ตอนนี้ซูฉีกำลังนั่งเผชิญหน้ากับครอบครัวสามีและเหลียนฮวา โดยมีน้องสามีคอยช่วยพูดเกลี้ยกล่อมเธอ ก่อนมาบ้านใหญ่เธอลืมไปสนิทเลยว่านัดส่งสินค้า โชคดีที่เธอเตรียมของไว้ตั้งแต่เมื่อวานหลังอาหารเย็นแล้ว ทำเอาเธอเกือบต้องวิ่งวุ่น
“พี่เหลียนฮวา มีเรื่องทุกข์ใจจึงย้ายมาอยู่หมู่บ้านเราเจ้าค่ะ ตอนนี้บ้านของพี่เหลียนฮวากำลังสร้าง อยู่ท้ายหมู่บ้านไงเจ้าคะ หากบ้านเสร็จพี่เหลียนฮวาก็จะย้ายออกทันที ระหว่างรอบ้านเสร็จข้าจึงเสนอให้พี่เหลียนฮวามาอยู่ด้วยกันก่อนจะได้ไม่ต้องไปพักที่โรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ”อีนังตัวดี พาหายนะมาสู่ครอบครัวเธอ
“ท่านพ่อท่านแม่เห็นว่าดีข้าก็ไม่ขัด”ไอ้โง่นี่ กลับไปเธอจะฟาดกลางหลังแรงๆสักทีสองที
จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย ได้เลย เจ้จัดให้ จะแสดงงิ้วแข่งกันหรอ จิ๊จิ๊ งั้นเธอขอเริ่มแผนการแรกเลยก็แล้วกันนะจ๊ะสาวน้อย
“แต่ว่าข้าไม่เห็นด้วยเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าหาได้อยู่ด้วยกันในบ้านใหญ่กับท่านพี่ หากแม่นางลี่มาอยู่บ้านแบบนี้คงจะดูไม่ดี ทั้งข้าก็ไม่สบายใจที่จะให้มีสตรีอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านตอนข้าไม่อยู่อีกด้วยเจ้าค่ะ”
เธอวางหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยนกลับ เหมือนคนจำใจต้องพูดออกมาทั่งที่ลำบากสบาย ในนิยายเธอนั้นเจ้าแผนการแต่เก็บอารมณ์ไม่เก่ง แผนดีแต่ก็มองออกง่ายเกินไป
“เจ้าก็กลับมาอยู่ด้วยกันที่เสียสิ จะทำให้ยุ่งยากทำไมเล่าสะใภ้สาม”สะใภ้ใหญ่เปิดมาเป็นคนแรกตามคาด
“จริงดังสะใภ้ใหญ่ว่านะสะใภ้สาม ศิษย์พี่ของน้องสาวเจ้าก็ลำบาก ต้องการความช่วยเหลือ เจ้าน่าจะยอมลงให้เจ้าสามบ้างสิ จะทำตัวเอาแต่ใจไม่ได้เหรอกนะเจ้าเป็นแม่คนแล้ว อย่าทำให้มันเป็นเรื่องยุ่งยากเลย”แม่สามีพูดด้วยใบหน้าอ่อนโยน แต่สายตามีแววตำหนี จิ๊ห่วงใยกันเสียจริง
แต่ว่านะท่านแม่~ท่านตกหลุมคำพูดตัวเองแล้วล่ะ ต่อหน้าศิษย์พี่คนสำคัญของลูกสาวเจ้าจะกล้ากลืนคำพูดตัวเองหรือไม่นะ ก่อนเธอจะนึกขึ้นได้ว่าสะใภ้รองนั้นนั่งชมงิ้วอย่างสบายใจ ตัดขาดโลกภายนอก รอดตัวไปก่อนเถอะหล่อนน่ะ ยังไม่ถึงคิวหล่อน
“จริงดังท่านแม่และพี่สะใภ้ใหญ่ว่า ข้านี่ทำตัวแย่เสียจริง ขออภัยคุณหนูลี่นะเจ้าคะ แต่ข้าขอคุยเรื่องภายในครอบครัวสักเดี๋ยว”
