บทที่ 6

1530 คำ
“จำเป็นด้วยเหรอคะ ที่ฉันต้องทำตามคำสั่งคุณ” “คุณหมายความว่ายังไง” คณานางค์ไหวไหล่น้อยๆ ทำเหมือนไม่แยแสกับท่าทีร้อนใจและตาขวางๆ ของคนตัวโตสมชื่อ “คุณอย่าบอกนะว่าจะยอมทำตามที่ผู้ใหญ่ตกลงกันเอง” ยิ่งเห็นชายหนุ่มหน้าซีด ปากสั่น (เธอมโนไปเองทั้งนั้นแหละ) ยิ่งอยากแกล้งต่อ เพราะอันที่จริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร เพราะแค่เธอยืนกรานว่าไม่ตกลง พ่อก็คงจะตามใจเหมือนทุกที อ้อนนิดอ้อนหน่อย หรือถ้าจำเป็นจะบีบน้ำตาสักแหมะสองแหมะก็หมดเรื่องแล้ว “เราไม่ควรขัดใจพ่อแม่ไม่ใช่เหรอคะ” ยิ่งเห็นสายตาบ๊องแบ๊วที่บางคนส่งมาให้ ปริญญ์ยิ่งอยากจะวิ่งเอาหัวไปชนหลังคาบ้านเจ้าศรรามตายซะให้รู้แล้วรู้รอดไป “ไม่มีทาง ยังไงผมก็ไม่มีวันแต่งงานกับคุณแน่ๆ” “ทำไมเหรอคะคุณปริญญ์ แต่งงานกับดิฉันแล้วมันเสียหายตรงไหนไม่ทราบ” “เลิกเล่นซะที แล้วเราไปจัดการเรื่องนี้ด้วยกัน” เขาถือวิสาสะคว้าแขนเรียวของคณานางค์เป็นครั้งแรก แต่เจ้าตัวก็ยังขืนตัวไว้ไม่ยอมตามเขาไปอธิบายกับพ่อแต่โดยดี “คุณต้องตอบคำถามฉันมาก่อน” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเสียงดัง “ตอบอะไรอีกล่ะ ?” เธอเริ่มจะฉุนขึ้นมานิดๆ เพราะไอ้ท่าทางที่บ่งบอกว่าเขาแสนจะรำคาญเธอเหลือทนนี่แหละ คนอย่างคุณหนูคะน้ามีแต่คนอยากอยู่ใกล้ นี่ไม่อยากได้เธอไปเป็นภรรยายังพอเข้าใจ แต่ถึงขนาดหงุดหงิดตลอดเวลาที่อยู่ใกล้เธอนี่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย... หรือว่าตาคุณตัวโตอะไรนี่ไม่ชอบผู้หญิง !? “ก็ที่ฉันถามคุณว่าแต่งงานกับฉันแล้วมันเสียหายตรงไหนน่ะสิ” “ใครจะแต่งงานกับผู้หญิงอย่างคุณได้ลง” เส้นตึงของอารมณ์เธอ แน่นเปรี๊ยะขึ้นมาทันที “ทำไม ผู้หญิงแบบฉันมันเป็นยังไง” คณานางค์คงไม่รู้ตัวว่าตนเองท้าวสะเอวถามเขาอย่างเอาเรื่องอยู่ ปริญญ์ยอมรับนิดๆ ก็ได้ว่ามาดนี้ของยายคุณหนูดูตลกไม่น้อย เขาเป็นพี่ชายคนโต ต้องคอยรับมือกับอารมณ์และนิสัยที่แตกต่างกันสุดขั้วของน้องอีกสามคน อย่างคณานางค์นี่ถือว่าจิ๊บๆ ... แถมดูไปดูมายังน่ารักกว่าน้องๆ เขาเป็นไหนๆ ก็อย่างว่า เขามันอยากมีน้องสาวมาตลอด ที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ก็คงรู้สึกเอ็นดูเจ้าหล่อนเหมือนน้องสาวนั่นแหละ “ถ้าผมพูดขึ้นมา คุณจะรับได้เร้อ” “ว่ามาได้เลย ฉันมั่นใจในตัวเองมากพอ รับรองจะไม่นอยด์หรือเสียเซลล์เพราะใครง่ายๆ แน่” ปริญญ์พยักหน้าเข้าใจ แถมยิ้มมุมปากให้หญิงสาวได้เห็น “ก็ทั้งแต่งตัวโป๊ พูดจาไม่มีความอ่อนหวาน งานการก็ไม่ค่อยรับผิดชอบ อันนี้ไม่รวมถึงความขี้วีน ขี้เหวี่ยงของคุณอีก แล้ว...” “พอๆ หยุดแค่นี้แหละ ฉันรู้แล้วว่าคุณเกลียดฉันมากแค่ไหน” ว่าแล้วเธอก็สะบัดหน้าพรืด เดินนำปริญญ์ไปก่อนเสียอีก เชื่อหรือไม่ว่าระยะทางเพียงไม่กี่เมตรจากหน้าบ้านเข้ามาถึงโต๊ะอาหารของครอบครัวธีรการณ์ ทำให้คณานางค์มีความคิดบรรเจิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัว... ถึงเวลาเอาคืน ! “อ้าว มาพอดีเลยเจ้าโต หนูคะน้า มานั่งใกล้ๆ ลุงนี่มา โตรีบเลื่อนโต๊ะให้น้องเร็ว” ปริตรเชื้อเชิญลูกสาวของเพื่อนรักอย่างเป็นกันเอง “สวัสดีคะคุณลุง พี่สี่ พี่เล็ก” เธอนั่งลงข้างๆ คนที่ไปรับมาตามที่เขาดึงเก้าอี้ให้ ซึ่งก็ใกล้ๆ กับที่คุณลุงปริตรนั่งอยู่ก่อน ดีที่วันก่อนพ่อของเธอกับคุณลุงไปเจอกันที่สโมสร และเธอกับชายหนุ่มอีกสองคนลูกของคุณลุงปริตรไปด้วย จึงได้แนะนำตัวกันมาแล้วนิดหน่อย แม้คุณลุงปริตรกับพ่อของเธอจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่เพราะคณานางค์ได้ไปใช้ชีวิตเติบโตอยู่ที่เชียงใหม่ ตั้งแต่พ่อและแม่แยกทางกัน และก็แทบจะนับครั้งได้ที่เธอจะลงมากรุงเทพฯ เพื่ออยู่กับพ่อ มีแต่ท่านที่ไปเยี่ยมเธออยู่เป็นประจำ จนเมื่อไม่นานมานี้แม่ของเธอจากไปอย่างสงบด้วยโรคประจำตัวที่รักษามาอย่างยาวนาน พ่อจึงรับเธอมาอยู่ด้วยกัน ประจวบเหมาะกับที่เธอเรียนจบพอดีและเริ่มเข้าวงการ จึงนับครั้งได้เลยที่จะได้เจอเพื่อนสนิทของพ่อคนนี้ ... ไม่คิดเลยว่า พ่อจะอยากให้เธอเกี่ยวดองกับคนบ้านนี้ “น้องคะน้าครับ คืนนี้พี่มีแข่งรถที่สนามมืดกับเพื่อนๆ อยากได้คนสวยๆ ไปนั่งเป็นตุ๊กตาให้คนอื่นอิจฉาเล่น ไม่ทราบว่าน้องคะน้าสนใจมั้ยครับ” คณานางค์ทำเพียงยิ้มรับกับคำเชื้อเชิญของเป็นบุตร “พ่อครับ พี่สี่จะไปสนามมืดอีกแล้วครับ” ด้วยความรำคาญไอ้อาการเกี้ยวหญิงทุกคนที่เจอของพี่ชาย ทำให้ปานภูมิฟ้องบิดาเรื่องที่ท่านเคยสั่งห้ามไว้ก่อนหน้านี้ซะเลย เมื่อเห็นสายตาพิฆาตของพ่อที่ส่งมา เป็นบุตรจึงทำได้แค่ “แหะๆ ผมล้อน้องเล่นครับพ่อ” “มีอะไรหรือเปล่าโต ทำไมมองพ่อแบบนั้น” “มีครับพ่อ ผมกับคะน้ามีเรื่องจะต้องคุยกับพ่อให้รู้เรื่องตอนนี้เลย” “พ่อก็มีเรื่องจะคุยกับเราสองคนเหมือนกัน แต่เดี๋ยวเอาไว้กินข้าวกินปลากันก่อนก็แล้วกัน อีกสักประเดี๋ยวพ่อจะให้เขาตั้งโต๊ะแล้วละ รอเจ้าตรีกับยายลักษณ์ก่อน อีกไม่นานน่าจะมาถึง หนูคะน้าหิวหรือยัง เดี๋ยวลุงสั่งให้เจ้าบุ๋มบิ๋มมันเอาน้ำส้มคั้นมาให้” หญิงสาวจำต้องพยักหน้ารับแบบเลี่ยงไม่ได้ เพราะทันทีที่พูดจบเจ้าของบ้านก็สั่งเรียกคนรับใช้ร่างบึกบึน แต่ท่าเดินกระตุ้งกระติ้งคนนั้นทันที “พ่อครับ” “เป็นอะไรไปเจ้าโต ดูสีหน้าร้อนอกร้อนใจยังไงพิกลนะไอ้ลูกคนนี้” “ผมกับคะน้าขอคัดค้านเรื่องที่พ่อกับลุงสมคิดอยากจะจับคู่พวกเรานะครับ” ปริญญ์ตัดสินใจโพล่งสิ่งที่เขาอยากจะพูดออกไปทันที ก่อนที่อะไรมันจะยืดเยื้อจนไม่สามารถแก้ไขได้ “ผมได้ยินพ่อพูดกับเจ้าเล็กเมื่อครู่โดยบังเอิญน่ะครับ” แม้จะแปลกใจในทีแรกแต่ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของปริตรนัก “แกมีคนรักแล้วหรือไงเจ้าโต” แน่นอนว่าเขารู้ว่าลูกยังไม่มีใคร ยิ่งทำให้ทุกอย่างง่ายเข้าไปอีก “ก็ยังไม่มีหรอกครับ” การที่ต้องบอกว่าตัวเองเป็นโสดต่อหน้าผู้หญิงนี่ เป็นอะไรที่ทำให้เขารู้สึกขัดเขินได้ไม่น้อย “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เห็นจะมีปัญหา ในเมื่อแกก็ยังไม่มีใคร แถมอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ถ้ารอให้แกหาเมียเอง ถามหน่อยเถอะ พ่อจะต้องรอไปอีกกี่ปี” “ผมยังสนุกกับงานอยู่ครับ และยังไม่คิดจะสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย พ่อก็รอลูกสะใภ้จากเจ้าตรี เจ้าสี่ หรือเจ้าเล็กก็ได้นี่ครับ” สองศรีพี่น้องที่ตั้งใจฟังอยู่แต่แรก รีบส่ายหน้าพร้อมกันแบบถี่ๆ โดยที่มิได้นัดหมาย “แต่พ่ออยากอุ้มหลานที่เกิดจากลูกชายคนโตนี่ ถ้าปัญหาของแกมีแค่เรื่องงานละก็ พ่อไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาตรงไหน เพราะพอแต่งงานเสร็จพ่อกับพ่อของหนูคะน้าตกลงกันแล้วว่าจะให้น้องย้ายมาอยู่ที่นี่ แล้วแกก็ยังใช้ชีวิตของแกได้อย่างปกติเหมือนเดิมแทบจะทุกอย่าง” “แต่ผมกับคะน้าแทบจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ยังไงพ่อก็ควรจะถามความสมัครใจของน้องดูก่อนนะครับ” เพราะมั่นใจเกินร้อยว่าหญิงสาวจะต้องเอ่ยปากปฏิเสธเรื่องนี้อย่างแน่นอน ทำให้เขาปัดความลำบากใจครั้งนี้ไปให้เธอช่วยแก้ปัญหาต่อ ปริตรมองลูกสาวของเพื่อน ที่นั่งเงียบมาตั้งแต่แรก ก่อนจะเอ่ยปากถาม “ขอโทษทีนะหนู ที่ลุงกับพ่อเราทำอะไรโดยที่ไม่ได้บอกหนูก่อน แต่ก็เอาเถอะ โบราณท่านว่าไว้ ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ ถ้าเจ้าโตมันไม่มีปัญหาอะไรนอกจากเรื่องงาน แล้วหนูคะน้าล่ะ จะปฏิเสธการเข้ามาเป็นครอบครัวธีรการณ์ของเราหรือเปล่า” “ไม่ค่ะ คะน้าไม่มีปัญหา” คณานางค์คิดอย่างลำพองเมื่อพูดจบประโยคแล้วเหลือบไปเห็นสีหน้าตกใจเวอร์ของปริญญ์ เขาคงคิดละสิว่าเธอจะตามตามที่เขาสั่ง ขอโทษทีเถอะ คนอย่างคณานางค์ไม่เคยมีใครมาออกคำสั่งได้ และเขาจะได้รู้วันนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม