2. ภูดิศผู้มีความคิดเฉียบแหลมเหนือเจ๊รำภา

2040 คำ
คลั่งรักเด็กขัดดอก ตอนที่ 2 ภูดิศผู้มีความคิดเฉียบแหลมเหนือเจ๊รำภา เมื่ออายุถึงวัยเลขสาม การแต่งงานมีครอบครัวมีคู่ชีวิต เป็นเรื่องที่เรื่องละเอียดอ่อนของผู้เป็นพ่อแม่ ด้วยวัยที่อยากเห็นลูกมีครอบครัวที่อบอุ่น อยากเห็นหน้าหลาน อยากอุ้มหลานในวัยแก่เฒ่า แต่ดันมาอยู่ติดอย่าง ติดที่ไอ้ภูดิศคนนี้ดันไม่มีอยากมีเมียนะสิ… “ เฮ้อ… ” เสียงของผมที่ถอนหายใจยาวๆอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหนังหรูอย่างคนไร้เรี่ยวแรง “ เป็นไรว่ะ ทำหน้ายังกับคนไม่ได้แดกข้าวมาหลายวัน ” เสียงของไอ้กันต์ เพื่อนสนิทมิตรวิศวะด้วยกันของผม เจ้าของธุรกิจรีสอร์ทขึ้นชื่อของตัวจังหวัด เอ่ยทักผมขึ้นที่ผมเดินเข้ามานั่งในร้านรถบิ๊กไบค์ที่ทำร่วมกัน “ ทำหน้าเบื่อโลกขนาดนี้ อย่าบอกว่าเรื่องเดิมอีกนะ ” เสียงของไอ้แซก เพื่อนสนิทผมอีกคน เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผม ไอ้กันต์ ไอ้แซก พวกเราสามคนมีร้านรถบิ๊กไบค์ด้วยกัน ด้วยความชอบความเร็วเป็นส่วนตัว บวกกับความชอบออกทริปจึงร่วมกันลงทุนเปิดร้านนี้ขึ้นมา “ เออ…เรื่องเดิมของแม่กู ” “ นี่แม่มึงยังไม่เลิกหาผู้หญิงให้มึงอีกเหรอว่ะ หลายคนแล้วนะเว้ย ” ไอ้แซกก็ขยี้ซะเลยเกิน “ ถ้าเลิกกูจะมานั่งเซ็งอยู่แบบนี้ไหม ” “ มึงก็เลือกๆเอาสักคนสิว่ะ ” ไอ้กันต์ก็พูดง่ายซะจริงๆ “ ก็มันไม่ชอบจะเอาได้ไงว่ะ แต่ละคนหน้ายังกับลิงกัดมะนาว ใครจะไปเอาว่ะ ” “ ถ้าสวยมึงเอาว่างั้น ” ไอ้กันต์ก็ช่างถามอีก “ ไม่เอา ” “ ก็นั่นไง ” “ กูหาเองได้ ” “ แต่แม่มึงไม่รอมึงไง ” ไอ้แซกก็พูดถูกอีก “ ไอ้ที่คุยๆมึงก็เอามาสักคนสิว่ะ ” ไอ้กันต์ก็รู้ดีไปอีก “ กูยังไม่พร้อม กูยังไม่อยากแต่งกับใคร ตอนนี้กูก็มีความสุขดี จะไปไหนทำอะไรก็สบาย จะหาภาระมาล่ามคอไว้ทำไม ” “ ที่ไม่อยากมีเพราะมึงยังไม่ลืมใครรึเปล่าว่ะ ” “ กูก็เห็นด้วยกับไอ้แซก มึงยังมีใครในใจอยู่รึเปล่า เลยไม่อยากคบใครจริงจัง ” “ อดีตคืออดีต กูแค่ยังไม่เจอใครที่อยากจริงจังด้วย มันยังไม่เจอคนที่ชอบที่ใจกูบอกใช่ กูยังไม่อยากมีเมีย แต่เจ๊รำภาไม่เข้าใจกู ยิ่งพรุ่งนี้ให้กูไปรับที่สถานีรถไฟ ให้มาอยู่ที่บ้านกับกู อยากจะบ้าตายจริงๆ ” “ คราวนี้แม่มึงเอาจริงว่ะ ” “ เออ จะพูดว่าเอาจริงคงไม่ได้ว่ะไอ้กันต์ ต้องพูดว่างานนี้แต่งแน่นอน ” “ พวกมึงกำลังปลอบกูอยู่ใช่ไหมว่ะ ” “ เอาๆไปเถอะว่ะ เลือกอะไรไม่ได้แล้วหนิ ” ตบปากไอ้แซกสักทีดีไหม “ หน้าตายังไงก็เลือกไปได้ กูรอเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนะเว้ย ” ไอ้กันต์ก็อีกคน “ ไอ้พวกเหี้ย ” “ ฮ่าๆๆๆ ” “ พวกมึงไม่ต้องมาหัวเราะกู พรุ่งนี้พวกมึงต้องไปกับกู ” “ อีกแล้วเหรอว่ะ ” ไอ้แซกมันสบถขึ้นทันที เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมพามันไป “ อย่าบอกนะว่ามึงจะใช้วิธีเดิมอีก ” ไอ้กันต์ก็เสือกเดาถูกอีก วิธีของผมคือการชิ่ง “ เออ ” “ กูว่างานนี้แม่มึงเอามึงตาย ” “ จริงของไอ้กันต์ มึงตายสถานเดียว ” “ …………… ” การชิ่งของผมคือการให้เงินแล้วส่งกลับ ผมก็จะไปอ้างกับแม่สารพัดสารเพที่จะสรรหาคำมาใช้ได้ ผู้หญิงเองก็ถูกปิดปากด้วยเงิน จะแก้ตัวก็คงลำบาก มีทางเดียวคือหายไปและบอกว่าไม่ชอบผม ใช้วิธีนี้มาได้ทุกคนและแทบจะครั้ง แต่เด็กบ้านนอกเข้ากรุง ไม่เคยนั่งเครื่องบินไม่เคยเห็นแสงสี มันจะไปยากอะไร แค่เห็นเงินก้อนปึกหนาก็ตาเท่าไข่ห่านแล้ว… “ มานานแล้วเหรอพี่ ” ผมเอ่ยทักพี่สาวกับพี่เขยที่เข้ามาทานอาหารที่ร้านแล้วให้คนไปตามผมอย่างมีเรื่องจะคุยด้วย “ พี่เพิ่งมาไม่นาน ” “ เรื่องแม่ เราเป็นไงบ้าง ” “ ผมมึนตึ๊บเลยพี่ชุน บอกตามตรงคิดไม่ตกเลยพี่ เจ๊แกเล่นแบบนี้ผมไปไม่เป็นเลย ” ได้ที ผมระบายเต็มที่เลย “ แม่ให้พี่มาเตือนภู อย่าลืมเรื่องพรุ่งนี้ ” “ ท่าทางคนนี้แม่จะเอาจริงนะ ” พี่ชุนเสริม “ ผมเลือกอะไรได้บ้างพี่ ” “ พี่ช่วยพูดกับแม่ให้แล้ว แต่ดูเหมือนแม่จะหนักไปทางผู้หญิงคนนั้นมาก บางทีแม่อาจจะเห็นอะไรบ้างในตัวผู้หญิงคนนั้นก็ได้นะภู ” พี่สายน้ำผู้มองโลกในแง่ดีเสมอ “ ขัดไปก็ทำอะไรไม่ได้หรอก พี่ว่าดูๆไปก่อนเถอะ จะยังไงค่อยว่ากัน ยังไม่เห็นหน้ากันเลย เราอาจจะชอบผู้หญิงคนนั้นก็ได้ ” พี่เขยผมก็แสนดีซะเหลือเกิน “ ขัดอะไรไม่ได้ ผมก็คงต้องทำแบบนั้นแล้วล่ะคับ ” บอกพี่สาวกับพี่เขยอย่างคนหล่อมีเหตุผล แต่ในทางกลับการในหัวคิดแผนไว้มากมาย อะไรมันจะชนะหัวคิดอันเฉียบแหลมของผมได้ ‘ แล้วเจอกันอีเด็กขัดดอก ’ ครืด~ครืด เสียงของเครื่องมือสื่อสารของภูดิศดังขึ้น คนตัวโตควานหาด้วยมือที่ยังไม่อยากลืมตาในเช้าตรู่แบบนี้ แต่เสียงที่ดังขึ้นรบกวนอรรถรสในการหลับสบายแบบนี้ ทำภูดิสไม่ชอบใจ “ ใครว่ะ ” ( แม่มึงไง ) “ แม่ !! ” เสียงปลายสายทำผมมีสติในชั่วพริบตา ดีดตัวขึ้นจากที่นอนอย่างอัตโนมัติดั่งได้ยินเสียงผู้พิพากษาชะตาชีวิต สมองที่ยังไม่เชื่อหูตัวเองที่ได้ยิน