กลับมาถึงบ้านตากผ้าเสร็จ ม่านฝูจึงนำปูที่ได้มา ไปต้มให้สุข ก่อนจะนำมาทุบและแกะเอาเฉพาะเนื้อปูแยกออกมาและให้ลูกทั้งสองได้กินเนื้อปูดู เมื่อหมิงคุณ กับ ซินอี๋ ได้กินเนื้อปูครั้งแรกก็ติดใจทันที เนื้อปูสดรสชาติหวานอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ
ม่านฝู กำลังคิดว่าจะหาข้าวสารจากที่ใหน เพราะคนเราจะไม่กินข้าวได้อย่างไงกัน สงสัยคงต้องไปคุยกับบ้านใหญ่สักหน่อย เธอคิดได้ไม่นานเสียงแตร พักเที่ยงก็ดังขึ้น คงถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว และเป็นไปตามที่คาดแม่สามีเดินมาด่าเธอถึงบ้านที่หยุดงาน และมีลูกสะใภ้ ที่รักติดสอยห้อยตามมาด้วย
" สะใภ้รอง ทำไมวันนี้ไม่ไปทำงาน ห๊า หรือหล่อนไม่ต้องกินข้าวก็อยู่ได้หรือไง "
" คุณแม่ วันนี้ฉันไม่ค่อยสบาย ลุกไม่ไหวค่ะ"
" ลุกไม่ไหวอะไรกัน แล้วนั่นใครกันซักเสื้อผ้าตากเต็มราว " สะใภ้ใหญ่
" หล่อนอย่ามาสำออย ขี้เกียจสันหลังยาว บ้านไป่ของฉันทำไมต้องมารับเลี้ยงตัวขี้เกียจอย่างพวกแก 3 คน ด้วยนะ"
" คุณแม่ พูดเกินไปแล้วค่ะ ฉันเป็นภรรยาลูกชายคุณแม่ ส่วนเด็กทั้งสองก็เป็นหลานคุณแม่ เป็นคนบ้านไป่่เหมือนกัน "
" ฉันไม่รับหล่อนเป็นสะใภ้และไม่อยากรับลูกๆของหล่อนเหมือนกัน"
" ดีค่ะงั้น ต่อไปเงินเดือนพี่หยาง ฉันจะไปรับเองและแบ่งข้าวกับธัญพืช ส่วนของฉันกับพี่หยาง มาด้วยนะคะ เพราะยังไงฉันเป็นภรรยา ย่อมมีสิทธิ์ในของๆสามี"
" เงินเดือนอะไร ข้าวของอะไร มีที่ไหนกันหล่อนอย่าพูดจาไร้สาระหน่อยเลย"
" คุณแม่ อย่าคิดว่าฉันจะโง่ตลอดไปนะคะ ฉันรู้นะคะว่าใครที่ไปเป็นทหารเกณฑ์ ได้แต้มคะแนนเต็ม10 ทุกคน และเงินเดือน พี่หยางก็ส่งมาทุกเดือน แต่คุณแม่กับไม่เคยให้ฉันกับลูกๆ เลย เรื่องนี้ฉันจะไม่จบแน่ "
" นี่หล่อน ...กล้าขู่ฉันเหรอ "
" ก็ลองดูค่ะ คุณแม่ว่าฉันขู่หรือเปล่า ต่อไปนี้ฉันจะไปรับเงินเดือนพี่หยางเองค่ะ "
" ไม่ได้ฉันไม่ยอม ลูกชายของฉัน ฉันก็ต้องเป็นคนรับ"
" หึ ยอมรับแล้วใช่ไหมค่ะ คุณแม่ว่าพี่หยางส่งเงินมาทุกเดือน ถ้าอย่างนั้นก็มาลองดูกันสักตั้งแล้วกัน" ม่านฝู ไม่ได้คิดขู่เธอจะไปบ้านผู้ใหญ่บ้านและขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้และจะไปที่ ไปรษณีย์ เพื่อ ขอทราบรายละเอียดที่อยู่สามีและคิดว่าคงหาไม่ยาก เธอไม่อายอยู่แล้ว
" คุณแม่อย่ายอมมันนะคะ นังม่านฝู มันอ่านหนังสือไม่ออกจะไปทำอะไรได้ " สะใภ้ใหญ่
" อืม แม่ไม่มีทางยอมมันหรอก มันจะมีปัญญาทำอะไรได้ วันนี้เรากลับไปกินข้าวก่อน "
" ตอนเย็นฉันจะแบ่งข้าวสารกับธัญพืช มาทำกินเองที่บ้านนะคะ "
" เหอะ "
สองคนแม่สามีลูกสะใภ้ เดินกลับบ้านใหญ่ไปแล้ว หมิงคุณ และซินอี๋ ที่แอบมองอยู่ในบ้านรีบออกมาหาแม่ทันที
