“เห้อ! พูดไปใครจะเชื่อคนเมาแบบฉันละ คนเขาคงคิดว่าฉันให้ท่าผู้ชายอยู่ดีนั่นแหละ ปล่อยไปเหอะ ฉันไม่อยากมีเรื่อง”
อมิตาลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมส่งแขก อยู่กับเขานานกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะสร้างความหวั่นไหวให้เธอเปล่าๆ
“หึ่ย! แล้วแต่เธอแล้วกัน”
ภิภพลุกขึ้นยืน ก่อนจะยืนเคว้งกลางห้องเมื่อเธอไม่พูดสิ่งที่เขากังวล ไม่ถามเขาเลยว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
“คุณจะมาเก็บของที่เอาไปไม่หมดไม่ใช่เหรอ ฉันเก็บรวมของสำคัญไว้ในกล่องนั้นแล้ว คุณหยิบไปได้เลย”
อมิตาชี้ไปที่กล่องใส่พวกเอกสารและแว่นตาสำรองที่เขาลืมทิ้งไว้ เธอเลือกเก็บแต่ของสำคัญที่มันเหลืออยู่ในห้อง ของอย่างอื่นเธอก็ปล่อยไว้อย่างที่มันเคยอยู่ ถึงจะเลิกกับเขา แต่เธอไม่ได้เลิกรักเขา และยังคงอยู่กับความรู้สึกที่เธอมอบให้เขามาตลอด
“อืม”
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเจ็บในอกเพราะท่าทางเฉยชาของเธอ ภิภพเดินไปหยิบกล่องสีชมพูขึ้นมาถือไว้ เดินออกจากห้องไปเงียบๆ เมื่อเสนออะไรแล้วเธอไม่เห็นด้วย
เป็นครั้งแรกที่เขาอยากขัดใจเธอ ไม่ใช่ขัดเพราะไม่ชอบใจสิ่งที่เธอทำ แต่ขัดเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ ภิภพเดินมาแจ้งกับนิติบุคคลของคอนโด เล่าเรื่องทั้งหมดให้คนที่เป็นลูกน้องของพ่อเธอฟัง หวังว่านิติจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ท่านฟัง ท่านจะได้ส่งคนมาคุ้มกันเธอ เผลอๆเรื่องทั้งหมดนี้ท่านอาจจะจัดการกับไอ้นั่นด้วยตัวเอง แบบที่ไม่ต้องถึงมือเขาด้วยซ้ำ
วันรุ่งขึ้น 10.30 น.
Tru Tru
กริ่ง กริ่ง
เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวกับโทรศัพท์ภายในห้อง แผดเสียงแข่งกัน เสียงดังระงมทั่วทั้งห้อง สร้างความรำคาญใจให้คนเมาหลับบนเตียงได้เป็นอย่างดี ร่างบางในชุดนอนบางเบาที่มีเสื้อคลุมตัวหนาปิดทับ เดินขยี้ตาพร้อมก่นด่าในใจ ออกมายังจุดที่โทรศัพท์ส่งเสียงอยู่
ใครแม่งโทรมาปลุกแต่เช้า ถ้าเป็นยัยฉัตรฉายโทรมาปลุกเธอเพื่อให้ไปทำงานตรงเวลา เธอจะไล่ออกทันที เพราะเมื่อคืนกว่าเธอจะจัดการกับตัวเองจนได้หลับได้นอน ก็เกือบเช้า
“โหล มีไร”
อมิตาเลือกรับโทรศัพท์บ้านที่อยู่ใกล้ เพราะโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอเงียบเสียงลงไปแล้ว เธอไม่รู้ว่ามันไปวางอยู่ส่วนไหน จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากระเป๋าชาแนลที่ใส่มันไว้ข้างใน หยิบมาจากร้านเหล้าด้วยหรือเปล่า
