แม่เฒ่าหยินที่เห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ดีจึงแยกแต่ละคนออกจากกัน โดยที่นางแยกไปลูบหัวลูบหางเหลียนฮวา เซี่ยงจูก็แยกมานั่งข้าง ๆ เธอ ส่งสายตาสื่อความนัยมาให้เธอประมาณว่า ‘ข้าทำได้ดีใช่หรือไม่ ข้ายังอยากหลอกด่านางอยู่เลย’
เธอเห็นเช่นนั้นก็ขำออกมาเบา ๆ แบบนี้รึป่าวที่เขาว่า เพื่อนเกลียดใครเราเกลียดด้วย หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่มีอะไรน่าสนใจอีก เธอจึงชวนสามีและลูกกลับบ้านไปกินข้าว นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว อาหารที่บ้างงานครอบครัวเธอกินไปกันคนละไม่กินคำ เรียกได้ว่ากินเพื่อรักษาน้ำใจจะดีกว่า
“นี่ พรุ่งนี้เจ้าก็มาหาข้าที่บ้านนะเซี่ยงจู เอาลูกเจ้ามาด้วย”
“ได้ กินข้าวเช้าเสร็จข้าจะรีบไปเลย”
“มากินบ้านข้าก็ได้ ข้าได้ของดีมา เจ้าต้องลองถึงจะได้รู้ว่าของอร่อยนั้นเป็นเช่นไร นี่ข้าแบ่งครอบครัวเจ้าคนเดียวเลยนะ พ่อแม่สามีข้ายังไม่แบ่งให้เลย”
“ขอบใจนะ แต่สามีเจ้าไม่ว่ารึ เจ้าเอามาแบ่งข้าแต่ไม่แบ่งบ้านพ่อแม่เขาแบบนี้”
“ช่างเขาสิ ข้าหามาเอง จะมาแบ่งได้อย่างไร ทุกวันนี้ข้าก็ให้เขาเข้าป่าหาเงินส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่เขาเอง เรื่อง ครอบครัวหยินข้าไม่ขอยุ่ง เขาไม่ว่าอะไรหรอก เอาลูกกับสามีเจ้ามากินด้วยเลย ของดี ๆ แบบนี้ต้องแบ่งกัน ถือว่าเป็นการตอบแทนที่วันนี้เจ้าทำได้ดีมาก ข้าพึ่งรู้ว่านั่งดูผู้อื่นด่ากันนั้นบันเทิงใจกว่าลงไปด่าด้วยตนเองเสียอีก”
“ของแบบนี้เจ้าไว้ใจข้าเถอะ รึอาจมาแย่งสามีสหายข้าก็ต้องเจอกันบ้าง ว่าแต่นางคิดแย่งสามีเจ้าจริงรึ”
“เจ้าโง่รึไง หากไม่ได้มีใจแล้วจะมาคอยส่งข้าวส่งน้ำ ดูแลเสื้อผ้าของบุรุษและลูกเขาทำไม หากไม่มีใจให้ใครเขาจะหน้าด้านหน้าทนมาทำหน้าที่ภรรยาทั้งที่ข้าก็นั่งหัวโด่อยู่ทั้งคน”
“จริงด้วย ตอนข้าตามเกี่ยวสามีก็ทำเช่นนางเลย ต่างกันตรงสามีข้าไม่ได้มีภรรยาก่อนแล้ว แต่เจ้าน่ะ..เหตุใดจึงใช้สามีทำงานบ้านเล่า นังเฒ่านั่นก็หาเรืองมาตำหนิเจ้าได้น่ะสิ ชาวบ้านก็พากันนินทาเจ้าใหญ่เลยนะ”
“จะเป็นอะไรไป แค่ซักผ้า สามีข้ามือด้านปานวัวปานควายจะมาระคายเคืองผิวอะไร ดีเสียอีก มือด้าน ๆ ซักผ้าได้สะอาด เจ้าก็ลองใช้สามีเจ้าดูบ้างสิ”
“แล้วใครจะหาเงินเข้าบ้านเล่า ทุกวันนี้นังเฒ่าหวังก็ยึดเงินที่หามาได้เข้าส่วนรวมหมด”
“เจ้าก็ทำงานเองสิ อย่างบ้านข้าก็สลับกัน ข้าหาเงินใช้ในครอบครัว ส่วนเขาก็ดูแลบ้านดูแลลูกไป หาเงินบังหน้านิด ๆ หน่อย ๆ เดี๋ยวคนอื่นจะรู้ว่าข้าเป็นเจ้าของเครื่องประทินโฉมราคาแพงนั่น”
“ข้าอิจฉาเจ้า หากข้าแข็งแกร่งแบบเจ้า คนบ้านหวังจะได้เกรงใจข้าบ้าง”
“ก็ข้าบอกว่าให้ไปเป่าหูสามีไง คืนนี้ก็จัดให้เขาสักที พอเสร็จก็รีบพูด บุรุษยามเสร็จสมจะอารมณ์ดี ขออะไรก็ให้หมดนั่นแหละเชื่อข้า”
“เจ้าพูดอะไรเนี่ย นี่มันหน้าบ้านนะ ไม่อายฟ้าอายดินบ้างเลย”
“แหม ๆ ไม่ต้องเขินหรอกน่า เจ้ามีลูกเยอะกว่าข้าเสียอีก”
“จิ๊ เจ้านี่ ได้ ๆ ไว้ข้าจะลองคืนนี้”
“ท่านแม่!!!”
“ว่าอย่างไร!!”
“กลับบ้านกันเถอะขอรับ ข้าหิวข้าวแล้ว”
“เจ้าพาพ่อเจ้ากลับไปก่อนเลย เดี๋ยวแม่รีบตามไป”
“ข้าต้องไปแล้ว คิงคองบ้านข้ากำลังขาดสารอาหาร อย่าลืม พรุ่งนี้เช้า มาสักกลางยามเฉินก็แล้วกัน”
“ได้ ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวน้ำหนักลูกเจ้าจะลดเสียก่อน”
บ้านลี่
เหลียนฮวาและสะใภ้ใหญ่บ้านหยินกำลังเก็บข้าวของล้างกันสองคน ส่วนสะใภ้รองนั้นให้เหตุผลว่าสามีไม่ค่อยแข็งแรง ขอตัวพาสามีกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อน แม่เฒ่าหยินก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย จึงให้สะใถ้ใหญ่อยู่ช่วยงาน ส่วนตนก็มานักพักที่ห้องโถงกับลูกชายคนโตและชิงอี
“ท่านย่า ข้าจะได้กลับไปอยู่กับท่านพ่อจริงหรือเจ้าคะ”
เด็กน้อยถามด้วยความดีใจ นางคิดถึงท่านพ่อ ตั้งแต่ฮุ่ยเจินตกน้ำไปท่านพ่อที่แต่เดิมเอ็นดูนางมากที่สุดก็เริ่มเฉยชากับนาง ยามมองนางมีบางครั้งน่ากลัวจนนางหวาดผวา ยิ่งท่านแม่ที่ไม่ชอบนางอยู่แล้วก็ยิ่งเกลียดนาง นางคิดว่าหากไม่มีฮุ่ยเจินแล้วนางจะได้ความรักจากท่านพ่อท่านแม่เพิ่มขึ้นซะอีก ท่านพ่อท่านแม่สนใจฮุ่ยเจินมากกว่าใคร หากไม่มีฮุ่ยเจินแล้วนางก็จะได้รับความรักนั้นแทนน้องชาย
แต่กลับกลายเป็นว่าท่านแม่ยิ่งโกรธเกลียดนาง ท่านพ่อแม้จะทำตัวเหินห่างแต่ก็ยังปกป้องนางจากท่านแม่ ทำไมทุกอย่างถึงไม่เป็นแบบที่นางคิดล่ะ
“จริงสิ ย่าจะโกหกทำไม เดี๋ยวท่านพ่อเจ้าแต่งงานกับเอาเจ้าเมื่อใด เจ้าก็จะได้อยู่กับพ่อเจ้าแล้ว”
“แล้วท่านแม่ล่ะเจ้าคะ ข้าจะได้อยู่กับท่านแม่หรือไม่”
“เจ้าต้องขอพ่อเจ้าให้แต่งอาเจ้าเป็นภรรยาเสียก่อน เดี๋ยวเจ้าจะได้อยู่กับพ่อแม่แล้วก็อาของเจ้าเลยล่ะเด็กดี”
“จริงหรือเจ้าคะ พรุ่งนี้ขอจะไปขอท่านพ่อ”
“ดี ดี ดี”