“พี่สะใภ้สาม”ฮวาฮวาอดจะเอ่ยท้วงไม่ได้ แต่เธอไม่เปิดโอกาสให้หรอกนะสาวน้อย
“ตามที่ข้าเคยบอกท่านแม่สามีและพี่สะใภ้ใหญ่ไปนั่นแหละเจ้าค่ะ บ้านหยินมีสมาชิกครอบครัวหลายคน ข้ากับลูกนั้นไม่สะดวกที่จะเบียดกันอยู่จึงได้ย้ายออกไปอยู่บ้านเดิม แต่ยามนี้มีสตรีอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเข้ามาอาศัย ไหนเลยข้าจึงจะวางใจ ชายหญิงใกล้กันนั้นก็เหมือนน้ำมันกับไฟนั่นแหละเจ้าค่ะ เช่นนั้นก็เอาอย่างนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ ให้ท่านพี่แยกบ้านออกไปอยู่กับข้า เดิมทีท่านพี่ก็ตั้งใจจะแยกบ้านอยู่แล้ว เพียงรอจัดการเรื่องชิงอีให้เรียบร้อยเท่านั้น บอกตามตรงบ้านนี้ก็คับแคบเกินจะอยู่รวมกันทุกครอบครัวได้เจ้าค่ะ ข้านึกห่วงหลานๆ ลูกพี่ใหญ่ก็ใกล้แต่งภรรยาแล้ว หากไม่มีห้องเป็นของครอบครัวตนเองจะลำบากเอาได้นะเจ้าคะ”เธอไม่ปล่อยโอกาสร่ายยาวความมีน้ำใจของตัวเองหรอกนะ
สมาชิกครอบครัวหยินนั้นแปลกใจที่วันนี้นังจิ้งจอกไม่ดุร้าย ทั้งยังพูดจามีเหตุผลยิ่งนัก แม้แต่แม่สามีและสะใภ้ใหญ่ก็อดคล้อยตามไม่ได้
“ข้าว่าที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผลแต่จะแยกอย่างไรเล่า ผู้ใดจะดูแลพ่อแม่สามี พี่เขยกับสามีข้าเพียงสองคนดูแลไม่ไหวหรอกนะ เจ้าก็รู้ว่าสามีข้าสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงนัก”โผล่หัวออกมาแล้วรึ นังงูพิษ ในเนื้อเรื่องสะใภ้รองนี่แหละมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดหายนะแก่ครอบครัวเธอ
ที่พูดออกมานั้นอยากจะลอยตัวจากปัญหาสินะ ได้เลย เรามาประชันไหวพริบสติปัญญากันหน่อยเป็นไงสะใภ้รอง
“จริงดังสะใภ้รองว่า เอาเช่นนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าปรึกษากับท่านพี่แล้วเมื่อคืน ท่านพี่ก็เห็นว่าดีเจ้าค่ะ”หลอกจ้า ปรึกษาอะไร พึ่งนึกขึ้นได้เมื่อกี้เลย เธอพูดพลางสอดมือเข้าไปหยิกเอวสามีแรงๆ จนลู่จิวได้แต่เงียบปากพยักหน้าเป็นคำตอบว่านางพูดจริง
“เจ้าลองว่ามาสิ”พ่อสามีที่นั่งเงียบมานานเอ่ยอย่างอยากรู้ จริง ๆ เขาก็คิดว่าบ้านเล็กเกินไปเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่อยากแยกออก พูดตามตรง คนที่หารายได้เข้ากองกลางมากที่สุดคือลู่จิว หากแยกบ้านออกไปล่ะก็คงมีปัญหาแน่ ไม่มีทางเลือก ขยายบ้านก็ยุ่งยากใช้เงินเยอะเกินไป
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ เพียงให้ท่านพี่แยกบ้านออกมา เรื่องกตัญญูก็ทำสัญญาเป็นหนังสือให้ชัดเจนว่าต้องให้ค่าดูแลพวกท่านเดือนละเท่าใดดีหรือไม่เจ้าคะ”
กริบ สะใภ้ใหญ่ที่อยากโวยวายก็ไม่กล้าเปิดปากเพราะผลประโยชน์มันตกมาอยู่ที่ลูกชายของนาง แต่ถ้าหากลู่จิวแยกออกไป ในบ้านก็คงจะกินอยู่ขัดสนกว่าขึ้นมากกว่าเดิม ตอนนี้นางสับสนยิ่งนัก
โอ้ยยยย สีหน้าแต่ละคน นางอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ สักที อยากปฏิเสธแต่หาเหตุผลมาแก้ต่างไม่ได้ล่ะสิ ทั้งยังโวยวายไม่ได้เพราะมีคุณหนูลี่ผู้สูงส่งนั่งฟังอยู่ นางนั่งรอสักพักเห็นแต่ละคนไม่มีปฎิกิริยาตอบรับอะไรจึงกระซิบให้อี๋นัวให้ไปกระซิบบอกซานไห่วิ่งไปบ้านผู้ใหญ่
“ปัง ปัง ตาเฒ่าหยินอยู่หรือไม่”
“มีอะไรหรือท่านผู้ใหญ่”
“เจ้าเด็กซานไห่มันวิ่งไปบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่มีคนให้มาตามน่ะสิ ข้าจึงได้รีบมานี่อย่างไร”ผู้ใหญ่บ้านวัยกลางคนกวาดตามองดูสมาชิกตระกูลหยิน ไหนว่าเกิดเรื่องใหญ่
ชาวบ้านเห็นมีเรื่องอะไรจึงได้มามุงดูอยู่หน้าถนน เตรียมเก็บข้อมูลไปประมวลผลร่วมกับเพื่อน ๆ ยามว่างทีหลัง
“คารวะลุงผู้ใหญ่เจ้าค่ะ ข้าให้ซานไห่ไปตามท่านเอง รบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ว่าแต่มีเรื่องอะไรให้ช่วยหรอ”เขาแปลกใจเล็กน้อยที่นางดูสุภาพ พูดจาเป็นมะนาวมีน้ำ
“คืออย่างที่ท่านรู้ว่าบ้านหยินกำลังจะแต่งภรรยา สมาชิกในครอบครัวนั้นคงจะคับแคบไปไม่สะดวกแก่คู่แต่งงานใหม่นัก ท่านลุงน่าจะทราบว่าสามีภรรยาพึ่งแต่งงาน ข้าวกำลังใหม่ปลากำลังมัน ข้าเห็นใจอยากให้หลานชายได้มีห้องอยู่กับภรรยา จึงเชิญท่านลุงมาช่วยเป็นพยานการทำข้อตกลงแยกบ้านของข้าและสามี รวมถึงเรื่องเงินค่าเลี้ยงดูพ่อเฒ่าแม่เฒ่าแต่ละเดือนให้ชัดเจนด้วยเจ้าค่ะ มีท่านลุงผู้ใหญ่บ้านผู้อาวุโสผู้เที่ยงธรม ทั้งยังเป็นที่นับหน้าถือตามาเป็นพยานให้ จะได้ชัดเจนและยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ข้าต้องขอรบกวนท่านลุงแล้วเจ้าค่ะ”เธอพูดรัวไม่เปิดโอกาสให้ใครได้แก้ต่างทั้งนั้น ให้คนเข้าใจว่าได้ตกลงกันมาตั้งแต่ในบ้านแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าได้เกรงใจเลย เจ้าไปนำกระดาษกับหมึกมา มาเถอะบอกข้อตกลงที่จะทำเถิด ข้าจะได้ช่วยออกความเห็นช่วยอย่างยุติธรรมแก่ทุกคน”ผู้ใหญ่บ้านหันไปสั่งหลานชายที่ตามมาแล้วหันมาสนใจคนตระกูลหยิน
“เชิญเข้ามาจิบชาในบ้านก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้อตกลงนั้นข้าและสามีได้คุยกับท่านพ่อท่านแม่บ้างแล้วเจ้าค่ะ”ระหว่างเดินเข้าบ้านนางก็มัดมือชกผู้อื่นไปพร้อม ๆ กัน
ในห้องโถงกลางบ้าน ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังนั่งฟังสะใภ้สามพูดข้อตกลงในการแยกบ้านด้วยใจร้อนรน นางไม่เห็นด้วยเรื่องค่าเลี้ยงดูรายเดือน หากลูกสามไม่ส่งเงินทั้งหมดเข้าส่วนรวมเหมือนเดิม สถานะการเงินของบ้านแย่แน่ เจ้าใหญ่ทำงานได้ดีแต่ไม่ได้มอบเงินให้นางทั้งหมด ส่วนเจ้ารองนั้นหาเงินได้น้อยเมื่อเทียบกับลูกทุกคน ทั้งยังลูกสาวคนเล็กจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะจนเอง แต่นังจิ้งจอกนั่นไม่เว้นว่างให้ผู้ใดได้เอ่ยปากเลยแม้แต่น้อย
“ข้าเห็นว่าบ้านคนเยอะคับแคบ จึงได้ปรึกษากับสามีว่าจะแยกบ้านเจ้าค่ะ ส่วนผู้เฒ่าทั้งสองนั้นไม่ต้องห่วง สามีจะส่งให้ทุกเดือนเจ้าค่ะ”
คอยดูเถอะแม่จะสร้างความเดือดร้อนกระทบให้หมดทุกตัวเลย คิดว่านั่งนอ่งเงียบแล้วจะรอดงั้นหรอ มาดูกันว่าจะยังนิ่งได้อยู่มั้ย
“แต่อย่างไรความกตัญญูเกินหน้าเกินตาพี่น้องก็ไม่ดีนัก อีกทั้งข้าก็มีลูกให้ดูแล ต้องใช้เงินมากพอสมควรเลยเจ้าค่ะ ท่านลุงก็น่าจะพอรู้มาบ้างเรื่องจิตวิญญาณของบ้านเดิมข้ามาบ้าง ลูกข้าก็จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน อย่างดี.....ข้าและสามีจึงคิดว่า..จะส่งเงินจำนวนเท่ากันกับพี่เขยทั้งสองเจ้าค่ะ”
โอ้ อาการเริ่มออกแล้วสินะ พอผลประโยชน์จะหลุดมือก็ร้อนรนกันใหญ่เลย ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ปล่อยให้นางพูดมาถึงขนาดนี้แล้วจะค้านคงยาก
“แต่ละคนส่งเดือนละหนึ่งตำลึงเป็นอย่างไรเจ้าคะ ข้าพอรู้มาว่าพี่รองนั้นร่างกายไม่แข็งแรงนัก จึงหาเงินได้น้อย ข้าจึงคิดว่าจำนวนเท่านี้พี่รองน่าจะรับไหวนะเจ้าคะ ลูกชายสามคนเดือนนึงผู้เฒ่าเพียงสองคนใช้เงินสามตำลึงถือว่าเหลือใช้เลยนะเจ้าคะ ส่วนเทศกาลนั้นแน่นอนว่าต้องมีการแสดงความกตัญญูต่างหากเจ้าค่ะ แต่แยกบ้านแล้วต้องอยู่ใครอยู่มัน น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลองนะเจ้าคะ ข้าต้องใช้สมาธิสอนสั่งลูกบ่มพลัง เหลือเวลาเพียงสามปีเขาก็ต้องปลุกพลังจิตวิญญาณแล้ว คงจะมะดวกหากมีเรื่องวุ่นวายเข้ามาเจ้าค่ะ”