ก้มลงไปมองหน้าจอโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง คราวนี้แน่ชัดเต็มสองตา เมื่อชื่อที่ผายอยู่ที่หน้าจอคือเจ๊รำภา นายแม่ไอ้ภูเอง “ แม่โทรมาทำไมเช้าแบบนี้เหรอคับ ” ( ใช้สมองขี้เลื่อยของมึงคิดแล้วรีบมาหากู ถ้าอีก 20 นาทีมึงไม่ถึงบ้าน กูจะไปลากคอมึง ) ทิ้งบอมลูกใหญ่พูดจบก็วางสายไปปล่อยให้ผมที่เกาผมจนฟู สติยังไม่เต็มร้อยค่อยๆคิดวิเคราะห์ จนคิดได้ว่าวันนี้แม่คิดการขีดเส้นตายผมไว้ คิดได้ก็รีบหยิบผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำทันที จังหวะนี้ร่างกายต้องเน้นเปียกไม่เน้นสะอาดแล้ว นายแม่ผมโกรธขึ้นมา ไม่ใช้แค่ปากที่จะบ่นจนหูชา มือของเจ๊แกก็หนักเช่นกัน ทำร้ายร่างกายไอ้ภูคืองานถนัดยิ่งนัก ฟาดมาแต่ละทีหลังแอ่นใช้งานไม่ได้ไปอีกหลายวัน… “ เดินชักช้าหาพ่อมึงรึไง ” แค่ย่างเท้าก้าวเข้าบ้าน เสียงนายแม่ดังสนั่นมาแต่ไกล พ่อที่ไปทำงานยังโดนไปด้วย ป่านนี้จามแสบจมูกแล้วมั้ง “ รีบสุดแล้วเนี่ยแม่ ” “ ช่วยรีบให้เหมือนออกไปหาเพื่อนมึงหน่อย ” “ ผมก็มาแล้วนี่ไงคับ ” “ มึงต้องไปรับหนูละไมที่สถานีรถไฟ หนูละไมจะมาถึงตอนบ่ายโมง ” “ ผู้หญิงบ้าอะไรชื่อละไม ฮ่าๆๆตลกจังแม่ ” เปรี๊ยะ ! “ โอ๊ยยยแม่ ! ตบผมทำเนี่ย ” ฝ่ามือนายแม่ตบเข้าปากผมอย่างลืมตัว ดีที่ดูเฉินหลงมาเยอะ ไม่งั้นฟันร่วง “ ปากไม่มีสัมมาคารวะ สอนไม่มีหลาบจำ เอาสักทีดีไหม ” ฝ่ามือยกสูงจะลอยมากระแทกปากผมอีก “ อย่าคับ แล้วผมจะรู้ได้ไงล่ะแม่ ว่าผู้หญิงที่ชื่อละไมของแม่ มันคนไหน ” “ ปากมึงมีไว้ทำอะไร ไปถึงมึงเห็นใครมึงก็ถามสิว่ะ ” นั่นไง โดนด่าอีก “ แม่ไม่มีเบอร์โทรเหรอ ” “ ไม่มีอ่ะ หนูละไมไม่มีโทรศัพท์ มึงรีบไปได้ล่ะเดี๋ยวหนูละไมจะรอ แล้วพาไปกินข้าว ทำความรู้จักด้วย ” “ ผมขอไปรับเพื่อนก่อนนะแม่ ” “ ไม่ต้อง มึงต้องไปคนเดียว หน้าตามึงกับเพื่อนมึงยังกับโจรห้าร้อย ยกพากันไปเป็นโขลง หนูละไมจะกล้ามากับมึงไหม เขาไม่คิดว่ามึงพาไปฆ่าหรอกเหรอว่ะ ” “ …………. ” นายแม่ดักทางได้อีก ยังกับมีญาณทิพย์ยั่งรู้ได้ “ แล้วอย่าคิดว่ามึงจะเล่นตลกตบตากูได้ ถ้ากูไปไม่เจอหนูละไม ร้านมึงกูขายทอดตลาดแน่ ” มีขงมีขู่ คิดว่าไอ้ภูคนนี้จะเชื่อเหรอ เชื่อสิ เชื่อสนิทเลย นายแม่เคยจะเอาร้านอาหารผมไปจำนองดันนิสัยผมมาแล้ว เอกสารของร้านอยู่ในมือเจ๊รำภา เล่นขู่ผมแบบนี้ ไอ้ภูดิศต้อง ทำไงดีล่ะคราวนี้… สุดท้ายชีวิตที่ไม่เหลือทางเลือกต้องมานั่งรอในรถ นั่งมองนาฬิกาจนได้ยินประกาศของสถานีถึงขบวนรถไฟที่มาถึงบ่ายโมงกว่าๆ ขาที่ไม่อยากลงจากรถก็ต้องลง สมองผมคิดแผนการไปด้วย เอาว่ะไม่ลองก็ไม่รู้ บางทีโชคอาจเข้าข้างผมก็ได้… ผมเดินไปนั่งกวาดสายตามองผู้หญิงของแม่ที่ชื่อละไม ผู้หญิงบ้าอะไรชื่อละไม ชื่อคนตายมีไม่รู้กี่ล้านชื่อดันมาชื่อละไม ตลกสิ้นดี แล้วเด็กบ้านนอกหน้าตาก็คงลิงกัดมะนาว ผิวหยาบกร้าน ผมเผ้ารุงรัง แล้วคนหน้าตาอย่างผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ คิดแล้วอยากผูกคอตายใต้ต้นมะเขือซะจริงๆ “ พี่คะ พี่ใช่คนที่คุณป้ารำภาส่งมารึเปล่าคะ ” “ !!! ” จากที่นั่งคิดวางแผนเพลินๆ อยู่ๆมีผู้หญิงรูปร่างอวบอั๋น ผมยาวสลวย ผิวขาวผ่อง ปากอมชมพู จมูกโด่ง ตากลมโต โดยรวมแล้วน่ารักเป็นบ้า ทำผมสตั้นที่เห็นหน้า เดินเข้ามาถามทำผมตะกุกตะกักเลิ่กลั่กไปหมด มันคงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดหรอก ต้องถามให้แน่ใจก่อนที่จะหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ “ ทะ…เธอชื่ออะไร ? ” “ ละไมค่ะ ” “ ละไม ! ” ขาผมดีดตัวจากเก้าอี้เลย ไอ้บ้าเอ้ย ! นี่เด็กละไมที่แม่ให้ผมมารับ นี่เด็กบ้านนอกเหรอว่ะ ไม่ใช่แล้ว นี่มันช้างเผือกชัดๆ ลบๆๆ ล้างสมองไม่คงไม่คิดแผนเหี้*อะไรแล้ว ล้มเลิกๆ “ กูเป็นลูกของแม่รำภา ชื่อภู ” “ คุณภูเขา ” เรียกชื่อเต็มผมอีก ชื่อที่เจ๊แกตั้งใจคือไอ้ภูเขา ถ้าใส่ทองเติมท้ายเข้าไปนี่เยาะไข่ดาวอร่อยเลยนะ “ เรียกกูว่าภูเฉยๆก็พอ ไม่ต้องใส่อะไรเติมท้ายทั้งนั้น ” “ ค่ะ สวัสดีค่ะคุณภู หนูชื่อละไม อายุ 23 ปีค่ะ ” วู้…เด็กวัยกำลังขบเผาะ ได้แต่คิดและยิ้มในใจ ขอบคุณเจ๊รำภาจริงๆ “ คุณภูยิ้มทำไมเหรอคะ ? ” “ ปะ…เปล่า ” “ ไม่แนะนำตัวแล้ว คุณภูแนะนำตัวให้ไมรู้บ้างสิคะ เราต้องมารยาทต่อกันนะคะ ” ผมรู้แล้วทำไมนายแม่ถึงชอบอีเด็กละไมคนนี้ ก็นิสัยฝีปากจิกเก่งเหมือนนายแม่ผมนะสิ นี่มันเด็กสร้างเจ๊รำภาชัดๆ “ กูชื่อภู 33 ปี ” “ หู้ แก่จังเลยค่ะ ” ถ้าผมตบเด็ก ผมจะดูแย่ไหม สวยแต่รูป สวรรค์ให้หน้าตาแต่ลืมให้ความสวยใช้ประโยชน์ ปากหมาชิบหาย “ กูไม่ได้แก่ กูแค่เกิดก่อนมึง ” “ ค่ะ ไมรู้ค่ะ ” “ ไปกันได้ยัง ” “ ค่ะ ” ผมเดินนำสายตาผู้ชายมองผ่านผมไปยังอีละไม มันสวยจนใครๆต้องมอง แต่อีละไมกลับมองไปเรื่อยไม่ได้สนใจใครจะมองด้วยซ้ำ ท่องไว้ไอ้ภู อีเด็กละไมมันสวยถึงปากจะออกแนวน่าถีบไปหน่อย แต่มันสวยมึงต้องยอม…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม