Chapter 4 ยิ่งขัดขืนยิ่งรุกล้ำ
‘ไม่นะ! จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้!’
วูบหนึ่งสติสัมปชัญญะของฉานอิงกลับคืน สองแขนจิกทึ้งแผ่นหลังกว้าง ป่ายปัดคนตัวหนักที่ถาทับออกไปพ้นตัว ทว่าเขากลับยิ่งบดเบียดแนบชิด จนนางรับรู้ได้ถึงแก่นกลางกายแข็งขึงที่เบียดชิดอยู่บริเวณต้นขาของนาง
“ไม่!”
ในที่สุดริมฝีปากของนางก็เป็นอิสระ ทว่านางยังไม่ทันได้ด่าทอทักท้วง ดวงตากลมโตก็จำต้องเบิกกว้าง เมื่อมือหยาบโลมไล้ไปตามเอวคอด ก่อนจะหมุนวนซูกซนอยู่ตรงบริเวณสะโพกผาย แล้วโดยที่นางไม่ทันตั้งตัวเขาก็เกาะกุมเนินหนันหลังเต่าเอาไว้เต็มอุ้งมือ
“อืม”
คนตัวใหญ่ถึงกับครางในลำคออย่างพึงพอใจ ซึ่งน้ำเสียงแหบพร่าของเขาทำให้ฉานอิงรู้สึกวาบหวิวจนใจสั่น
“คนเลว! ปล่อยข้า! ปะ...ปะ...ปล่อย นะ...นะ อะ...อื้อ อื้อ”
แทบพูดไม่เป็นภาษาเมื่อจู่ๆ เขาก็ชำแรกแทรกนิ้วกลางเข้าไปยังรอยแยกของกลีบดอกไม้แสนหวาน ปลายนิ้วสัมผัสลงบนเมล็ดแห่งความสุขสมแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ กดน้ำหนักลงไปแล้วหมุนวนช้าๆ
“อาห์ อาห์”
นางแอ่นกายบิดเร่าเมื่อถูกสัมผัสยังจุดที่ไวต่อกามราคะ หอบกระชั้นจนทรวงอกคู่งามสะท้านไหวเมื่อเขาเร่งจังหวะปลายนิ้วเร้าระรัวราวกับต้องการให้นางขาดใจ
“อะ...อื้อ อื้อ อื้อ”
สองแขนเกาะเกี่ยวรอบลำคอแข็งแกร่ง สติที่ควรจะมีเตลิดสิ้น ดวงตาคู่สวยหลับพริ้ม ริมฝีปากสีชาดได้รูปอ้าเผยอครวญครางชวนมอง
โจวจือหยวนมองเจ้าสาวในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ก่อนจะก้มลงจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากมนแล้วกระซิบถาม
“ว่าอย่างไรอิงเอ๋อร์ เจ้าจะเรียกข้าว่า ‘ท่านพี่’ หรือว่า ‘สามี’”
เอ่ยถามพลางขยับปลายนิ้วหมุนวนเป็นจังหวะเชื่องช้า ยิ่งหมุน ยิ่งวน ยิ่งชุ่มแฉะหยาดเยิ้ม น้ำใสภายในช่องแคบไหลรินจนเปรอะเปื้อนมือหนา บางส่วนไหลหยดไปยังฟูกนอนจนเป็นด่างดวง
“มะ...ไม่”
นางปฏิเสธเสียงสั่นพร่า แม้ใจจะดื้อดึงสักเท่าไหร่แต่ดูเหมือนว่าร่างกายจะทำในสิ่งตรงกันข้ามอย่างน่าละอาย
เมื่อจู่ๆ สะโพกผายก็กระดกแอ่นเข้าหานิ้วมือเรียวราวกับเว้าวอนให้ชายหนุ่มช่วยปลดปล่อยนางออกจากความทุกข์ทรมานที่แสนรัญจวนใจนี่เสียที
“เจ้าดื้อมาถึงสิบแปดหนาวเช่นนี้ ข้าคงไม่อาจปราบพยศเจ้าได้ในคืนเดียว”
จือหยวนหยักยิ้มที่มุมปากก่อนจะก้มลงบดจูบคนตัวเล็กที่เริ่มส่งเสียงครวญครางไม่ได้ศัพท์เมื่อเขาเร่งปลายนิ้วด้วยจังหวะรัวเร็ว บดขยี้ บี้บดจนน้ำเสียวไหลออกมาไม่ขาดสาย
“อื้อ อะ...อาห์”
ฉานอิงผวาเฮือกกอดก่ายผู้เป็นสามีเอาไว้แนบแน่น กลางแกนกายเกร็งกระตุกไปด้วยความซ่านหฤหรรษ์ ซ่านเสียววูบวาบอย่างที่นางไม่เคยรู้จักไม่เคยสัมผัสมาก่อน เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำให้เลือดในกายของหญิงสาวสูบฉีดจนผิวขาวราวกับหิมะแดงระเรื่อราวกับลูกท้อ
“ปะ...ปล่อยนะ”
เมื่อความเสียวจางหาย สติที่หลุดกระเจิงก็หวนกลับคืนมา นางรีบชักสองมือที่โอบกอดรอบลำคอของจือหยวนกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะผลักที่อกแกร่งเผื่อให้เขาถอยห่างจากเรือนร่างของนาง
“คนเจ้าเล่ห์”
สำเหนียกได้ว่าตนนั้นพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ความอายทำให้นางยกมือขึ้นหมายจะตบตีทำร้ายอีกฝ่าย ทว่ายังไม่ทันได้ทำดังใจหมาย
“ว้าย!”
อู่ฉานอิงกรีดร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เขาก็อุ้มร่างเปลือยเปล่าของนางลงจากเตียง ก้าวยาวผ่านส่วนที่เป็นห้องนอนไปยังห้องอาบน้ำที่อวลไปด้วยไอร้อนของน้ำอุ่นผสมกลีบเหมยกุ้ย[1]
“ปล่อยนะ! ปล่อยข้า!”
นางทั้งทุบถองดีดดิ้นอย่างไม่ยอมจำนน มันจะมากเกินไปแล้ว การที่สกุลโจวใช้หนี้ให้แก่สกุลอู่นั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำกับนางตามอำเภอใจได้เช่นนี้
พอบอกให้ปล่อย จือหยวนก็ปล่อยนางลงไปในอ่างไม้ขนาดใหญ่ทันที เรือนร่างบอบบางตกลงกระแทกน้ำดังตู้มจนน้ำกระฉอกออกมาจากถังกว่าสองในสิบส่วน
คนตัวเล็กไม่ทันตั้งตัวจมหายลงไปยังก้นอ่างก่อนจะทะลึ่งตัวเหนือน้ำพร้อมกับไอสำลักจนปลายจมูกแดงก่ำ
แคก! แคก! แคก!
มือเล็กลูบใบหน้าก่อนจะเปิดเปลือกตาแล้วชี้นิ้วไปยังโจวจือหยวน หมายจะด่าให้ไฟแลบแต่กลายเป็นว่านางต้องอ้าปากค้างเพราะเวลานี้เขาได้ถอดชุดเจ้าบ่าวออกจากเรือนร่างจนล่อนจ้อน
“จะ...เจ้า! กรี๊ด!”
เมื่อได้สติก็หวีดร้องยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วหันกายหนี ตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นจากอ่างไม้แต่กลับถูกมือหนากดไหล่ให้นั่งลง
แน่นอนว่านางพยายามขัดขืนอย่างสุดกำลัง
ทว่าแรงของนางเทียบได้ดั่งหนูน้อยตัวจ้อย ส่วนเขานั้นไม่ต่างจากราชสีห์ในป่าใหญ่
“มันจะเกินไปแล้วนะ”
นางฮึดสู้อีกครั้ง สะบัดฝ่ามือหมายจะทำร้ายผู้เป็นเจ้าบ่าว ทว่ากลับต้องชะงักอ้าปากค้างเมื่อพบว่าเขายืนชิดขอบอ่าง และแกนกายแข็งแกร่งของเขาชี้ผงาดอยู่ในระดับสายตาของนาง…
อาวุธลับของบุรุษเพศชูผงาดใกล้ใบหน้าไม่ถึงหนึ่งชุ่น[2] ปลายหัวหยักสีชมพูขยับผงกน้อยๆ ราวกับทักทาย ทำให้ฉานอิงถึงกับเบิกตาโพลง
“กรี๊ด!”
เจ้าสาวหมาดๆ เผลอกรีดร้องออกมาอย่างเสียจริตอีกครั้ง แล้วไม่กี่อึดใจต่อมาร่างสูงก็ก้าวลงมาแช่ในอ่างโดยไม่มีอาการสะทกสะท้านเขินอายเลยแม้แต่น้อย ยังผลให้ร่างเปลือยเปล่าของชายหญิงเบียดชิดกันแนบแน่นจนนางรับรู้ได้ถึงความแข็งขึงของบุรุษเพศ ที่เวลานี้ดุนดันเบียดชิดบั้นท้ายของนางราวกับจงใจ
“ข้าจะหย่ากับเจ้า!”
นางขู่ฟ่ออย่างหมดสิ้นความอดทน ทว่าโจวจือหยวนกลับผิวปากอย่างอารมณ์ดีพลางกางแขนทั้งสองข้างพาดไว้ที่ขอบอ่าง
ท่าทางราวกับชายหูตึงเช่นนั้นทำให้ฉานอิงยิ่งเพิ่มระดับความโกรธ จนพุ่งตัวเข้าหาหมายจะทำร้ายเขาให้เจ็บแสบอย่างที่นางกำลังรู้สึกอยู่ในเวลานี้
“นี่แนะ! เจ้าคนเลว”
นางรู้ว่าไม่ว่าวรยุทธ์ใดๆ ที่นางร่ำเรียนมาไม่อาจต่อกรกับเขาได้ ดังนั้นนางจึงทุบถองอย่างหมดหนทางสู้ สองมือกำหมัดแน่นทุบไปตามแขนและแผ่นอกของเขาอย่างแรง
[1] กุหลาบ
[2] 1 ชุ่น เท่ากับ 3.33 เซนติเมตร