" แม่ ย่าจะแบ่งข้าวให้เราไหม ครับ" หมิงหมิง
" เดี๋ยวตอนเย็นก็รู้จ้ะ แม่จะไปบ้านท่านผู้ใหญ่บ้านหน่อย "
" แม่ ฉะ..ผมไปด้วย นะ...ครับ"
" หนูไปด้วยจ้ะ"
" อื้ม ไปกันหมดนี่แหล่ะ "
สามคนเดินเลาะด้านหลังไปบ้านผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ ด้านหน้าหมู่บ้าน หมู่บ้านนี้ชื่อ หมู่บ้าน เจียงเฟิง เมืองเจิ้นเจียง เมืองมณฑลหนานจิง เพราะมีลำธารล้อมรอบหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านใช้น้ำในลำธารเป็นส่วนใหญ่ แต่มีบางบ้านขุดบ่อน้ำไว้ใช้เอง อย่างบ้านไป๋ ก็มีบ่อน้ำเหมือนกัน
" สวัสดีค่ะ ฉันมาหาท่านผู้ใหญ่ อยู่ไหมคะ" ม่านฝู ร้องถามอยู่ตรงหน้าบ้านผู้ใหญ่
" อยู่ ๆ ใครหล่ะ อ้อ สะใภ้รองไป๋ เองเรอะ เข้ามาสิ"
" ค่ะ ฉันจะขอรบกวนผู้ใหญ่หน่อยค่ะ"
" มีอะไรก็ว่ามาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ"
ผู้ใหญ่บ้านบอกอย่างใจดี เขาพอจะรู้เรื่องบ้านไป๋อยู่บ้างว่าปฏิบัติกับสะใภ้คนนี้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะสามีไม่อยู่ลูกเมียก็เลยถูกเอาเปรียบและรังแก แม่ไป๋ เป็นคนอยุติธรรม รักลูกไม่เท่ากันอันนี้เขารู้เห็นกันทั้งหมู่บ้าน แต่ไม่มีใครกล้าไปสอดมือ เพราะปากแม่ไป๋ ไม่ใช่ธรรมดา แต่ถ้าเจ้าตัวมาร้องเองเขาก็ไม่ขัดข้องที่จะสอดมือเข้าไปยุ่งเพราะมีเจ้าทุกข์ แล้ว
" คือฉันอยากจะให้ท่านผู้ใหญ่ไปเป็นพยานให้ฉัน เย็นนี้ฉันจะไปขอแบ่งอาหารบ้านใหญ่ในส่วนของฉันและสามี บ้างเพราะบ้านใหญ่ไม่ให้พวกฉันกินข้าวด้วย แต่วันถ้าจะได้กินก็หลังจากพวกเขากินกันแล้วถ้าเหลือถึงจะมาถึงฉันกับลูก ๆ และอีกอย่างเงินเดือนที่สามีส่งมาแต่ละเดือนไม่มีถึงฉันกับลูกเลย ทุกวันนี้หมิงหมิง ลูกชายฉัน แทบจะเป็นโจร เป็นขโมยอยู่แล้ว เพราะความหิว ฉันจึงมาร้องทุกข์ กับผู้ใหญ่นี่แหล่จ้ะ " ม่านฝู พูดทักอย่างที่รู้ให้ผู้ใหญ่ฟัง
" ฉันก็แปลกใจอยู่ว่า สะใภ้รองไป๋ กับลูกทนให้เขาเอาเปรียบได้อย่างไร ตั้ง 3-4 ปี เอาเป็นว่าตอนเย็น ฉันจะไปเป็นพยานและคนกลางพูดให้เอง ส่วนเรื่องเงินเดือนของหยางคุณ ฉันจะออกใบรับรองให้ สะใภ้รองก็เอาทะเบียนสมรส ไปติดต่อกับไปรษณีย์ ว่าจะขอมารับเองไม่ต้องส่งมาที่บ้านไป๋แล้ว เพราะไม่ถึง ผู้รับโดยตรง ฉันคิดว่ายังไง หยางคุณต้อง เขียนชื่อ ภรรยา มาแน่นอน "
" ขอบคุณผู้ใหญ่ มากค่ะ"
" อื้ม ไม่เป็นไร รอสักครู่ฉันจะไปเขียนใบรับรองให้ "
" ค่ะ ผู้ใหญ่"
ผู้ใหญ่บ้านเขียนใบรับรองและประทับตราผู้ใหญ่บ้านให้ม่านฝู ไปติดต่อในเมือง เพื่อยื่นเป็นคนขอรับเงินเดือนสามีเอง ตามกฎหมายก็ต้องเป็นอย่างนั้น จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร กับเรื่องกฎหมายหรือธรรมเนียม แต่คงจะมีปัญหากับบ้านไป๋ อย่างแน่นอน .
ม่านฝูได้เอกสารมาแล้ว จึงมาค้นหาทะเบียนสมรสที่สามีให้เก็บไว้อย่างดี ดีที่แม่สามีไม่ยึดไป ไม่อย่างนั้นคงลำบาก อาจจะเพราะแม่สามีคิดว่า ม่านฝูไม่รู้หนังสือ หรือกฎหมายอะไร จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องเอกสารเพราะที่ผ่านมาก็สามารถเอาเปรียบ ลูกสะใภ้รองได้อยู่แล้ว ถ้าลูกชายอยู่ คงไม่มีทางให้บ้านใหญ่มาเอาเปรียบ เพราะลูกชายรองเป็นคนค่อนข้างหัวแข็ง แต่ก็กตัญญู พ่อแม่อยู่มากเรื่องไหนยอมได้เขาจะยอม แต่ถ้ายอมไม่ได้เขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน
บ้านไป๋ แม่ไป๋มีอำนาจสุด ส่วนพ่อไป๋ จะไม่ยุ่งเรื่องภายในบ้าน เรื่องอะไรถ้าไม่รุนแรง ก็จะปิดตาข้างหนึ่งเสมอ ปล่อยให้แม่ไป๋จัดการรื่องลูกๆ ไป เพราะคิดว่ายังไง ก็เป็นแม่คงจะรักอยู่บ้าง อาจจะมีลำเอียงบ้าง ก็คงไม่เป็นไร.
แม่ไป๋เอง ก็ไม่ใช่ไม่รักลูกชายคนรองเพียงแต่รักน้อยกว่าลูกคนแรก และคนสุดท้องแต่เพราะ หยางคุณไม่ค่อยพูดจาหวานหู ออดอ้อนเก่งเหมือนลูกคนโต และคนเล็ก และที่สำคัญคือเรื่องดื้อดึงแต่งม่านฝู เข้ามาเป็นสะใภ้ ของบ้านไป่ สะใภ้ที่ไม่มีอะไรเชิดหน้าชูตา หนังสือก็แทบจะไม่ได้เรียนจบแค่ ประถม 4 บ้านเดิมก็ยากจนค้นแค้น แทบไม่มีสินเดิมติดตัวมา วันแต่งของสะใภ้รอง หยางคุณเป็นคนมอบสินสอด เป็นไก่ป่า 2 ตัว ที่เขาไปหามาจากบนเขา และ เงินเก็บของเขาเองซึ่งเป็นเก็บทั้งชีวิตก็ว่าได้เพราะส่วนของการทำงานจะเข้ากองกลางบ้านทั้งหมดจำนวน 10 หยวน ส่วนสินเดิมสะใภ้รองก็คือเงินสินสอด 10 หยวนกับไก่ป่า ที่พ่อแม่คืนให้ลูกสาวลูกเขยนั่นเอง แม่ไป๋ ไม่ยอมใช้เงินส่วนกลางบ้านแต่งให้ลูกชายคนรองแม้แต่หยวนเดียว.
