3. จบแล้วนายภูเขา แพ้ทางเด็กจนได้

2677 คำ
คลั่งรักเด็กขัดดอก ตอนที่ 3 ความหวั่นไหวของภู ตึก~ตึก เสียงหัวใจของไอ้ภูคนนี้มันเต้นเสียงดังเล็ดลอดออกมา ความรู้สึกแปลกๆมันเข้าครอบงำ เมื่อได้นั่งรถกับละไม ใจมันเต้นแรงรัวๆราวกับกลองชุด ทำผมแอบเลิ่กลั่กกลัวละไมมันจะได้ยินเสียงการตื่นเต้นนี้ ต้องรีบเปิดเพลงในรถเบาๆกลบเกลื่อน จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงก็มันหน้าตาน่ารักมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถผมแบบนี้ ใจไม่เต้นรัวก็บ้าแล้ว… “ หิวรึเปล่า ? ” ผมเลือกที่จะถามก่อน เห็นละไมมีนนั่งเงียบๆมองนอกกระจกรถ ท่าทางเหมือนคนกำลังมีอะไรในใจ ต่างจากละไมคนที่เมื่อกี้มาก “ หิวค่ะ ” “ จะกินอะไร ? ” “ ไมไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรบ้าง ไมเลือกไม่ถูกค่ะ ” “ แล้วปกติมึงชอบกินอะไร ” “ ก๋วยเตี๋ยวค่ะ ” “ อืม ” จบการสนทนา ละไมก็นั่งเงียบตามเดิม ทำผมต้องแอบมองเป็นระยะ ดูละไมมันซึมๆต่างจากคนเดิมที่เจอที่สถานีรถไฟไปเลย มาจอดร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ละไมดูเจียมเนื้อเจียมตัวไม่โอกอาก เดินตามหลังผมอย่างเอ็นดู ผมไม่สงสารแล้วทำไมนายแม่ถึงบอกว่าละไมมันนิสัยดี “ แม่บอกอะไรมึงบ้าง ? ” ระหว่างรอก๋วยเตี๋ยว ผมถือโอกาสต้องสอบถามเก็บข้อมูลซะก่อน “ ให้มาทำงานใช้หนี้ที่บ้านของลูกชายที่ชื่อภูเขาค่ะ ” แววตากับน้ำเสียงที่บอกผมดูเศร้าสร้อยยังไงไม่รู้ ทำผมแอบเฟลแปลกๆ อย่าร้องนะเว้ยปลอบผู้หญิงไม่เป็นด้วย “ รีบกิน จะได้ไปกันต่อ ” “ ค่ะ ” ไม่กล้าพูดอะไรมากกลัวอีละไมร้องไห้ มันคงคิดถึงบ้านมั้ง อย่าไปจี้ปมเด็กร้องไห้ขึ้นมาคนอื่นจะมองว่าผมรังแกเด็ก ผมรักษาภาพพจน์ตัวเอง ไม่ได้แคร์ความรู้สึกใครเลยนะ ผมมองอีละไมที่ปรุงก๋วยเตี๋ยวอย่างกับรถพริกพลิกคว่ำในชามมัน แทบจะตักพริกทั้งหมดลงไปนั่งกินหน้าตาเฉย หันมามองชามตัวเอง พริกสักนิดยังไม่มี “ กินพริกเยอะขนาดนี้ไม่แสบท้องเหรอว่ะ ” “ ไม่ค่ะ แต่คุณภูไม่ปรุงเลยเหรอคะ ” “ ไม่ ” “ โตแล้วแต่กินเหมือนเด็กเลยนะคะ ” “ ………….. ” พูดไม่ออก เหมือนโดนเด็กด่า ผมต้องรู้สึกยังไงดี ต้องอายเด็กไหม ผมเชื่อแล้วว่าอีละไมมันสวยแต่ปากมันไม่สวยเหมือนหน้าตาเลยสักนิด “ คุณภูจะพาไมไปไหนต่อเหรอคะ ? ” “ ไปบ้านกู ทำไมมึงอยากให้กูพาไปที่ไหนล่ะ ” “ เปล่าค่ะ คุณภูคิดเรื่องไม่ดีในหัวอยู่ใช่ไหมคะ เลิกคิดเถอะค่ะ เหมือนโจรแค่หน้าตาก็พอนิสัยอย่าให้เหมือนด้วยเลยค่ะ ” “ นี่มึงว่ากูเหรอว่ะ ” “ เปล่าค่ะ ไมแค่อธิบายหน้าตาของคุณภู ” “ ………… ” ยุบหนอพองหนอ มีสติข่มใจไว้ไอ้ภู เชื่อแล้วว่าอีละไมเด็กสร้างเจ๊รำภาแก เหมือนจริงๆเหมือนไปหมด เหมือนแม้กระทั่งฝีปาก ผมพาอีเด็กละไมที่นั่งเงียบตลอดทาง ผมแอบมองมันด้วยหางตาตลอด แววตามันเศร้า อย่างว่าเด็กบ้านนอกห่างบ้านมาเข้าเมืองก็แบบนี้แหละมั้ง มาถึงบ้านผมที่ข้างๆเป็นร้านอาหาร ข้างหลังก็เป็นห้องพักของเหล่าพนักงาน ละไมลงจากรถกวาดสายตามองไปรอบๆที่ทุกอย่างรอบๆตัวคงจะแปลกตามัน “ ตามกูมา ” “ ค่ะ ” ผมพาอีละไมมานั่งในตัวบ้านที่ห้องรับแขกในห้องทำงานของผม ละไมมันเดินกอดกระเป๋าสะพายของตัวเองเดินตามผม ตาก็มองสำรวจในห้องของผม “ มากันแล้วเหรอ ” “ สวัสดีค่ะป้ารำภา ” ละไมไหว้แม่ผมทันทีที่เห็นท่านนั่งอยู่ในห้องรับแขก ที่มีไอ้บอย ลูกน้องคนสนิทของผมอยู่ในห้องด้วย เจ๊รำภาผายมือให้อีละไมเข้าไปนั่งข้างๆ ดั่งลูกรักสุดดวงใจ ลูกอยู่นี่ต่างหากแม่ “ นั่งรถไฟเหนื่อยไหม ? ” “ ไม่เหนื่อยค่ะ ” “ มาอยู่ที่นี่จะไปไหนจะทำอะไร ขาดเหลืออะไรก็บอกตาภูหรือเจ้าบอยมันนะ มันเป็นลูกน้องตาภูมัน ” “ ค่ะ ไมต้องทำงานอะไรบ้างเหรอคะ ” “ ดูแลในบ้าน เรื่องที่นงที่นอน เรื่องกับขงกับข้าว จัดหาดูแลข้าวปลาให้ตาภู ” “ ให้ไมเป็นแม่บ้านแบบนี้ใช่ไหมคะ ” “ จะคิดแบบนั้นก็ได้ เรื่องอื่นตาภูจะเป็นคนบอกหนูเองนะ ถ้าใครทำให้ไม่สบายใจบอกป้านะ ” “ ค่ะ ” “ เจ้าบอย เอากระเป๋าหนูละไมไปเก็บที่ห้อง ” “ คับเจ๊ ” ไอ้บอยส่งมือให้ละไม มันก็ค่อยส่งกระเป๋าให้พร้อมมองตามไอ้บอยที่มันเดินไปที่ห้องที่อยู่ติดกับห้องของผม “ มีอะไรก็คุยกับตาภูนะ ป้าจะเยี่ยมบ่อยๆ ” “ ป้ารำภาไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ ” เอาแล้วไง คำถามของอีละไมทำเจ๊รำภาสายตาเลิ่กลั่ก “ หนูอยู่บ้านหลังนี้กับตาภู พวกพนักงานจะอยู่ที่ห้องเช่าด้านหลังโน้น ป้าอยู่บ้านอีกหลังนึง หนูอยู่ได้ใช่ไหม ? ” “ ค่ะ ” คำว่าค่ะของอีละไมผมแอบสังเกตถึงความจำยอมที่ต้องตอบ “ งั้นป้าไปก่อนนะ ไอ้ภู…ดูแลหนูละไมด้วย ” “ คับ ” เจ๊รำภาเดินออกไป อีละไมสีหน้าดูไม่ค่อยดีขึ้น มันคงไม่รู้ถึงความอำมหิตของเจ๊แกที่ต้องการจับคู่ผมกับมันซะแล้ว แต่อย่างว่ามันถูกส่งมาทำงานใช้หนี้หนิ เด็กบ้านนอกคงไร้เดียงสาคิดไม่ถึงหรอก “ อยู่ที่นี่มึงต้องทำงาน ไม่ใช่มาอยู่สบายๆ ” “ ค่ะ ไมทราบว่าไมมาที่นี่เพื่อขัดดอกทำงาน ” “ รู้สถานะตัวเองก็ดี กูจะให้มึงทำงานที่ร้านอาหารของกู มีเงินเดือนเหมือนพนักงานคนอื่น จะหักเงินจากส่วนนั้น หนี้ของมึงจะได้ลด ” “ ค่ะ ” “ วันนี้กูอนุญาตให้มึงพัก มึงไปพักผ่อนได้แล้ว ไอ้บอยพาละไมไปที่ห้อง ” “ คับคุณภู ” ตั้งแต่ละไมเข้าห้องไป มันก็ไม่ออกมาอีกเลย ขาของผมค่อยๆย่องเบาไปเอาหูแนบกำแพง กลัวมันจะมาตายที่บ้านผม แต่สิ่งที่ผมได้ยินทำผมใจหวิว “ ไมจะรีบทำงานกลับไปอยู่กับพ่อกับแม่นะจ๊ะ ฮือ… ” เสียงสะอื้นของอีละไมทำผมใจแป้วต้องกลับมานั่งที่ห้อง เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวต้องมาทำงานใช้หนี้ให้ที่บ้าน คงต้องใช้ความอดทนเยอะพอสมควร ทำไมผมสงสารอีเด็กละไมคนนี้จังนะ… เช้ามาถึงกับแปลกตา เมื่อบ้านถูกเก็บเรียบร้อย แค่เอานิ้วถูบนชั้นวางของถึงกับเงาวับ ฝุ่นสักนิดยังไม่มีย่างกลาย มีกับข้าววางอยู่บนโต๊ะในครัว ผมหันมองไปรอบๆบ้านสะอาดสะอ้าน มองหาคนที่ทำจนไปได้ยินเสียงละไมกำลังทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ ไม่นานก็ออกมาด้วยสภาพเหนื่อยโชก แต่ติดอย่างเดียวที่แม้จะเหนื่อยไหลไคลย้อย หัวกระเซิงขนาดไหนแต่มันยังสวย คิ้วเข้ม ตากลมแบ๊ว ปากแดงอมชมพู ริมฝีปากมันช่าง… “ คุณภู คุณภูคะ คุณภู !! ” “ อะไร ” “ คุณภูยืนเหม่อ เป็นอะไรรึเปล่าคะ ” จะตอบเด็กว่าอะไรล่ะคราวนี้ ไม่ได้อย่าให้เด็กรู้ว่าผมเหม่อเพราะมองมันอยู่ “ เปล่า จะไปทำอะไรก็ไป ” “ ไมทำงานบ้านเสร็จหมดแล้วค่ะ ” “ ก็ไปจัดการเรื่องส่วนตัว กินข้าวเสร็จ มีงานทำต่อ ” “ ค่ะ ” เป็นไง ขู่เด็กดั่งเจ้านายผู้น่าเกรงขาม อีละไมถึงกับเดินคอตกต้อยๆไปเลย อย่างว่ามันต้องเคารพผมสิ ผมเจ้านายนะเว้ยถึงจะแอบมองเพราะมันสวยก็เถอะ “ แอบมองคุณละไมเหรอคับคุณภู ” ผมที่กำลังยืนภูมิใจกับอำนาจตัวเอง อยู่ๆไอ้บอยมากระซิบ “ ไอ้ปากหมา มึงอยากแดกตีนกูรึไง ” “ เปล่าคับ ” “ ไปจัดการที่กูสั่ง ” “ คับคุณภู ” ต้องดุดันใส่ลูกน้อง มาซงมาแซวอะไร ใครแอบมองไม่มี๊… นั่งมองกับข้าวบนโต๊ะที่ถูกวางในจานสองสามอย่าง นี่มันตื่นมาทำตั้งแต่เมื่อไหร่ กับข้าวหน้าตาพอดูได้ไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ แต่พออาหารถูกตักเข้าปากแตะลิ้น รสชาติของอาหารกระจายทั่วทั้งปาก แม่งเอ้ย…อร่อย แทบจะละลายในปาก นี่มันเล่นใส่สมุนไพรใบอร่อยให้ผมรึแล้วนะ มันถึงได้อร่อยขนาดนี้ “ อาหารถูกปากรึเปล่าคะคุณภู ” ผมถึงกับชะงักหยุดเคี้ยวชั่วขณะ จากกำลังฟินแลนด์กับข้าวของอีละไม ต้องเก็กเก็บอาการ จะบอกว่าอร่อยเดี๋ยวมันก็ได้ใจเหลิงใส่ผม “ ก็ดี ” “ อยากให้ไมปรับเปลี่ยนตรงไหนบอกได้นะคะ ” “ ไม่ต้อง !! ” “ คะ ? ” อ้าว...เหี้ยแล้วไงเผลอหลุดปากไปเองอีก อีละไมหน้าเหวองงไปเลย ผมรีบดึงสถานการณ์กลับมา ทำหน้าตึงเคร่งขรึมให้น่าเกรงขามที่สุด อย่าให้อีละไมมันรู้ ชักหน้าตึงไว้ “ ไม่อร่อยมาก แต่ก็ไม่ได้แย่ ” “ ค่ะ ” ละไมเก็บโต๊ะแล้วไปนั่งกินข้าวในครัว ผมแอบมองมัน อีละไมดูไม่มีพิษไม่มีภัย ดูซื่อๆใสๆขนาดนี้ มันจะใช้ชีวิตในสังคมแวดล้อมการแก่งแย่งแข่งชิงดีชิงเด่นแบบนี้ได้ยังไงนะ แอบกังวลจริงๆ… “ คุณภูคับ วีมาแล้วคับ ” ไอ้บอยเข้ามาบอกผม เมื่อผมได้สั่งให้มันตามวี แฟนของมันที่เป็นพนักงานในร้านรุ่นๆเดียวกับมันเข้ามาพบผม ที่ผมให้มันสอนงานให้ละไม “ ละไมทำงานเป็นไงบ้าง ? ” “ น้องละไมเรียนรู้งานเร็ว ทำงานเก่ง ขยันด้วยค่ะ ” “ นิสัยมันเป็นยังไงบ้าง ? ” “ เรียบร้อย น่ารักมากค่ะ มีสัมมาคารวะกับรุ่นพี่ เข้ากับพนักงานคนอื่นได้ดีค่ะ ” “ ดูแลละไมด้วย ” “ ได้ค่ะ คุณภูดูเป็นห่วงน้องละไมแปลกๆนะคะ ” ไอ้วีมันมีย้อนถามผม “ มึงกับไอ้บอยสมแล้วที่เป็นผัวเมียกัน เสือกเก่ง ” “ วีแค่ไม่เคยเห็นคุณภูฝากงานกับวี แล้วดูเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้หนิคะ ” “ ไอ้บอย มึงพาเมียขี้เสือกของมึงออกไปได้แล้วไป ” ไอ้บอยพาไอ้วีออกไป นี่ผมออกอาการขนาดนั้นเหรอ ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ เด็กบ้านนอกเพิ่งเข้าเมือง มันก็ต้องเรียนรู้งาน มาทำเรื่องน่าอายที่ร้านอาหารผมมันจะเสียมาถึงเจ้าของร้านอย่างผมได้ก็แค่นั่นเอง