ณ.ชั้นบนสุดของคาสิโนในเมืองซาเวโรนาตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นน้ำกามคละคลุ้ง ผสานเสียงร้องของหญิงสาวครวญครางระงมก้องห้อง
“อูย เสียว เสียวมากค่ะ แทงมาแรงๆเลยค่ะ
.. อู้ยฉันรักดุ้นคุณจังเลยค่ะผัวขา”
เปรี๊ยะ!
ฝ่ามือหนาฟาดลงบั้นท้ายเต็มแรง เร้าอารมณ์ดิบให้เจ้าหล่อนยิ่งนัก
“ฉันไม่ใช่ผัวแกนั่งร่าน”
โมนิก้า นางแบบสาวผมทองสู้ศึกหนักอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาเปลี่ยนท่วงท่าให้เธอนั่งควบม้าอยู่ด้านบน
“ควบแรงๆ อาห์ดีมาก เร็วๆ ... เด็ดดวงเหลือเกินโมนิก้า”
“ของคุณทั้งยาวทั้งใหญ่อย่างนี้ โอ้ยแน่นไปหมดแล้ว” เธอสูดปากราวกับทานของเผ็ดร้อน บั้นท้ายกระแทกครอบครองบนความใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย สองมือบีบขยำหน้าอกตัวเองรุนแรงจนเขาเอื้อมมือช่วยขยำอีกแรง
“นายครับมีเรื่องแล้วครับ”
และแล้วเสียงลูกน้องจากด้านนอกทำเขาอารมณ์เสีย ท่อนเอ็นถอนออกจากร่องสวาททำเอาเธอเสียดาย
“อื้ออ อย่าๆทรมานค่ะ”
“ใครบอกล่ะ นอนลงแหกแคมออก”
“ได้ค่ะ”
เธอนอนหงายอ้าขาออกกว้างทำตามอย่างว่าง่าย
“แหกให้กว้างอีก”
“ค่ะๆ”
ท่อนเอ็นใหญ่พรวดเข้าไปร่องเยิ้มอีกครั้ง ทั้งสองครวญครางประสานกัน
“เดี๋ยวกูออกไป” แม้จะคาด้ายคาเข็มอยู่ เขายังไม่ลืมสั่งลูกน้องเสียงสั่นพร่า
“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ”
“กูรู้น่า” ภาษากายที่ตอดเขาหนุบหนับมันบอกแทนแล้ว
จังหวะท่อนเอ็นสอยเข้าออกนั้นเป็นไปอย่างหนักหน่วง นางแบบสาวหัวสั่นหัวคลอนกรีดร้องเสียแหลมเมื่อใกล้จะแตะขอบสวรรค์ เธอร่ำร้องไม่ขาดปากทั้งคำหวานและคำหยาบโลนอย่างไม่อาย
“อูย เสียวรู”
“ขยี้ติ่งให้ฉันดูสิ”
“ค่ะ”
เธอทำตามพร้อมสูดปากครวญครางจนเขาเอานิ้วแหย่เข้าปากให้เธอดูด
เสียงน้ำอาบรูที่ถูกเอ็นใหญ่กระแทกบวกกับเสียงดูดนิ้วและเสียงสะโพกปะทะโหนกนูนเกิดขึ้นพร้อมกันดังสนั่น ทำเอาลูกน้องที่ยืนหน้าห้องพลอยงุ่นง่านไปตามกัน
ดาวิเด้สาวท่อนเอ็นออกจากร่องเลื่อนกายขึ้นไปจ่อใบหน้าให้น้ำขาวขุ่นพุ่งกระฉูดจนเลอะเต็มไปหมด แม่โมนิก้าอ้าปากเลียน้ำพลางใช้มือลูบไล้ใบหน้าเปื้อนน้ำสีขุ่นของเขาอย่างลุ่มหลง
“มีอะไร”
ดาวิดออกมาหาลูกน้องที่รออยู่หน้าประตู
“เอ่อ คนของเราตายแล้วครับ คาดว่าพวกนั้นจะรู้แล้วว่านายสั่งมัน”
“Shitt!! ..อยู่เฉยๆว่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไร”
เขาสบถเสียงดังลั่น เดินหันหลังกลับเข้าห้อง แล้วก็ต้องตื่นตัวอีกรอบเมื่อเห็นนางแบบสาวยังอยู่ที่เดิมแถมเธอยังช่วยตัวเองด้วยนิ้วทั้งสาม
“โอ้วว โมนิก้า เธอกำลังจะปั่นหัวฉัน”
เธอสาวเข้าออกพร้อมส่งสายตาชักชวนมาเฟียหนุ่ม เจอแบบนี้มีเหรอเขาจะอดใจไหว
เขาเคลื่อนใบหน้าคมสันจ่อปากแอ่งสวาทที่มีน้ำไหลเยิ้ม...มันน่าชิมชะมัด
แต่เขาไม่ทำ แถมยังใช้สามนิ้วยัดเข้าแทน
“โอ๊ย เสียวรู”
หล่อนกระเด้งขึ้นสู้มือที่ชักเข้าชักออกรุนแรง
“อู้ย อย่าแทงแรง”
โมนิก้าหวีดจนเสียงแหบแห้งก่อนเกร็งกระตุกเฮือกใหญ่
“ต่อกันอีกรอบก่อนค่อยพัก กูจะเอาให้รูมึงบานเลย”
พูดจบเขาเสือกลำดุ้นใหญ่พรวดเดียวมิดลำ
“โอ้ว ฟัค”
แล้วสาวออกจนเกือบหลุด หล่อนยกสะโพกขึ้นตามกลัวจะหลุด
เขาเสียบเข้าๆออกๆ จนโมนิก้าแทบสำลักรสสวาทที่ถูกปลุกเร้าปั่นป่วนจวนจะขาดใจตาย
“ขมิบสิ เร็ว”
เขาออกคำสั่งเมื่อเครื่องกำลังร้อนได้ที่ แต่ติดตรงที่ร่องฉ่ำเยิ้มของหล่อนยังแน่นไม่พอ คาดว่านี่จะเป็นวันสุดท้ายที่จะใช้บริการหล่อน เขายกร่างเปลือยไปนั่งบนหัวเตียงแล้วสั่งให้เธอขยำนมตนเอง
“โมนิก้า ฉันจะส่งท้ายเธอให้หนัก ไหวมั้ย?”
“แทงมาค่ะ แทงมาเลยฉันยังไหว”
สะโพกสอบอัดเข้าใส่โหนกเนื้อไร้ขนอย่างเอาเป็นเอาตายกระทั่งใกล้เสร็จ
“ดูดกินน้ำฉัน” เขาฟาดแก้มให้อ้าปากรอรับ เธอรีบลุกนั่งอ้าปากหวอปล่อยให้น้ำขาวพุ่งเข้าปากกระเด็นกระดอนเต็มหน้าอีกครั้ง
“สบายตัวเป็นบ้า” เขาสบถออกมาหลังสิ้นเกมสวาท ร่างสูงเดินไปหยิบเช็คให้นางแบบสาว
“ถ้าเธออยากได้มากกว่านี้สองเท่าและมีงานเดินแบบตลอดปีช่วยอะไรหน่อยได้มั้ย?”
“หูย ได้อยู่แล้วค่ะ สั่งมาเลยฉันจะทำให้คุณทุกอย่าง” โมนิก้าตาโตกับข้อเสนอที่เธอจะได้รับ
“พยายามเข้าหา ดาเรนเต้ ราฟาเอลโล่แล้วหาทางแบล็กเมล์มัน นั่นคืองานของเธอ”
พูดจบก็เดินตรงมายังหล่อนแล้วจับร่างอ่อนเปลี้ยจัดแจงหันหลังในท่าหมา
“ฉันจะเอาเธอให้หลวมเลยแม่ร่านสวาทของฉัน”
เขาได้ที่ระบายความโกรธชั้นดีแล้วคืนนี้อย่าหวังว่าโมนิก้าจะได้นอน เวลาที่เธอจะเป็นอิสระคงเป็นเวลารุ่งสางเท่านั้น
........................
สามวันแล้วที่พิมรภาหวาดกลัวจนไม่ไปทำงานที่โรงแรมนั่นอีก ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปลาออกด้วยตนเองถึงรู้ว่าไม่เหมาะสมที่เลือกลาออกผ่านทางโทรศัพท์จนใครต่อใครค่อนขอดว่าเธอทำไม่ถูกก็ช่างเถอะ
สิ่งที่ต้องการคืออยากทำงานที่ไกลๆเผื่อสภาพจิตใจเธอจะดีขึ้น
และที่สำคัญ เธอต้องการหนีไอ้คนใจโหดคนนั้น
“สู้สิพิม จะมาเศร้าอะไรมากมาย” พิมรภายิ้มให้ตัวเองในกระจกแล้วรีบวิ่งลงบันไดไปหาพ่อหมูแม่อ้อยอย่างอารมณ์ดี
“อ้าว หายดีแล้วสินะลูกถึงได้ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น” แม่อ้อยเห็นลูกสาวอาการดีขึ้นก็พลอยดีใจไปด้วย
“วันนี้ไม่ห่มผ้าห่มอีกเหรอลูก สองสามวันก่อนนี่ห่มผ้าเดินรอบบ้าน พ่อนึกว่าคนบ้า” คนพ่อเอ่ยติดตลก
“พ่อก็แซวลูกสาวเราจัง ดูสิเมื่อกี้หน้าบานตอนนี้หน้าบูดเป็นตูดเป็ดแล้ว”
“พ่อคะแม่คะ มาๆนี่มาหนูมีเรื่องจะขอพ่อแม่หน่อยค่ะ”
หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ท่านทั้งสองคงไม่อนุญาต
“หนูได้ลาออกจากที่ทำงานเก่าแล้วนะคะ ข่าวดีคืองานใหม่ที่จะทำนั้นอยู่ในญี่ปุ่นค่ะ”
“ห๊ะ ทำไมอ่ะ” คนเป็นพ่อสงสัย
“หรือว่าหนูโกหกพ่อกับแม่ ว่าหนี้ของฟ้าใสที่ทำงานมันมากกว่าสองแสนใช่มั้ยลูก รถหนูที่เอาไปขายมันไม่พอใช้ใช่มั้ย” คนเป็นแม่เค้นถามและคาดเดาไปต่างๆนาๆอย่างเป็นห่วง
“ถ้ามันไม่พอจริง ที่หลังบ้านเราก็เกือบสิบไร่พ่อจะเอาไปจำนอง ไม่ก็ขายมันเล้ย เนอะแม่เนอะ”
“แล้วครอบครัวฟ้าใสเค้าไม่คิดจะช่วยหนูใช้หนี้สักแดงเลยหรือลูก พ่อแท้ๆเค้าก็อยู่ทำไมไม่สงสารเราเลย”
“โหยพ่อ เราอุตส่าห์บากหน้าไปพร้อมลูกเค้าปัดป่ายไม่ใยดีแถมโบ้ยว่าเราโกหกอีก ใบสัญญงสัญญาอะไรก็ไม่มีแล้วจะเอาหลักฐานที่ไหนไปให้เขาดู เฮ้อ” คนเป็นแม่บ่น
“ไปกันใหญ่แล้วค่ะพ่อกับแม่เนี่ย” เธอกรอกตา พลางยกมือห้ามให้ทุกคนฟังเธอก่อน “พอๆค่ะ ฟังหนูนะคะ หนูขายรถใช้หนี้แทนฟ้าใสหมดแล้ว แต่หนูแค่อยากไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ และอยากลืมเรื่องราวไม่ดีด้วยค่ะ เผื่อ หิมะกับอากาศหนาวๆ อาจทำให้หนูดีขึ้นก็ได้นะคะ”
“นะๆ พ่อแม่เนอะ กอดกันๆ” เธอออดอ้อนอย่างหนัก
“ที่สำคัญที่นั่นปลอดภัยล้านเปอร์เซ็นต์ เจ้าของเป็นคนไทย เพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันก็อยู่นั่นได้สองปีแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือรายได้ดีด้วยค่ะ นะคะพ่อแม่”
“ทำงานอะไร” ทั้งสองเอ่ยถามพร้อมกันโดยบังเอิญ
“เป็นพนักงานต้อนรับค่ะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติหนูเก่งภาอังกฤษอยู่แล้ว พ่อแม่ก็รู้ นะๆ..พ่อแม่เนอะ”
“หนูสัญญาจะโทรหาทุกวันเลย”
“เอาไงแม่” พ่อหมูหันไปถามภรรยา
“ไม่รู้ ไปตลาดกันป่ะพ่อ ขอเวลาพ่อแม่คิดละก่อนกัน”
พ่อแม่เธอตัดบทสนทนาไปดื้อๆ เพราะเป็นห่วงลูกสาว
เพล้ง!!
เสียงแก้วบรั่นดี กระทบพื้นสนั่นทำเอาบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันด้วยความเป็นห่วงเจ้านาย
เขาคงคิดถึงฟ้าใสจับใจ แม้จะไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายแสดงออกมากมายแต่แววตาเศร้าปนแค้นและอารมณ์หงุดหงิดที่ตวาดลูกน้องบ่อยๆ ทำให้เดฟและโทนี่เป็นห่วงมาก
ดวงตาสีอำพันปนเศร้าเฝ้าคิดถึงเรื่องราวในอดีตของเขากับฟ้าใสอย่างอาลัยอาวรณ์
‘เอ่อ..คุณคะ ดิฉันขออนุญาตถ่ายรูปคุณได้มั้ยคะเพื่อนของฉันชอบคุณมากเลยค่ะ’
“ไม่ได้!”
“ถอยออกไปซะอย่าให้ต้องใช้ความรุนแรง”
เดฟและโทนี่ ตวาดเสียงเข้มพร้อมกันหญิงสาวให้ออกห่าง เพราะกลัวว่าหล่อนจะเป็นหญิงผู้โชคร้ายที่ทำให้เจ้านายหนุ่มโมโห
‘ไม่เอาน่าเดฟโทนี พวกแกอย่าเสียมารยาทสิ เธอมาดี’ เขาดุลูกน้องพร้อมส่งยิ้มให้กับหญิงสาวร่างอรชรน่าทะนุถนอมกับใบหน้าสวยหวานราวตุ๊กตาของหล่อนทำให้เขาเปลี่ยนโทนเสียง
เขาเป็นลูกค้าประจำที่นี่เพราะ ฟรังค์โก เมแกน มอนเดอริโอ เพื่อนของเขาเป็นเจ้าของภัตตาคารหรูแห่งนี้ เขาและผองเพื่อนกลุ่มดาร์คต่างมาพบปะกันที่นี่ประจำ เขาคอยมองสาวเสิร์ฟคนนี้ได้เกือบเดือนแล้ว
ความน่ารักปนแววตาเศร้าทำให้เขาสนใจและอยากรู้จักเธอมากกว่านี้จึงให้คนสืบประวัติของเธอจากเพื่อนร่วมงาน ทราบคร่าวๆว่าเธอเกิดในครอบครัวยากจน มีหนี้สินมากมายจนจัดสินใจมาทำงานต่างบ้านต่างเมือง เธอมักคุยปัญหาเรื่องเงินๆทองๆผ่านมือถือกับทางบ้านเสมอจนเพื่อนร่วมงานต่างเห็นใจ
ให้ตายสิ ทำไมเขาต้องสนใจสาวเอเชียคนนี้มากขนาดนั้น
อารมณ์เขาเหมือนเด็กหนุ่มเพิ่งเริ่มจีบสาว ไปทานข้าวที่นั่นแทบทุกวันเพื่อได้เจอหน้าหล่อน จนผ่านมาเป็นเดือนหล่อนกลับเป็นคนเข้าหาก่อนโดยการมาขอถ่ายรูปขนาดนี้ มีหรือเขาจะปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป
‘ถ่ายรูปได้ แต่มีข้อแม้นะ’
‘ข้อแม้อะไรคะ?’