แม่เฒ่าหยินนั้นพึงพอใจเหลียนฮวามาก เหลียนฮวาเองก็ดูพึงพอใจลูกสาม เรื่องแงภรรยาเพิ่ม ลูกสามไม่น่าจะขัดข้องหากนางเป็นผู้ออกหน้า ยิ่งชิงอีอ้อนขอ ขี้คร้านจะรีบยอมแต่ง นางสังเกตตั้งแต่ลูกชายเอาชิงอีมาเลี้ยงแล้ว ดูลูกนางให้ความสำคัญกับเด็กนี่ไม่น้อย นางเองยังคิดว่าอาจจะเป็นลูกภรรยาเก็บเสียด้วยซ้ำ หากให้นางขอลู่จิว นางคงจะได้ลูกสะใภ้ที่อ่อนหวานงดงาม เพียงแค่คิดก็สุขใจยิ่งนัก
หลังจากทุกคนที่มาช่วยงานกลับไปกันหมดแล้วในบ้านก็เหลือเพียงเหลียนฮวาและชิงอี ทั้งสองแยกห้องกันอยู่ แม้จะเป็นอาหลานแต่ก็หาได้สนิทชิดเชื้อกันมากนัก
เหลียนฮวากำลังนั่งคิดถึงคำพูดของเซี่ยงจู นางเห็นด้วยกับเซี่ยงจู เพียงแต่ว่านางก็นึกชื่นชมลู่จิวมากเช่นกัน บุรุษที่ยอมทำงานแทนภรรยา ปล่อยให้ภรรยาอยู่บ้านเฉย ๆ นางยิ่งนึกอิจฉา
ยิ่งได้ฟังเรื่องของเซี่ยงจูจากคนบ้านหยินนางก็ยิ่งสงสารลู่จิว เหตุใดคนดี ๆ จึงมีภรรยาที่ทั้งขี้เกียจและร้ายกาจ ยามทำอาหารนางก็อดนึกถึงลู่จิวและเด็กน้อยจ้ำม่ำทั้งสองจนเขินอายกับตนเอง หากพวกเขาเป็นครอบครัวของนางจะดีแค่ไหนกันนะ
คิดได้ดังนั้นนางจึงเริ่มทำอาหารและปักผ้าไปฝากลูกจิวและเด็ก ๆ โดยมีแม่เฒ่าหยินคอยส่งเสริม นางพอมองออกว่าบ้านหยินอยากเกี่ยวดองกับนาง นางเองก็คิดว่าหากได้แต่งกับผู้ชายที่รักภรรยาและครอบครัวเช่นลู่จิวก็คงจะดีเช่นกัน
แต่คำพูดของเซี่ยงจูวันนี้ทำให้นางสะกิดใจ หรือนางจะกำลังทำลายครอบครัวผู้อื่นอีกแล้ว นางเพียงสงสารลู่จิวเท่านั้นที่ต้องทำงานหนักเลี้ยงดูครอบครัวคนเดียว คนร้ายกาจแบบซูฉีไม่คู่ควรกับสามีดี ๆ แบบนี้ หากเขามีใจให้นาง นางก็ยินดีจะแต่งให้ แม้จะเป็นภรรยารองก็ตาม นางมั่นใจว่านางต้องดูแลเขาและลูก ๆ ได้ดีกว่าซูฉี
เพียงแค่คิดว่าตนจะได้เป็นภรรยาของบุรุษผู้หล่อเหลากำยำ และเป็นมารดาของเด็กน้อยน่ารักทั้งสอง หัวใจก็กลับมาพองโตและเต้นแรงจนต้องยกมือขึ้นมากุมอก แม้ว่าคนหนึ่งจะดื้นซนจนน่าปวดหัว ส่วนอีกคนก็อ้อนแอ้นเกินบุรุษ แต่นางมั่นใจว่าจะสั่งสอนให้ลูก ๆ ทำตัวสมกับเป็นบุรุษที่น่าชื่นชมได้แน่นอน ยิ่งคิดรอยยิ้มนางก็ยิ่งกว้างขึ้น