[สร้างเรื่องงามหน้าอีกแล้วใช่ไหมยัยตัวดี กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้ อย่าให้แด็ดตามไปลากกลับมานะมิว]
เสียงทรงอำนาจของรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ไม่ได้ทำให้อมิตาหวาดกลัวเลยสักนิด เธอจึงตอบกลับไปด้วยเสียงเบื่อๆเซงๆ
“อะไรอีกเนี้ย หนูก็ทำตัวตามที่เราตกลงกันแล้วไง ห้ามมีเรื่อง ห้ามวุ่นวายกับใครหน้าไหนทั้งนั้น แล้วนี่มันเรื่องอะไร โทรมาแค่นี้หนูวางนะ”
อมิตาวางหูโทรศัพท์ลงแรงๆ เดินกลับไปทิ้งตัวนอนบนเตียงเหมือนเคย คดคู้ตัวเองเข้ากับไออุ่นที่ไม่มีเหลือแล้ว ของคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ พลางหลับตานอนต่อ
ปึ่งๆ ปึ่งๆ
“โอ้ย อะไรวะเนี้ย คนจะนอน” อมิตาตะโกนอย่างหงุดหงิด คอนโดที่นี่มันเริ่มจะวุ่นวายเข้าไปทุกที ใครมันมาทุบประตูห้องเธออีกวะ
ปึ่งๆ ปึ่งๆ ปึ่งปึ่งปึ่ง
“สั่งเก็บเลยดีไหม แม่ง!” อมิตาเดินเร็วๆไปเปิดประตู ไม่รู้จะปวดหัวเพราะฤทธิ์เหล้า หรือเพราะมีเรื่องอะไรแต่เช้ากันแน่
“มิว เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
คามิลยืนหน้าเคร่งเครียดอยู่หน้าห้อง เขารีบถลาเข้ามาจับไหล่เล็กทั้งสองข้างอย่างเป็นห่วง ก่อนจะโดนคนขี้งอนตีมือทั้งสองข้างแรงๆ จนเขาต้องปล่อยเธอแล้วเดินตามเข้าไปในห้องนั่งเล่น
“แกแหละไอ้ตัวดีไปไหนมา รู้ไหมว่าเมื่อคืนฉันต้องเจออะไรบ้าง ถ้าแกอยู่ ฉันก็ไม่ต้องโดนไอ้พวกนั้นวางยา ไม่ต้องโดนไอ้บ้าที่ไหนบุกมาข่มขืน และถ้าแกไม่ชวนฉันไปกินเหล้า ฉันคงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้”
อมิตามองด้วยสายตาผิดหวัง เขาชวนเธอแท้ๆ แต่เทเธอแบบไม่บอกกันสักคำ แล้วตอนนี้วิ่งแจ้นมาทำอะไรที่ห้องไม่ทราบ เขาควรจะไสหัวกับหน้าหล่อๆกลับอังกฤษไปเลยด้วยซ้ำ ยังมีหน้าพาตัวเองมาให้เธอเห็นอีก
“เรื่องไอ้นั่น พ่อเธอส่งคนไปจัดการแล้ว ส่วนเรื่องที่ฉันไม่ได้ไปตามนัดฉันขอโทษแม่ฉันเข้าโรงพยาบาล เธอรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ฉันจะพาเธอไปพบท่าน” เขาได้รับคำสั่งจากท่านมาว่าให้พาเธอกลับไปให้ได้ แม้อมิตาจะน่ากลัว แต่ท่านอธิปน่ากลัวกว่าเยอะ
“ไม่ไป ถ้าฉันจะไป ฉันไปเองได้ ส่วนนายไสหัวออกไปเลย ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก”