‘เธอต้องไปล่องเรือกับฉันในคืนนี้ รับรองว่าได้ถ่ายรูปให้เพื่อนสาวดูอย่างจุใจแน่นอน”
และนั่นคือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์
จวบจนผ่านมาได้สี่เดือนเขาจึงสั่งให้หญิงสาวลาออกจากงานเพื่อมาอยู่กับเขา แม้เธอไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ดังที่เคยคาดเดา แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรถือสา เป็นปกติหากเธอจะผ่านมือชายมาเพราะคงหาสาวบริสุทธิ์ได้ยากในสมัยนี้ และเขารู้ดีว่าฟ้าใสไม่ใช่คนใจง่ายยอมให้ใครไปทั่วเหมือนผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา
‘คุณราฟคะ ตื่นได้แล้วค่ะ ฟ้าทำซุปให้ทานกำลังร้อนเลยนะคะ’ เสียงหวานที่คุ้นหูปลุกเขาในยามเช้า
‘รู้มั้ยเธอทำให้ราฟน้อยตื่นด้วย’ เขาพูดพร้อมรูดมันโชว์ให้เธอดู
‘บ้าอ่ะ เล่นอะไรก็ไม่รู้’ เธอเขินหน้าแดงก่ำ
‘ที่รัก ช่วยฉันที ขอรอบเดียวนะๆ ทำเสร็จแล้วจะทานฝีมือเธอ สัญญา”
‘อ้อนขนาดนี้คงต้องยอมสินะคะ’
เธอเลื่อนมือไปกอบกุมความใหญ่และยาวของเขาเลื่อนขึ้นลงพร้อมดูดเลียจนเขาครางกระเส่า
“ที่รัก” สูดปากครางเสียงแหบพร่า
....!
ไม่นานกลับมีเสียงโทรเข้าจากมือถือฟ้าใสดังขึ้น
ทำให้เธอจำใจไปรับแล้ววิ่งออกไปคุยที่นอกระเบียงคอนโดสุดหรูที่เขาเป็นเจ้าของ และยกให้พื้นที่ชั้นบนสุดทั้งชั้นให้เธออาศัย
‘ใครวะ!’ เขาบ่นให้คนที่โทรมาขัดจังหวะความสุข พร้อมท่าทีมีพิรุธนั้นเขาจึงเดินไปแอบฟังให้รู้เรื่อง
‘ว่าไงจ๊ะพิม’
แม่พิมรภาอีกแล้วหรือ?!