ส่วนของลูกชายคนโต แต่งภรรยาเป็นคนหมู่บ้านข้างเคียง บ้านอิฐ ฐานะดีปานกลาง สะใภ้คนโต ถูกใจแม่ไป๋ เพราะเป็นคนพูดจาเพราะ เรียนจบ มัธยมต้น แม่ไป๋มอบสินสอด ถึง 30 หยวน และ แม่ไก่ 1 ตัว และสะใภ้ใหญ่ มีสินเดิมเป็นเงินติดตัวมาถึง 20 หยวน ทีเดียว
แต่เงินสินเดิม 10 หยวนก็นำมาต่อเติมบ้านหรือกระท่อม ที่อยู่ตอนนี้ให้พอทนฝนทนหนาวได้บ้างและทำห้องน้ำและครัวเพิ่มด้วย เพราะเดิมทีไม่มีห้องน้ำ และห้องครัว เงิน 10 หยวนจึงเกือบหมดเดิมทีหยางคุณ คิดว่าจะหาของป่าไปขายพอได้เงินคืนภรรยา แต่กลายเป็นว่า ภรรยาท้องตั้งแต่ 2 เดือนแรกที่แต่งงานเขาจึงต้อง หามาไว้บำรุง ภรรยาตอนท้องแทบไม่เหลือให้ขาย เพราะไก่ป่า กระต่ายป่า ก็หายากขึ้นทุกวัน และปีนั้นก็เกิดภัยแล้ง ยิ่งหายากเข้าไปอีก ม่านฝูคนเดิมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเข้าใจสามีดี แต่พอหลังคลอด ได้เพียง ไม่กี่เดือน ทุกอย่างก็ทลายลงเมื่อสามีต้องไปเป็นทหารเกณฑ์ อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้.
ตอนเย็นม่านฝู พาลูกทั้งสองไปบ้านใหญ่ เพื่อตามเวลาที่นัดไว้กับผู้ใหญ่บ้าน โดยผู้ใหญ่บ้านได้เชิญ กรรมการ หมู่บ้านมา 1 คนเป็นเจ้าหน้าที่ของคอมมูน ที่จดคะแนนแต้มแรงงาน นั่นเองและได้นำสมุด แต้มงานของ ทุกคนมาด้วย
" สวัสดีผู้ใหญ่ มีอะไรเหรอ มาหาที่บ้าน" พ่อไป๋ นั่งอยู่หน้าบ้าน ถามขึ้นเมื่อเห็นผู้ใหญ่บ้านเข้ามาในบ้าน"
" อ้อ พอดีสะใภ้รอง บ้านไป๋ได้ไปร้องทุกข์ กับฉัน ว่าเธออยู่บ้านไป๋ แต่แทบจัไม่ได้กินข้าวปลาอาหารของในบ้านเลย รวมทั้งลูก ๆ ของเธอที่เป็นลูกหลานบ้านไป๋โดยตรง "
"จะเป็นไปได้อย่างไรหล่ะผู้ใหญ่ นั่นไงสะใภ้รองก็มากินข้าวที่บ้านทุกวัน "
" สวัสดีดีค่ะ ผู้ใหญ่ สวัสดีค่ะ กรรมการ หวัง"
" คุณพ่อคงไม่รู้กระมังว่าฉันกับลูกต้องมาเก็บอาหารที่เหลือจากบ้านใหญ่กินหลังจากทุกคนกินกันอิ่มแล้ว บางครั้งฉันยังคิดว่าตัวเองแย่กว่าหมาบางตัวในหมู่บ้านนี้เสียอีก" ม่านฝู
พ่อไป๋ ได้ฟังก็นิ่งอึ้งไม่คิดว่าสะใภ้รองที่ไม่เคยมีปากเสียง จะพูดออกมาตรง ๆ ไม่ไว้หน้าเช่นนี้
" สะใภ้รอง หล่อนพูดจาให้มันดีดี หน่อย" แม่ไป๋เดินออกมาพอดี
" เหอะ พูดดีที่สุดแล้วค่ะ หรือคุณแม่จะบอกว่าไม่จริง คะ"
❌ ยังไม่ตรวจคำผิด🙏
🙏 ขอบคุณค่ะ♥️♥️
ค่อย ๆ ลงให้อ่านกันก่อนนะคะ