อมิตาเดินหายเข้าไปในห้องนอน จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยชุดทำงาน แม้จะสะเทือนใจเรื่องเมื่อคืนอยู่ แต่เธอก็ผิดเต็มๆที่ให้ที่อยู่ไอ้นั่นไป แม้วันนี้เธอจะรอด แต่ไอ้นั่นไม่รอดแน่ เพราะพ่อเธอคงจะรู้เรื่องหมดแล้ว รู้จากปากใครไม่ต้องเดาเลย เพราะมีคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ ไอ้เฮียบ้า ปากมากไม่เข้าเรื่อง
อมิตาออกมาจากห้องนอนก็ไม่เจอคามิลแล้ว เพราะต่างคนต่างรู้นิสัยกันดี คามิลจึงไม่เคยทำให้เธอรู้สึกรำคาญใจเลย ถึงจะโกรธกันบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยนานเกินสองวัน และครั้งนี้เขาก็ไม่ได้ผิดคนเดียว จะโยนความผิดให้เขาทั้งหมดมันก็ไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่
รถพอร์ชคันหรูขับเข้ามาในบ้านของรัฐมนตรีและภริยา อมิตาเดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นรถประจำตำแหน่งของพ่อเธอยังจอดอยู่ที่เดิม
“มาแล้วเหรอยัยตัวดี”
อธิปมองลูกสาวที่ไม่มีท่าทีสำนึก กับเรื่องที่เกิดกับตัวพลางถอนหายใจ เขาตามใจลูกสาวคนเดียวจนเคยตัว ติดนิสัยที่ว่าทำผิดแล้วมีคนคอยแก้ ก่อเรื่องให้ไม่เว้นวัน และครั้งนี้ก็คงไปเล่นหูเล่นตาใส่ผู้ชายคนนั้น จนมันตามไปถึงคอนโด
“มีอะไรก็พูดมาเลยค่ะ หนูมีประชุมบ่าย” อมิตามองเลยไปด้านหลังคนเป็นพ่อที่นั่งหน้าตึงอยู่บนโซฟา เมื่อแม่เดินมาใกล้ก็รีบเดินเข้าไปกอดเอวท่านไว้แน่น พลางส่งสายตาอ้อนวอน ว่าช่วยทำอะไรก็ได้ให้พ่อพูดธุระให้จบโดยเร็วที่สุด
“ม๊าไม่ช่วยแล้วนะมิว ครั้งนี้ม๊าเห็นด้วยกับแด๊ด” มาม๊าที่เคยเอาใจเธอตลอด พูดขัดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของเธอ อมิตาถึงกับถอยออกห่าง เพราะกลัวแม่เล่นงานเธอแทนพ่อ
“มันเรื่องอะไรเนี้ย มิวไม่เห็นรู้เรื่องเลย” อมิตาเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ พ่อกับแม่ได้แต่สายหน้ากับท่าทางของเธอ
“ไอ้นั้นแด็ดให้คนจัดการแล้ว ต่อไปมิวก็ไม่ต้องไปอยู่คอนโดแล้ว กลับมาอยู่ที่บ้าน เข้าใจที่พูดไหมมิว” ท่านมองลูกสาวที มองภรรยาที เรื่องดื้อนี่ได้ใครมาไม่รู้ ทำไมถึงดื้อได้ขนาดนี้
“มิว 26 แล้วนะคะ โตแล้วด้วย อีกหน่อยก็ต้องแต่งงานไปอยู่กับผัว จะให้มิวมาอยู่ติดบ้านไม่ได้หรอกค่ะ มันน่าเบื่อ”
“มิว ม๊าไม่เคยขอร้องอะไรมิว แต่ครั้งนี้ม๊าขอเถอะนะ ช่วยทำตัวดีๆหน่อย เป็นสาวเป็นนางก็รักนวลสงวนตัวหน่อย ไม่ใช่ทำตัวง่ายกับใครก็ได้แบบนี้”
มาริญาส่ายหน้าให้ลูกสาวอย่างอ่อนใจ นิติของคอนโดบอกว่าเรื่องครั้งนี้เพราะลูกสาวท่านเล่นหูเล่นตาให้ผู้ชาย เขาถึงตามมาถึงคอนโด เกือบจะเกิดเรื่องงามหน้า ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่มาช่วยไว้