เพื่อนสาวคนเดิมที่โทรมาขัดจังหวะบ่อยจนเขาเริ่มไม่ถูกชะตากับเธอเข้าแล้ว
‘ไง คงจะสบายดีไหมได้ข่าวว่าลาออกจากงานแล้วสงสัยแฟนรูปหล่อคงให้ออกสินะโอยฉันล่ะอิจฉาชีวิตเธอที่สุดเลย ชีวิตเธอช่างโชคดีจริงๆแค่ขอถ่ายรูปให้ฉันไหงมาเป็นแฟนกันซะนี่’ เธอเอ่ยแซวปนประชดประชัน แต่ใจจริงนั้นทั้งดีใจและรู้สึกเซอร์ไพรส์มากที่เพื่อนเธอโชคดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเสียอีก
‘นี่เลิกแขวะซะที ว่าแต่มีธุระอะไร’
‘ก็เรื่องเดิม ตั้งแต่แกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อแล้วที่บ้านแกมาหาฉันที่ทำงานรบเร้าให้ฉันติดต่อแกให้ได้ เรื่องเงิน เรื่องเดิมๆแหละแก’
‘และพัฒน์ก็อีกคนนึง เห็นว่าติดพนันออนไลน์ตั้งห้าล้านบ่นว่าติดต่อแกไม่ได้อีก เฮ้อ ฉันจะบ้าตาย’
ก็แน่นอนล่ะเธอมาอยู่กับราฟาเอลแล้วจะให้พัฒน์ติดต่อคุยกับเธอเหมือนแต่ก่อนคงไม่ได้
‘หา ห้าล้าน ฉันจะไปเอาที่ไหนมาให้เนี่ยพัฒน์นะพัฒน์ ขนาดสองแสนยังไม่ได้คืนที่ทำงานเลยแก’
คนแอบฟังได้ยินดังนั้นจึงสงสารฟ้าใสจับใจ หล่อนมีปัญหาเรื่องเงินและหนี้สินทำไมถึงไม่บอกเขา
ร่างใหญ่หันหลังกลับไปเขียนเช็คให้เธอจำนวนสิบห้าล้านเพื่อต้องการให้เพื่อนสาวจอมขูดรีดเลิกโทรมารบกวนหล่อนสักที
ฟ้าใสวางสายเสร็จต้องตกใจหนัก เมื่อเขายืนอยู่ด้านหลังและยื่นเช็คนั่นให้เธอ พร้อมประโยคคำถามที่ทำให้เธอตกใจอย่างหนัก
‘พัฒน์ คือใคร?’
‘ออ แฟนของยัยพิมค่ะ เค้าติดหนี้พนันบอลตั้งห้าล้านยัยพิมเลยต้องโทรมาเล่าปัญหาทุกข์ใจให้ฟัง’
คิ้วหนาขมวดขึ้นเป็นปม เพ่งมองคนตัวเล็กอย่างสงสัย
เงินแค่นี้เป็นแค่เศษเงินของเขา ทำไมเธอไม่เอ่ยปากขอกับเขาบ้าง?
‘ทำไมทำหน้าอย่างนั้นคะ หรือว่าแอบเสียดายที่รู้ว่าเพื่อนสาวหน้าหวานของฟ้ามีแฟนแล้ว?”
เธอพยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะเคยเอารูปพิมรภาเพื่อนสนิทที่คลั่งไคล้เขานักหนาให้เจ้าตัวดู สีหน้าเขาดูตะลึงในความสวยของพิมรภาแถมยังแกล้งหยอกเธอว่าน่าจะเจอพิมรภาก่อนจนสาวเจ้าเคยงอนไปสามวันกว่าจะหาย
‘ต่อให้สวยกว่านี้สักสิบเท่าก็ไม่รัก ถ้าไม่ใช่เธอ โอเค๊?’
บทสนทนาจบลงมีเพียงจูบอันดูดดื่มของเขาและเธอเนิ่นนาน ฝ่ามือทั้งสองต่างลูบไล้สัดส่วนพร้อมแลกลิ้นกันพัลวัน
บทสวาทเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ทั้งบนเตียงและห้องครัว เพราะครั้งเดียวคงไม่พอสำหรับเขา
“อื้อ เสียวค่ะ”
ร่างบางดิ้นเร่านอนส่ายหัวไปมาบนโต๊ะรับประทานอาหาร
‘เป็น อะไร หืม’ เขาหยุดขยับสะโพกพร้อมแกล้งหญิงสาว
‘ยะ อย่าทรมานฟ้าสิคะ’
‘ไหนบอกรักฉันสิ’
‘ฟะ ฟ้ารักคุณราฟนะคะ’
เขาสอดใส่เข้าไปใหม่อีกครา ส่วนมือบีบเคล้นหน้าอกหล่อนสลับกับการใช้ปลายนิ้วบดบี้ติ่งเสียว
‘อ๊าส์ เสียว’
‘โอ้วที่รัก ใกล้เสร็จแล้วใช่มั้ย’
“อูยยส์ค่ะ ฟ้าใกล้เสร็จแล้ว"
เขารัวสะโพกขยี้ร่องสาวรุนแรง ทั้งสองไปถึงสวรรค์พร้อมกัน น้ำกามสีขุ่นฉีดใส่โพรงนุ่มจนเอ่อล้นน้ำเจิ่งนองไหลมาตามซอกขา ราฟาเอลก้มลงไปดูดดื่มโพรงสวาทของเธออย่างไม่นึกรังเกียจ เขาไม่เคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหน เขาเว้นให้แค่เธอคนเดียว เขาอ่อนโยนต่อเธอมาก นั่นเพราะเธอคือคนที่เขารักมากที่สุด
เมื่อผงกหัวขึ้นไปมองหน้าหล่อนที่กำลังเคลิบเคลิ้มช่างหวานเยิ้มอะไรอย่างนี้
ราฟาเอลสะบัดศีรษะไปมาอย่างแรงเพื่อพยายามควบคุมความขุ่นแค้นไม่ให้คลุ้มคลั่งไปมากกว่านี้ ไม่นานภาพพิมรภาที่กำลังร้องไห้ขณะโดนเขาข่มเหงก็ผุดทับซ้อนใบหน้าของฟ้าใสขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เขากุมขมับที่กำลังปวดหนึบขึ้นอย่างกะทันหัน
“โอ๊ย ปวดหัวชิบ!”
“นายครับ เอ่อผมว่านายไปพักก่อนเถอะนะครับ” โทนี่รวบรวมความกล้าก่อนเสนอแนะออกไป
"ไม่ กูขอนั่งอีกสักพัก"
“นายครับ มีความคืบหน้ามาบ้างแล้วครับ” เสียงเดฟที่พึ่งออกไปรับโทรศัพท์มาหมาดๆเดนกลับมาแจ้งข่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ว่ามา”
“เอ่อ เรื่องนายพัฒน์น่ะครับ เราสืบได้ว่ามันเอามือถือไปขายที่โรงรับจำนำในวันเกิดเหตุครับ”
ราฟาเอลเปิดดูข้อมูลในสมาร์ทโฟนทันทีที่สายของเขาส่งไฟล์ข้อมูลมาให้ เขาเจอแต่รูปพิมรภาเต็มไปหมด ที่มีทั้งถ่ายตอนเธอเผลอและตั้งใจยิ้มหวานใส่กล้อง
“ส่วนพิมรภาตอนนี้เธออยู่ที่ญี่ปุ่นครับ” เดฟพูดขึ้นแทรกขณะที่ราฟาเอลกำลังเลื่อนดูรูปหล่อนอยู่อย่างนั้น หากแต่หูยังรับฟังลูกน้องอยู่
“เมื่อไหร่?”
“สองวันแล้วครับ”
“แล้วเพิ่งมาบอกกู?”
“ผมเห็นสองสามวันมานี้นายดื่มหนักและอยากอยู่คนเดียวเลยไม่กล้าขัดครับ”
“ต่อไปนี้ต้องบอกกูทุกอย่างเกี่ยวกับพิมรภา เพราะนั่นอาจเป็นตัวล่อให้ไอ้พัฒน์โผล่หัวออกมา”
“ครับ”
“พวกมึงแยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะไป กูอยากอยู่คนเดียว”
สายตาคมนั่งจ้องมองรูปของเธอจากมือถือพิพัฒน์ทั้งคืนด้วยความเคียดแค้น
‘พิมรภา เธอคิดว่าจะหนีฉันพ้นหรือ’