าแต่แกทำไมไม่ไปแจ้งความ แล้วแกรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร"
"ฉันจะแจ้งความได้ยังไง ฉันไม่อยากให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ที่สำคัญฉันสงสารคุณพ่อกลัวว่าท่านจะอับอาย" มิรินเม้มปาก
แอนนา พยักหน้าพยายามที่จะทำความเข้าใจ หน้าตาของตระกูลก็สำคัญ แต่นี่ลูกสาวทั้งคนทำไมถึงได้ใจร้ายแบบนี้
"แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ฉันกลัวอ่ะแก เขาให้คนมาเฝ้าที่หน้าห้อง แสดงว่าเขาต้องการจะกักตัวฉันไว้" มิรินเล่าต่อ
"น้องสาวแก ก็เกินคนทำกับพี่สาวที่แสนดีแบบแกได้ ฉันว่ายัยแม่เลี้ยงของแกก็สมรู้ร่วมคิดได้แน่ๆ" แอนนาเอามือกอดอก สีหน้าแค้นถึงที่สุด
มิริน ส่ายหน้าแทนคำตอบ เพราะเธอก็ไม่แน่ใจว่าแม่เลี้ยงของเธอมีส่วนไหม
"อย่าบอกนะว่า สุดท้ายแกก็เลยยกเลิกงานแต่งงานที่ใกล้จะถึง ดูสิทั้งที่ฉันกำลังจะบินไปเมืองไทยปลายเดือนนี้ เพื่อไปงานแต่งแกอยู่แล้วแท้ๆ"
"งานแต่งงานยังคงจัดแบบเดิมแหละแก ไม่ได้ถูกยกเลิก... แค่เปลี่ยนตัวเจ้าสาว " มิรินพูดเสียงเบา
"นั่นไง ว่าแล้วเชียว เพราะน้องสาวแก จ้องจะงาบว่าที่สามีของแกล่ะสิ เลยวางแผนแบบนี้ " แอนนาตบเข่า
มิรินถอนหายใจ
"ว่าที่สามีที่เจ้าชู้แบบนั้น ฉันก็โชคดีแล้วล่ะ ที่ไม่ได้แต่งงานกับเขา แต่งไปก็ต้องเลิกอยู่ดี แกว่าไหม " มิรินเอ่ยยิ้มๆ
"เจอเรื่องแบบนี้มา ยังมาบอกโชคดีอีก ยัยบ้า" แอนนาหัวเราะ จนทำให้มิรินหัวเราะออกไปทั้งน้ำตา
มิรินได้แต่คิดในใจ ....นั่นสิ ต่อไปชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ…พลันน้ำตาก็เหมือนจะเอ่อขึ้นขอบตา แอนนาดึงเพื่อนรักเข้าไปกอด ทั้งที่ตัวเองตอนนี้น้ำตาก็ไหลออกมาไม่แพ้เพื่อน
ทั้งสองกอดคอกันร้องไห้อยู่พักใหญ่ แอนนาไม่อยากให้เพื่อนเศร้าไปกว่านี้ จึงพยายามเปลี่ยนเรื่องพูด
"ป่ะ หาอะไรกินกันข้างนอกเถอะ นั่งเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมง หิวแย่ "
แอนนายิ้มปลอบเพื่อน เธอพามิรินไปเก็บข้าวของที่ห้องก่อนพากันออกไปหาอะไรกินกันข้างนอก