“อืม เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล พวกเจ้าสองคนว่าอย่างไรล่ะ เห็นด้วยหรือไม่”ลุงผู้ใหญ่หันไปถามพ่อเฒ่าแม่เฒ่าหยิน พ่อเฒ่านั้นมีท่าทางครุ่นคิด ส่วนทางด้านแม่เท่าหยินนั้นเปิดปากขัดทันที
“เรื่องเงินค่าเลี้ยงดูนั้นข้าไม่ติดใจเจ้าค่ะ แต่ว่าฮวาเอ๋อร์ยังต้องใช้เงินสบันสนุนการบ่มเพาะจำนวนมาก เช่นนั้นเจ้าจะว่าอย่างไรลูกสาม อย่างไรฮวาเอ๋อร์เป็นน้องสาวเจ้า อย่างไรก็ต้องดูแลนาง”นางยอมไม่ได้เด็ดขาด ยังไงลูกชายนางก็ต้องดูแลส่งเสียฮวาเอ๋อร์จนกว่านางจะประสบความสำเร็จ
ผิดจากที่คิดเสียเมื่อไหร่ นังแก่นี่ รักแต่ลูกสาวรึไงนะ
“เรื่องน้องสามีข้าก็ไม่เห็นด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ นางอายุสิบเก้าหนาวแล้ว อ่อนกว่าข้าเพียงไม่ถึงปีด้วยซ้ำ สามีข้าต้องส่งเสียนางจนนางอายุเท่าใดหรือเจ้าคะ อย่าหาว่าข้าสอดเลยนะเจ้าคะท่านแม่ ฮวาฮวา ลู่จิวแต่งงานมีลูกโตสี่หนาวแล้ว เขาควรสนใจลูกมากกว่าผู้ใดไม่ใช่หรือเจ้าคะ น้องสาวนั้นโตเกือบเท่าข้าที่มีลูกสามคนแล้วด้วยซ้ำ เหตุใดยังต้องให้สามีข้าดูแลส่งเสีย ฮวาฮวาการที่เจ้าได้เข้าไปเป็นศิษย์สำนักใหญ่เจ้าไม่ได้พัฒนาสิ่งใดเลยหรือ เจ้าอยู่มาเข้าปีที่สาม ยังไม่สามารถเลื่อนเป็นศิษย์สายในได้อีกหรือ เจ้าไปเจอโลกภายนอกมามากมายเหตุใดไม่รู้จักเอาตัวรอดด้วยตนเอง หากให้ลู่จิวส่งเสียเจ้า เขาต้องส่งเจ้าจนถึงเมื่อใดเล่า บอกข้าได้หรือไม่”
และแล้วฮวาฮวาก็ร้องไห้ออกมาหลังจากก้มหน้าฟังสิ่งที่นางพูด จิ๊ ช่างจิตใจบอบบางนัก คนแบบนี้หรือจะเดินเส้นทางยุทธภพ เดินไปตายน่ะสิไม่ว่า เธอมองฮวาฮวาที่ก้มหน้าร้องไห้โดยมีเหลียนฮวาลอบหลังปลอบใจพร้อทั้งมองมาที่เธอด้วยสายตาไม่ชอบใจ ทำเอาเธอได้แต่เลิกคิ้วสงสัย
“ข้าขออนุญาตออกความเห็นได้หรือไม่เจ้าคะ”ว้าววววว เหลียนฮวาจะหงายการ์ดนางฟ้าแล้วทุกคน ตื่นเต้นนะเนี่ยพอได้เจอด้วยตัวเอง
“เชิญแม่นางลี่เจ้าค่ะ”เธอตีหน้าอ่อนโยน
“ข้อรู้ว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัว แต่นี่เกี่ยวกับศิษย์น้องของข้าเจ้าค่ะ”
“อืมมม”
“การที่พี่ชายจะส่งเสียและปกป้องน้องสาวนั้นข้าว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วนะเจ้าคะ แล้วเรื่องอายุ เอ่อ..ข้าขออภัย เพียงแต่เรื่องนี้ท่านจะเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับผู้อื่นไม่ได้นะเจ้าคะ ฟังจากที่ท่านว่าข้ากับท่านนั้นน่าจะอายุเท่ากันเจ้าค่ะ ข้าก็ยังไม่คิดมีครอบครัวเช่นท่าน ข้าว่าเรื่องครอบครัวมันแล้วแต่ใครจะคิดนะเจ้าคะ คนเราความคิดความอ่านไม่เหมือนกันเจ้าค่ะ การมองโลกก็แตกต่างกัน ท่านอยู่แต่ในหมู่บ้าน พอถึงพ้นวัยปักปิ่นก็แต่งงานมีลูกทำให้ท่านไม่เข้าใจการฝึกฝนแบบพวกเรานะเจ้าคะ ข้าขออภัยที่ต้องพูดเช่นนี้”
นี่ไม่ใช่หลอกด่าว่าเธอรีบมีผัวหรือไง หน็อยยย เจ็บกว่าตรง ๆ อีกนะ เอาล่ะ กูไม่ชอบอีนี่ ตอนแรกตั้งใจว่าจะดูนิสัยก่อนเผื่อจะดีจริง ไม่เป็นพาเป็นภัย เผื่อเธอจะได้ไม่เจอจุดจบหายนะ ได้ข่าวว่าหล่อนเป็นศิษย์หลักอันดับรั้งท้ายไม่ใช่รึไงยะ มั่นมากนะมาพูดแบบนี้กันชั้น
“จริงดังท่านว่า เรื่องคนรักหรือครอบครัวนั้นก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน ข้าอาจจะรีบแต่งงานก็จริงดังแม่นางลี่ว่า ก็นะ บุรุษดี ๆ ส่วนใหญ่ก็มีคู่หมายกันหมดแล้ว ยิ่งรูปงาม มากความสามารถทั้งยังยอมอ่อนลงให้ภรรยาเช่นสามีของข้านั้นไม่รีบแต่งสิถึงแปลก”จะเอาสินะอีดอกบัวนี่ แม่จะกระชากให้หลุดจากกอแล้วคอยดูเถอะ ยังยิ้มได้อยู่ก็ดี รักษารอยยิ้มไว้ให้มั่นเล่าลี่เหลียนฉวา เจ้ามันแส่ไม่เข้าเรื่องเอง นั่งเฉย ๆ ก็ดีแล้ว มาขัดขวางแผนการก็คงต้องสั่งสอนสักหน่อยถึงจะหลาบจำ
“เป็นโชคดีของข้าโดยแท้เลยล่ะเจ้าค่ะแม่นางลี่ ของดีหายากเช่นนี้หลุดมาในมือทำให้ข้าไม่ต้องไปยุ่งวุ่นวายหรือทำลายความสัมพันธ์ของผู้อื่น หากต้องทำให้คู่หมั้นคู่หมายที่เขารักกันดีอยู่แล้วต้องหมางใจกันข้าคงจะรู้สึกทั้งรังเกียจและขยะแขยงตนเองยิ่งนัก ทุกวันนี้ข้าจึงคิดว่าดีแล้วที่ข้ารีบแต่งงานสร้างครอบครัวจะได้ไม่ลำบากไปยุ่งกับคู่หมายผู้อื่น หาดมีสตรีที่โดนข้าแย่งคนรักนางคงปวดใจน่าดู ท่านว่าหรือไม่เจ้าคะ เห้อ โชคดีของข้าแล้วที่ไม่ต้องทำบาปทำกรรม”
อ้าวๆ หน้าซีดไปแล้ว จิ๊จิ๊จิ๊ รอยยิ้มฝืนๆแบบนี้ทำไมมันดูสวยนักนะ อยากหยิบกล้องออกมาถ่ายไว้ดูชมเสียจริง รอก่อนเถอะลี่เหลียนฮวา ถ้าเจ้าไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัว จะได้เห็นดีกัน ข้ามีหลายวิธีที่จะกระชากเจ้าให้จมลงกลับสู่โคลนตมเลยล่ะ ดอกบัวถึงจะบริสุทธิ์อย่างไรก็ยังขึ้นมาจากโคลนล่ะนะ พ้นตมได้ข้าก็ผลักเจ้าลงได้