หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแต่งงานและงานเลี้ยงงานแต่งงานของมินดาและธนินจบไปแล้ว คืนนี้ก็เป็นคืนแรกที่เธอต้องอยู่กับอาธนินเพียงลำพัง วันนี้ในงานเลี้ยงทั้งวันมินดาต้องแกล้งฉีกยิ้มทำเหมือนว่ามีความสุขเพียงเพราะต้องการรักษาหน้าของผู้เป็นบิดา
พลั่ก!
เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง คุุณอาธนินในชุดสูทของเจ้าบ่าวเดินเข้ามา ตอนนี้เธอมาอยู่ที่บ้านของเขาอย่างถาวรซึ่งแยกออกมาจากบ้านพ่อแม่ของอาธนินอีกที อาธนินเดินเข้ามาแต่ไม่ได้พูดจาอะไร เขาเดินไปถอดนาฬิกาเก็บไว้ในตู้ แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไปด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
ส่วนมินดาตอนนี้เธอจัดการกับตัวเองไปเรียบร้อยก่อนหน้าที่อาธนินจะเข้ามาแล้ว ตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนที่ค่อนข้างจะปกปิดเพราะไม่รู้ว่าคืนนี้คุณอาธนินจะใช้สิทธิ์ความเป็นสามีกับเธอหรือไม่ พอคิดถึงเรื่องนี้ใจของมินดาก็สั่นหวั่นใหวขึ้นมาทันที
ในพิธีต่างๆของงานแต่งงานวันนี้อาธนินแทบจะไม่พูดจากับเธอเลยแม้แต่คำเดียว ใบหน้าคมหล่อของเขามีแต่ความเย็นชาไร้ความรู้สึกใดๆ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ใหญ่บังคับเขาก็คงไม่ยอมแต่งงานคงจะเหมือนกับมินดาสินะ แต่อย่างน้อยควรพูดจากันบ้างก็ยังดีไม่ใช่เหรอ
สักพักมินดาได้ยินเขาเดินออกมาจากในห้องน้ำ
"ทำไมยังไม่นอน?"
เสียงทุ้มต่ำนั้นถามขึ้นมาเบาๆแต่ติดห้วนนิดหน่อยเหมือนจะไม่พอใจอะไรมินดา
"เอ่อ..คือว่ามินดา..."
"เธอมันก็แปลกคนนะ..ยังเด็กอยู่แท้ๆยอมแต่งงานเอาตัวเข้าแลกก็เพื่อเรื่องเงิน"
น้ำเสียงเย็นชาที่กำลังกล่าวหาอยู่นั้นทำให้มินดาถึงกับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาทันที
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ.."
"ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหน..เธอกับพ่อของเธอใครหิวเงินมากกว่ากันมินดา?"
อาธนินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน แววตาสีนิลเฉยชาปราศจากความรู้สึกใดๆของอาธนินทำเอามินดาเย็นหวาบไปถึงหัวใจและรู้สึกฉุนขึ้นมาที่เขาพูดดูถูกบุพการีของเธอ
"ทำไมต้องว่าพ่อของมินดาด้วย"
"หึๆ..คนแบบนั้นมีอะไรให้น่าสรรเสริญเยินยอเหรอ?...ชั้นจะไปนอนห้องอื่น...ส่วนเธอนอนที่นี่แหละ"
มินดาอ้าปากค้างที่ถูกกล่าวหาแบบนั้น ไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรเขาก็ออกไปจากห้องอย่างเร็ว
"คนใจร้าย"
มินดาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิวคืนแต่งงานคืนแรกเธอก็ต้องพบกับความรู้สึกขมขื่นแล้ว ก็คงไม่แปลกที่อาธนินจะกล่าวหาเธอแบบนั้นก็การแต่งงานครั้งนี้ของเธอกับเขามันก็มีแต่เรื่องเงินที่มาเกี่ยวข้องจริงๆไม่ใช่เรื่องของความรักอะไรเลย
ทำไมอาธนินสมัยเธอเด็กๆกับอาธนินตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนนะ เธอจำได้ว่าสมัยก่อนครอบครัวเราสนิทกันมากตอนอาธนินเป็นวัยรุ่นหนุ่มน้อยยังมาอุ้มมินดาหยอกล้อมินดาเล่นอยู่เสมอ ทำไมเดี๋ยวนี้เขาถึงเปลี่ยนไปแทบจะไม่คุยหรือพูดกับมินดาแม้แต่คำเดียวสายตาแข็งกร้าวนั้นมันทำให้ใจของมินดาเจ็บปวดนัก
ตึ่ง!
เสียงข้อความในMessengerดังขึ้น
'มินดา..พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปงานแต่งมินดา...พี่ทำใจไม่ได้จริงๆ...'
ข้อความจากธันวารุ่นพี่ของมินดานั้นเอง แต่มินดาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป พี่ธันวานั้นเป็นหมอศัลยแพทย์หนุ่มรูปหล่อขาวตี๋เกาหลีแบบพิมพ์นิยม ธันวาเป็นรุ่นพี่ที่ตามจีบมินดามาทั้งแต่สมัยเรียน มินดาก็ให้พี่ธันวาจีบไม่ได้ว่าอะไรเขาถึงแม้เธอจะรู้สึกกับเขาเพียงแค่พี่ชายก็ตาม แต่ในอนาคตมินดาทั้งใจจะเปิดใจให้พี่ธันวาอยู่แล้ว
ถ้าไม่ติดกับตอนนี้..เธอนั้นแต่งงานเสียแล้ว..อนาคตที่จะเปิดใจให้ใครก็คงจบไปเหมือนกัน หรือแม้แต่อนาคตในการใช้ชีวิตหลังจากที่เรียนจบมาใหม่ๆก็จบไปแล้วด้วย ยิ่งคิดมินดาก็ยิ่งเศร้าเหมือนดิ่งลงในหุบเหวลึกไม่มีใครเลย ไม่มีที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจใดๆ แม้แต่ผู้ซึ่งมินดาเรียกว่าพ่อก็ตาม
ตึ่ง!
'มินดาโอเคใช่มั้ย?'
พี่ธันวายังคงส่งข้อความเข้ามาเรื่อยๆที่เห็นว่ามินดาอ่านแล้วแต่ไม่ตอบกลับไป มินดาได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
'โอเคมากๆค่ะพี่ธันวา...มินดาง่วงแล้วนอนก่อนนะคะ..'
'งั้นฝันดีนะครับ'
มินดาโกหกไปว่าโอเคเพราะไม่อยากเอาเรื่องภายในครอบครัวไปเล่าให้คนอื่นฟัง และพี่ธันวาก็เป็นผู้ชายด้วยไม่ใช่ต้นข้าวเพื่อนที่สนิทที่สุดของมินดา ซึ่งทั้งแต่จบงานแต่งต้นข้าวก็มาร่ำลามินดาแล้วต้นข้าวรับรู้ทุกเรื่อง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมินดาก็ไม่อยากเอาเรื่องปวดหัวไปให้ใครต้องทุกข์ใจแทนเธอทั้งนั้น
มินดายังคงนอนเบิกตาอยู่ในความมืดด้วยความสับสนว้าวุ่นใจจนพาให้นอนไม่หลับชีวิตคู่คืนแรกที่วาดฝันไว้กับความเป็นจริงนั้นเธอต้องมานอนโดดเดี่ยวเดียวดายเพราะผู้เป็นเจ้าบ่าวไม่ต้องการถึงกับหนีไปนอนห้องอื่นมันช่างเป็นชีวิตคู่ที่ไม่เคยคิดฝันเอาไว้และมันช่างเป็นอะไรที่น่าสมเพชเวทนาเสียจริงๆ