บทที่ 7 ไม่เคยลืม

1770 คำ
เชื่อมาโดยตลอดว่าเธอคงไม่ได้เลิกกับเขาเพราะเหตุผลนี้ อลันกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเดินตามร่างบางเข้าไป ยื่นมือไปคว้าต้นแขนของเธอ กระชากให้เธอหันมาหาเขา “อ๊ะ!...” เจ้าของร่างบางส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ หญิงสาวหันหน้ากลับมาอย่างแรง ใบหน้าเล็กปะทะกับแผ่นอกแกร่งของอดีตสามีอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรก” “พูด? ก็บอกไปแล้วนี่ว่าให้ไล่ออก แต่ก็ช่างมันเถอะ...ไล่ออกตอนนี้ก็ไม่มีผลอะไร” เธอเชิดหน้าพูดอย่างท้าทาย ก่อนจะค่อย ๆ บิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขา “ปล่อยด้วย นายไม่มีสิทธิ์มาแตะเนื้อต้องตัวฉัน เราจะไม่คุยเรื่องนี้กันอีก เพราะตอนนี้แฟนของฉันเพิ่งเสียชีวิต ฉันอยากคิดแค่เรื่องของเขา” “แน่ใจเหรอ” เขาไม่ปล่อย แถมยังพ่นคำพูดในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินออกมาอีกด้วย “เธอเลิกกับฉันแล้วก็ไปคบกับมันทันที ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเธอก็แอบคบกับมันระหว่างที่เป็นเมียฉัน!” “พูดบ้าอะไร! ทุเรศดีจัง” “หึ...ดีแต่เธอ เก่งแต่เธอ” ดวงตาคมแดงก่ำ ก่อนจะเบือนหน้าหนี เขาไม่อยากโทษว่าใครถูกใครผิด เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งน้อยใจ “แล้วทีนายล่ะ อยู่กับมันจนจะเป็นผัวมันแล้ว ไม่รู้หรือไงว่ามันชอบ มันรัก มันจ้องจะทำลายความสัมพันธ์ของเรา” “ไม่มีใครมาทำลายความสัมพันธ์เราได้หรอก นอกจากเธอ!” ตะคอกออกมาเสียงดังด้วยความเดือดดาลในใจ อลันไม่อยากคุยแล้ว ชายหนุ่มปล่อยมือออกจากแขนของเธอ ก่อนจะเดินหนีเข้าไปในห้องประชุม ซึ่งการทะเลาะกันของเธอกับเขานั้น ทำให้พนักงานหลายคนชะงักนิ่งงันไปตาม ๆ กัน หลายคนที่นี่คุ้นชินกับเธอ โยษิตาน่ารักตั้งแต่เป็นแฟนกับเจ้านาย ทว่าพอเธอแต่งงาน หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเปลี่ยนไป หวาดระแวง หวาดกลัวถึงขนาดสั่งห้ามไม่ให้พนักงานสาว ๆ ส่งข้อความหา หรือโทรหาสามีหนุ่มดึก ๆ ดื่น ๆ ...พอเดินเข้ามาในห้องประชุมดวงตาคู่สวยก็สบเข้ากับฟ้าใส โยษิตากัดฟันกรอด เธอจงเกลียดจงชังผู้หญิงคนนี้ที่สุด “เดี๋ยวฉันจะแนะนำนักสืบให้รู้จัก” ปกติแล้วเธอไม่รู้จักนักสืบหรอก เพราะนักสืบต้องปิดบังตัวตน อลันพยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด เขาต้องทำหน้าที่...อยากให้เธอเป็นผู้บริสุทธิ์ไว ๆ “คนนี้ชื่อดนัย เป็นนักสืบอิสระไม่ได้สังกัดกับเรา พออิสระก็จะสามารถสืบได้อย่างอิสระเหมือนกัน เข้าหาตำรวจได้ง่ายกว่าคนของเรา” โยษิตาพยักหน้ารับเบา ๆ ระหว่างนี้ก็แอบชำเลืองสายตามองฟ้าใสที่ตั้งหน้าตั้งตารัวแป้นพิมพ์อยู่ ราวกับว่ากำลังจดบันทึกวาระการประชุม ...ชายหนุ่มแนะนำนักสืบทุกคน รวมถึงฝ่ายอิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารควบคุมเครื่องมือเทคโนโลยีใหม่ ๆ นี้ “เดี๋ยวเธอเล่าทุกอย่างออกมา ตั้งแต่คบหากับภูวดลว่ามีอะไรที่ทำให้รู้สึกตงิดใจ สงสัยใครที่เกี่ยวข้องกับเขา ถ้าเธอยืนกรานว่าไม่ได้ทำ เราต้องหาฆาตกรตัวจริงให้ได้” ...โยษิตาเงียบชั่งใจครู่หนึ่งด้วยความประหม่า ไม่คุ้นชินที่ตอนนี้ตัวเองตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหา เธอกระแอมเสียงเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยพูดขึ้น “ฉันรู้จักกับเขานานแล้วค่ะ คุณภูวดลเป็นเจ้าของบริษัทผลิตสื่อโทรทัศน์ แล้วก็รายการที่ฉันประกวดนางแบบ” อลันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน คงเป็นเพราะไว้ใจเธอมากเลยไม่คิดว่าคนรู้จักกับเธอจะมาขโมยใจของเธอไปจากเขา “เรารู้จักกันมาสิบกว่าปีแล้วค่ะ เพิ่งคบกันเมื่อเดือนมกราคม” หญิงสาวเอ่ยพูดโดยไม่ได้มองหน้าของอดีตสามี ขณะที่คนตัวโตก็พยายามระงับอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุด อารมณ์คุกรุ่นก่อตัวขึ้นในจิตใจของเขาเป็นระยะ ๆ “เราตกลงจะแต่งงานกัน เขาให้ฉันย้ายมาอยู่บ้านหลังเดียวกันเพื่อทดลองใช้ชีวิตด้วยกันค่ะ แต่หลังจากนั้นเราก็เริ่มมีปากเสียงกันเพราะความหึงหวง” “หึงหวงเรื่องอะไรครับ” นักสืบคนหนึ่งเอ่ยถาม ปากกาที่จดรายละเอียดลงสมุดโน้ตเล่มเล็กของทุกคนหยุดชะงัก เช่นเดียวกับฟ้าใสที่หยุดพิมพ์รายงาน “ฉันไม่ขอบอกได้ไหมคะ” “ไม่ได้ เพราะทุกอย่างที่หลุดจากปากเธอมีผลต่อการพิจารณาของศาล เธอควรบอกฉันเพื่อที่ฉันจะได้ร้องขอต่อศาลได้” อลันรีบพูดขึ้น อีกนัยหนึ่งเพราะอยากรู้เรื่องของอดีตภรรยาคนนี้ ...โยษิตาก้มหน้าลงเพียงนิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา “เขาคิดว่าฉันยังรักสามีเก่าอยู่ค่ะ” “_” เธอพูดอย่างนี้ก็ทำเอาคนทั้งห้องประชุมเงียบทันที อลันเจ็บแปล๊บที่หัวใจ โยษิตาพูดอย่างกับว่าภูวดลคิดไปเอง “แล้วมันจริงไหมครับ” คราวนี้นักสืบดนัยเอ่ยถาม เขาอยากจะทำคดีนี้ให้เสร็จไว ๆ เพราะตอนนี้ข่าวดังมาก แต่ปัญหาอยู่ที่นายจ้างของเขาดันเคยมีสัมพันธ์กับผู้ต้องสงสัยคนนี้ “_” “ถ้าคุณไม่พูด เราก็จะไม่รู้ว่าปัญหาที่คุณกับคุณภูวดลทะเลาะกันมันเป็นปัญหาใหญ่มากแค่ไหน แล้วเขาได้ทำร้ายร่างกายคุณพอที่คุณจะป้องกันตัวเองจนพลั้งพลาดได้หรือเปล่า ตอนนี้เราสันนิษฐานได้ทุกอย่าง” ได้ยินอย่างนั้นโยษิตาก็ลำบากใจ หล่อนหันไปมองสามีเก่า “ออกไปก่อนได้ไหม” เธอไม่สามารถเอ่ยพูดต่อหน้าเขาได้ “ไม่ได้หรอก เพราะฉันเป็นคนว่าความให้เธอ ฉันต้องรู้เรื่องนี้” โยษิตานิ่วหน้า เธอไม่พอใจเท่าไรนัก เขาพูดราวกับกำลังคาดคั้นความจริงจากเธอ “พูดเถอะครับ จะได้ปิดคดีนี้เร็ว ๆ ไม่งั้นคุณอาจจะได้นอนในคุกจริง ๆ” คำพูดของนักสืบดนัยนั้นไม่เกินจริง โยษิตาข่มเปลือกตาปิดลงอย่างคนหมดหนทาง ยอมพูดความจริงในที่สุด “ยังมีความรู้สึกอยู่ค่ะ เขาเคยขอให้ลบรูป เอาของที่ลันให้ไปทิ้ง แต่ฉันก็ไม่ได้ทำ” อลันมีใบหน้านิ่งเรียบ แต่หัวใจของเขากลับกระหน่ำเต้นรัว เธอยังไม่ลืมเขา แต่ทำไม...ต้องทิ้งเขาด้วย “เขาก็เลยยกเรื่องนี้มาทะเลาะค่ะ เวลาฉันออกไปไหนก็คิดว่าฉันมาหาลัน” โยษิตาพูดโดยไม่ได้หันมามองใบหน้าของอดีตสามีเลยสักนิด เธออับอายที่จะพูดความจริงว่ายังรัก และยังไม่เคยลืม “แล้ว...เขาเคยทำร้ายร่างกายคุณหรือเปล่าครับ” “ไม่เคยค่ะ ดลเป็นคนดี ดีมาตลอด เป็นที่ปรึกษา เข้าใจฉันทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้” “โอเค ผมพอจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว...เท่ากับว่าไม่มีแรงจูงใจอื่นเลยใช่ไหมครับ” โยษิตาส่ายหน้าเบา ๆ ไม่มีแรงจูงใจใด ๆ ที่ทำให้เธออยากฆ่าเขาเลย “คุณไม่ได้ถูกบังคับให้แต่งงานใช่ไหมครับ” แต่นักสืบดนัยยังคงทำงานได้ดีเช่นเดิม อีกฝ่ายมีประสบการณ์การสืบคดีฆาตกรรมมาเยอะมาก เพราะฉะนั้นทุกคำถามจึงมีประโยชน์มาก “ไม่ค่ะ ฉันอยากแต่งงานใหม่ แต่งงานกับผู้ชายที่เห็นคุณค่าของฉัน ผู้ชายที่พร้อมจะดูแลฉัน” ราวกับว่าเธอกำลังเอ่ยพูดประชดเขาอยู่ อลันถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ถ้าอย่างนั้นผมก็จะพุ่งเป้าไปที่ปัญหาส่วนตัวของคุณภูวดลนะครับ” นักสืบดนัยทำงานได้ดีเช่นเคย อลันแทบไม่ต้องซักไซ้อะไร “เธอรู้ปัญหาของแฟนเธอบ้างไหม เขาเครียดกับงาน หรือมีศัตรูที่ไหน” โยษิตาหันไปมองเจ้าของคำถาม เธอส่ายหน้าเบา ๆ “ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องของเขานักค่ะ” จะเรียกว่าไม่สนใจก็ได้ โยษิตาไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวกับงานของเขาสักเท่าไร ตั้งแต่ออกจากวงการนางแบบก็แทบไม่ได้เข้าไปบริษัทของเขาเพื่อถ่ายรายการเลย “โอเค ครับ...” “เอาเป็นว่า...เราสืบกันต่อจากเรื่องอื่น ถ้าโยไม่ได้ทำก็ต้องยืนยันความบริสุทธิ์ได้ แล้วกล้องวงจรปิดล่ะ” “ในบ้านไม่มี มีแค่หน้าบ้านอันหนึ่งเพราะเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ได้สองเดือน ก็เลยคิดว่าหลังจากแต่งงานค่อยติด แต่ตัวที่อยู่หน้าบ้านเป็นตัวที่มีอยู่แล้ว” “แล้วเพื่อนบ้านมีไหมครับ น่าจะขอดูจากเพื่อนบ้านได้ครับ” “บ้านเดี่ยวห่างจากบ้านคนอื่นพอสมควรเลยค่ะ” “ถ้างั้นก็ต้องพึ่งกล้องวงจรปิดของหมู่บ้าน” อลันพยักหน้าเห็นด้วย สิ่งที่ยืนยันคนเข้าออกสถานที่เกิดเหตุได้ดีคงหนีไม่พ้นกล้องวงจรปิด “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณดนัยไปขอการ์ดวิดีโอกับตำรวจด้วยนะครับ ผมว่าตำรวจน่าจะเอาไปแล้ว” “โอเคครับ” “ส่วนผมเดี๋ยวจะไปที่สถาบันนิติวิทย์ฯ” “แล้วฉันล่ะ” “ไปกับฉัน” โยษิตาเม้มริมฝีปาก เธออยากไปบอกขอโทษร่างของแฟนหนุ่ม แต่ก็ไม่อยากไปกับเขาคนนี้ ทว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปเตรียมตัวก่อนนะคะ” ฟ้าใสรู้ว่าต้องไปกับเจ้านายหนุ่ม เพราะปกติก็มักจะได้ติดสอยห้อยท้ายคนเป็นนายไป ซึ่งทันทีที่โยษิตาได้ยินก็อยากไปด้วย “ถ้าฉันไป...ฟ้าใสไม่ต้องไป” ว่าเสียงแข็ง ยกยิ้มมุมปากเมื่ออีกฝ่ายหันขวับมามองเธอ “ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น...ก็ได้” ชายหนุ่มไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเธอแล้ว ทว่า “เอ่อแล้ว...ฉันจะบันทึกข้อมูลได้ยังไงคะ” “เดี๋ยวผมจัดการเอง” โยษิตายกยิ้มมุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามร่างหนาออกไป ปล่อยให้ฟ้าใสยืนกำฝ่ามือแน่นมองสองคนนี้ด้วยความโกรธ มันจะดีอยู่แล้วเชียว ไม่คิดว่ามารผจญจะกลับมาอีก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เชื่อว่ายังไงสองคนนี้ก็ไม่มีทางกลับมาคืนดีกันได้อย่างแน่นอน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม