Chapter 3 นมภรรยารสหวาน
“แสดงว่าเจ้าต้องการให้ข้าบังคับงั้นสิ”
ปลายนิ้วมือเรียวเชยปลายคางของนางให้แหงนเงยขึ้น ฉานอิงปัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว แล้วรีบเม้มริมฝีปากแน่นด้วยเกรงว่าเขาจะจูบ ทว่าเขากลับหัวเราะในลำคอที่เห็นท่าทางเช่นนั้นของนาง ก่อนจะสะบัดปลายผ้าม่านอย่างแรงจนร่างบางหมุนไปมาบนอากาศอีกครั้ง
ว้าย!
ฉานอิงหวีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ จังหวะนั้นปมผ้าม่านที่หมุนมวนคลายออกเปิดให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่า ก่อนที่เขาจะตวัดผ้าม่านอีกครั้งเพื่อห่อหุ้มเรือนร่างของนางเอาไว้
ทว่า...
ครั้งนี้เขาไม่ได้ห่อนางราวกับดักแด้อีกต่อไป แต่กลับเลือกห่อทั้งตัวเว้นสองเต้ากลมโต เนินหนันอวบอูม และก้นงามงอนน่าหลงใหลให้เปิดเปลือย
จากนั้นจึงดึงนางกลับลงมานั่งที่ตักเขาอีกครั้ง
“เจ้ามันคนเลว! เลวที่สุด!”
ฉานอิงใบหน้าแดงก่ำระเรื่อจนไปถึงใบหู อับอายจนไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไรเมื่อของสงวนของอิสตรีที่ควรปิดบังถูกเปิดเปลือยให้ปรากฏแก่สายตาด้วยวิธีหยาบคายเช่นนี้
“เรียกข้าว่า ‘ท่านพี่’ สิอิงเอ๋อร์”
“อย่ามาเรียกข้าว่าอิงเอ๋อร์นะ เจ้าไม่มีสิทธิ์เรียกข้าด้วยคำสนิทสนมเช่นนั้น”
นางตวาดแหวอย่างเดือดดาล แน่นอนว่าโจวจือหยวนหาได้ใส่ใจ เขามองนางเหมือนแมวน้อยขี้โมโหหาใช่แม่เสือสาวดุร้ายอย่างที่นางอยากให้เป็น
“นับว่าข้าได้ให้โอกาสเจ้าอีกครั้งแล้วนะ แต่ในเมื่อเจ้ายังยืนยันอย่างดื้อรั้น ข้าก็จะทำให้เจ้าเรียกข้าว่า ‘ท่านพี่’ ด้วยวิธีของข้า”
จือหยวนหันไปรินสุราอีกแก้วขึ้นดื่ม แม้จะดื่มไปหลายจอกจนลมหายใจพวยพุ่งออกมาเป็นกลิ่นสุรา ทว่าเขากลับไม่มีท่าทางมึนเมาเลยสักนิด ดวงตาของเขายังแวววาวคมชัด น้ำเสียงหนักแน่นยียวน กิริยาท่าทางยังคงผ่าเผยชวนมองไม่รู้เบื่อ
“ดื่มสักแก้วก่อนมั้ย ข้ากลัวว่าต่อจากนี้จะทำให้เจ้าคอแห้ง”
“ไม่!”
นางขมวคคิ้วมุ่นด้วยไม่เข้าใจความหมายสองแง่สองง่ามที่เขาสื่อออกมา
“อื้อ...”
จู่ๆ นางก็ผวาเฮือกเมื่อปลายนิ้วมือสากกระด้างเลื่อนมาสัมผัสยอดอกอิ่มสีระเรื่อของนางอย่างหยอกเย้า
นาทีนี้เองที่นางเพิ่งตระหนักว่าเขากำลังจะทรมานนางด้วยวิธีใด ‘บัดซบ’ ฉานอิงกัดฟันกรอดพยายามดิ้นหนีแต่เขากลับยิ่งโอบกระชับนางแนบแน่นกว่าเดิม
นางทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากด่าทอเขาไม่หยุด ทว่าเขากลับนิ่งเฉยราวกับว่าเสียงด่าทอแสบแก้วหูเป็นเสียงบรรเลงดนตรีแว่วหวานเสียอย่างนั้น
ปลายนิ้วโป้งกดบดลงไปยังยอดทรวงอกชูช่อสีชมพูระเรื่อ กดแรงแล้วหมุนวนช้าๆ คล้ายนวดคลึงจนทำให้คนตัวเล็กถึงกับหายใจสะดุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เจ้ามันคนสกปรก!”
นางยังคงด่าเขาพลางเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอส่งเสียงครวญครางด้วยความเสียวออกมา
“เรื่องสกปรกที่เจ้าว่า สามีภรรยาคู่ไหนๆ ก็ล้วนทำกันทั้งนั้น เจ้ากับข้าถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้ได้ ก็เพราะว่าการทำเรื่องสกปรกเช่นนี้มิใช่หรือ”
เขายอกย้อนอย่างยียวน พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากหยักได้รูปของตนเองช้าๆ ก่อนจะก้มลงเลียตวัดที่ยอดอกอิ่ม
“อ๊ะ...”
เจ้าสาวแสนสวยเผลอส่งเสียงด้วยความซ่านเสียว บิดกายเร่าอยู่ในผ้าม่านที่ห่อรัด ส่ายสะบัดดวงหน้าหวานไปมาจนผมสวยที่ถูกเกล้ามวยปักประดับด้วยปิ่นทองล้ำค่าหลุดร่วงไปกองอยู่บนพื้น
ลิ้นร้อนเลียตวัด ดุนดันจนปลายถันยิ่งชูช่อเชื้อเชิญให้ชิดเชื้อ ไม่รอช้าเขาอ้าปากครอบครองเต้าอวบเอาไว้เต็มคำ มือที่โอบกอดนางไว้อ้อมมาฟอนเฟ้นเต้านมขวา ในขณะที่ริมฝีปากดูดดึงเต้านมซ้ายราวกับหิวโหย
“ต่อให้เป็นสุราเลิศรสก็ไม่หวานเท่านมภรรยา”
จังหวะที่เขาปลดปล่อยทรวงอกให้เป็นอิสระ ก็เอื้อนเอ่ยหยอกเย้าคนหน้าแดงก่ำด้วยความเอ็นดู
“เจ้ามันคนทราม! สันดานหยาบ!”
นางยังคงกัดฟันทนข่มความซ่านหฤหรรษ์ไม่ยอมครวญครางออกมาแม้สักครึ่งคำ อีกทั้งยังพ่นคำผรุสวาทออกมาได้อย่างเจ็บแสบอีกด้วย
“อะ...อื้อ”
ในที่สุดฉานอิงก็เผลอส่งเสียงครางออกไปอย่างไม่อาจสะกดกลั้น เมื่อเขาใช้ริมฝีปากดูดดุนขบเม้มแผ่วเบา แล้วบดขยี้ปลายถันด้วยริมฝีปากหยักได้รูป ในขณะที่ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดดุนดันจนห้วงแห่งอารมณ์ผวาสะท้านสิ้นไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน
“อะ...อื้อ คนเลว!”
ทั้งครางทั้งก่นด่าอย่างไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกของตนเองเช่นไร ทรวงอกของนางสะท้านยะเยือกหลายครั้งด้วยความซ่านเสียว เดี๋ยวกระถดห่อไหล่หลีกหนีปลายลิ้นร้อน เดี๋ยวแอ่นเบียดเจ้าก้อนกลมเบียดชิดใบหน้าของจือหยวนราวกับต้องการให้เขาดื่มกินไม่สิ้นสุด
“หึ! อิงเอ๋อร์คนดื้อรั้น”
คนตัวโตหัวเราะหึในลำคอก่อนจะค่อยๆ อ้าปากปลดปล่อยทรวงอกนุ่มหยุ่น จากนั้นจึงใช้สองมือสากกร้านฟอนเฟ้นสองเต้าไปมาจนร่างบางระทวยอ่อน
“อะ...อาห์”
อู่ฉานอิงครางแผ่วในลำคอ สะบัดหน้าแรงหลายครั้งราวกับจะขับไล่ความซ่านเสียวที่โจวจือหยวนยัดเยียด ทว่าลึกลงไปในหัวใจแล้ว นางไม่อาจปฏิเสธเลยว่าสัมผัสร้อนจากฝ่ามือและปลายลิ้นของคนตัวโตทำให้นางรู้สึกราวกับจะ ‘คลั่ง’ ไปพร้อมๆ กับอาการ ‘ทุรนทุราย’ กระสันอยากให้เขาสัมผัสแนบแน่นยิ่งๆ ขึ้นไป
“อื้อ...”
หญิงสาวครางผวาเมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาแล้วปิดริมฝีปากของนางเอาไว้อย่างซ่านรัญจวน จูบหวานโลมเล้าจนหัวใจเจ้ากรรมไหววูบ
นางแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าจือหยวนสะบัดผ้าม่านออกจากเรือนร่างของนางจนเปลือยเปล่า จากนั้นจึงอุ้มนางทั้งที่ยังประกบปากดื่มด่ำไปยังเตียงวิวาห์ บรรจงวางร่างบอบบางของนางลงบนฟูกนิ่มก่อนจะทาบทับพันธการนางไว้ด้วยเรือนร่างแน่นหนักเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเฉกเช่นชายชาตรี
มือหนาประคองจับที่ท้ายทอยระหง ดันให้ใบหน้าหวานแหงนเงยรับรสจูบหวามที่เริ่มดุดันรุกเร้าอย่างเรียกร้องโหยหา จนร่างบางถึงกับผวาเผลอยกสองแขนแตะลงที่แผ่นหลังของเขาโดยไม่รู้ตัว
ลิ้นร้อนชำแรกแทรกผ่านกลีบปากสีชาด กระหวัดเร้าปลายลิ้นเล็กซ้ำแล้วซ้ำเล่า