แค่นั้นจริงๆนะ... ไอ้แซกกับไอ้กันต์ เพื่อนสนิทมิตรวิศวะพากันมาที่ร้านอาหารของผม จุดประสงค์ของพวกมันไม่ใช่หิวแล้วมาฝากท้อง หรือคิดถึงมาเยี่ยมเยียนเพื่อนอย่างผมหรอก แต่จุดประสงค์ของพวกมันคือต้องการเสือกเรื่องของผม… “ เป็นไงบ้างเพื่อนภู ว่าที่เจ้าบ่าว ” มาถึงไอ้แซกส่งเสียงปากแซวเหมือนพวกขอส่วนบุญมาแต่ไกล “ ต้องดัดชุดรอแล้วไหมว่ะ ” ตามมาด้วยไอ้กันต์ผู้ปากหมาไม่แพ้ไอ้แซก “ ได้แซวกู มีความสุขมากขึ้นรึไง ” “ แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นฉุน ไม่แซวว่าที่เจ้าบ่าวอย่างมึงจะไปแซวใครว่ะ ” “ ไอ้สั*แซก! ” “ มึงก็ไปแซวมัน หิวว่ะ ไปในนั่งในร้าน หาไรกินฟังไอ้ภูเล่าเรื่องดีกว่า ” ไอ้กันต์ที่ไม่ค่อยอยากรู้เรื่องผมสักเท่าไหร่ ต้องพาพวกมันมานั่งในร้านโต๊ะค่อนข้างส่วนตัว เมื่อมีของกินก็ต้องมีเรื่องคุยสนทนาให้ได้อรรถรสและก็คงไม่พ้นเรื่องของผมอีกเช่นเคย “ เด็กขัดดอกของเจ๊รำภาเป็นไงบ้างว่ะ ” ไอ้กันต์เริ่มเรื่องทันที “ แค่เด็กบ้านนอกเข้ากรุง ” “ มึงใช้วิธีเดิมอีกใช้ไหมว่ะ ” ไอ้แซกทีเอ่ยอย่างรู้จักผมดี “ ใช้ไม่ได้ ” “ หมายความว่าไงว่ะ ” “ เออ…ไอ้แซกบอกว่าเจ๊รำภาบังคับให้มึงไปรับเด็กขัดดอกคนเดียว แต่มึงใช้วิธีเดิมไม่ได้ มันคือยังไงว่ะ ” จะบอกเด็กขัดดอกคนนี้มันสวย มันน่ารัก มันหัวใจปึ๋งปั๋ง มันทำหัวใจเต้นผิดจังหวะ บอกออกไปแบบนี้มีหวัง พวกมันล้อผมยันชาติหน้าแน่ “ เจ๊รำภาบังคับสิว่ะ ร้านกูอยู่ในมือเจ๊แก ถ้าไม่พามากูได้เป็นคนพเนจรแน่ ” เห้อ…รอดูไป ถอนหายใจโล่ง “ ว่าแต่เด็กขัดดอกที่ว่า คนไหนว่ะ ” “ เออ…กูก็อยากรู้เหมือนไอ้กันต์ ตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็นใครแปลกตาเลย ” ผมกวาดสายตาไปรอบๆมองหาละไม แต่ก็ไม่เจอเหมือนกัน “ น้อง ! ” โต๊ะตรงข้าม มีลูกค้าผู้ชายยกมือเรียกพนักงานในร้าน พนักงานคนที่วิ่งมาคือละไม ลูกค้าโต๊ะนั้นผู้ชายสี่คนทั้งโต๊ะ ท่าทางยิ้มกรุ่มกริ่มให้ละไมด้วย “ ลูกค้าจะรับอะไรเพิ่มคะ ? ” “ เอาต้มยำกับข้าวผัดทะเลเพิ่มอย่างละหนึ่ง ” “ ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ ” “ แต่น้องต้องเป็นคนมาเสิร์ฟเองนะ พวกพี่อยากให้น้องบริการ ” ละไมยิ้มแห้งๆให้ลูกค้าก่อนจะเดินรับออเดอร์เดินออกไปจากโต๊ะนั้น ถ้าผมอยากถีบลูกค้าตกเก้าอี้ มันจะดูเหี้*ไปไหม “ น้องผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมว่ะ ” ไอ้กันต์ก็ทายแม่นยังกับตาเห็น “ รู้ได้ไง ” “ ไม่เห็นต้องเดาอะไรมากมาย มึงหน้าดำหน้าแดงมองลูกค้าขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ ” ไอ้แซกก็เป็นหมอดูอีกคน “ กูไม่ได้คิดอะไร ” “ ถ้าไม่คิดจะยอมให้มาอยู่ร่วมบ้านด้วยเหรอว่ะ ต่อให้เจ๊รำภาแม่มึงบังคับแค่ไหน แต่ถ้ามึงไม่ชอบใจ มึงจะทำทุกวิถีทางที่จะไม่ยอม ” พูดไม่ออกอีก ไอ้กันต์เล่นดักทางผมหมดแล้ว “ ไม่ต้องเดาอะไรให้ปวดหัว ที่ครั้งนี้มึงยอมเจ๊รำภาเพราะมึงชอบเด็กขัดดอกคนนั้นใช่ไหมว่ะ ” ไอ้แซกก็อีกคน รู้ดีไปหมด ผมทำได้แค่สงบนิ่งเจียมตัว “ มาร้านนี้หลายครั้ง เพิ่งจะเจอเพชรง๊ามงามเว้ย ” การสนทนาของไอ้ผู้ชายสี่คนที่คุยกัน ทำผมหันไปมองคอแทบหัก “ อวบอั๋นแน่นไปหมดเลยเว้ย ” “ ถ้ามีอย่างนี้ ต้องมาทุกวันแล้วเว้ย ” “ น้องคนสวยมาแล้วเว้ย ” ผมหันไปมองเห็นละไมยกถาดอาหารกำลังจะเดินไปเสิร์ฟที่โต๊ะนั้น ผมเห็นแบบนั้น “ เอาถาดมาให้กู มึงไปนั่ง ” “ ??? ” อีละไมคงสงสัย อยู่ๆผมก็เข้าไปขวางหน้ามัน ดึงถาดจากมือมันให้มันไปนั่งที่โต๊ะผม ก่อนที่ผมจะยกถาดไปให้ไอ้พวกนั้น “ พอดีคนที่พวกคุณกำลังพูดแทะโลม เป็นผู้หญิงของผม ” “ …………. ” เอ่ยจบมองกราดพวกมัน แต่ละคนหน้าสลดเลิ่กลั่กไปหมด ก่อนจะเดินกลับมานั่งข้างๆละไม ที่นั่งอยู่กับเพื่อนของผม “ ถ้ามีลูกค้าผู้ชายแบบนี้ ให้คนอื่นดูแล เข้าใจไหม ? ” “ แต่โต๊ะนี้เป็นโต๊ะรับผิดชอบของไมนะคะ ” “ ละไม กูถามเข้าใจไหม ? ” “ ไมเข้าใจค่ะ ” “ ไปทำงานได้แล้ว ” “ ค่ะ ” ละไมเดินคอตกออกไป ที่อยู่ๆถูกผมดุอน่างไม่มีสาเหตุ ไม่รู้ทำไมต้องหงุดหงิดด้วย ฉุนเฉียวไปหมด แต่ไอ้กันต์กับไอ้แซกจ้องผมเป็นตาเดียว “ ยอมรับมาเดี๋ยวนี้ว่ามึงหึงหวงน้องละไม ” ไอ้กันต์ยิงคำถามมาแบบนี้เลย “ อย่าพูดว่าไม่ใช่ ฟ้าผ่าตายห่าเลยนะเว้ย ” ไอ้แซกก็ย้ำอีก แต่ผมคนแมนๆซะด้วย “ เออ…กูชอบอีละไม ” “ ไอ้สั*เฮ้ย สุดท้ายคลั่งเด็ก ” “ จบแล้วนายภูเขา แพ้ทางเด็กจนได้ ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม