คนตัวเล็กนอนหลับสบายอยู่บนที่นอนนุ่ม พลิกกายเอื้อมแขนเรียวควานหาร่างสูงที่นอนกกกอดให้ความอบอุ่นเธอมาตลอดคืน มีเพียงแต่ความว่างเปล่า
หญิงสาวค่อย ๆ เปิดเปลือกตาคู่สวยเหลือบตามองนาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะข้างเตียงบอกเวลาเกือบเที่ยงวัน
หญิงสาวยันกายลุกขึ้นเดินไปเปิดผ้าม่านออกเพื่อรับแสง แล้วเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่น ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากในห้องครัว เธอจึงเดินเข้าไปดู
ร่างสูงสวมเพียงกางเกงออกกำลังกายผ้าร่มขาสั้น ท่อนบนเปลือยเปล่ามีเพียงผ้ากันเปื้อนสวมอยู่ด้านหน้า ชายหนุ่มกำลังง่วงอยู่กับการทำอาหาร แต่งตัวแบบนี้เขาน่าจะพึ่งออกกำลังกายเสร็จ
เธอยืนพิงขอบประตูแอบมองเขาจากด้านหลัง เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ร่างสูงใหญ่กล้ามแน่นหุ่นแซ่บมีได้เพราะวินัยล้วน ๆ กิจกรรมบนเตียงเมื่อคืนลากยาวจนถึงเช้ามืดเล่นเอาเธอเกือบสลบ แต่เขายังมีแรงตื่นมาออกกำลังกายได้อีก
ถ้าตัดความเจ้าชู้ออกไป ภีมภากรเป็นผู้ชายที่สุดแสนจะเพอร์เฟกต์ ยิ่งช่วงแรก ๆ ที่เขาจีบเธอ เธอตกหลุมรักเขาอย่างง่ายดายในเวลาอันสั้น
ไม่ใช่แค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่เป็นที่ถูกใจของเธอและผู้หญิงหลายคน แต่เขายังเป็นผู้ชายพูดเพราะ อ่อนโยน และโรแมนติกที่สุด
เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบ เขารู้วิธีเอาใจผู้หญิงและทำมันออกมาจากความเป็นเขาเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เขาคือผู้ชายในฝันของเธอ
ไม่ใช่แค่ทำงานนอกบ้านเก่ง ภีมภากรยังทำอาหารเป็นและอร่อยมากด้วย
หลังจากจบปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ มหาลัยรัฐอันดับต้น ๆ ของประเทศ ภีมภากรไปเรียนต่อปริญญาโทสาขาเดียวกันที่อเมริกา
ตอนอยู่ต่างประเทศเขามีโอกาสได้ทำอาหารไทยทานเองเป็นประจำ เขาจึงทำอาหารไทยได้หลากหลายอย่าง
แตกต่างจากเธอโดยสิ้นเชิง เธอมาจากครอบครัวที่ฐานะไม่สู้ดีนัก ไม่ได้มีพี่เลี้ยงหรือแม่บ้านอย่างเขา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
เธอเป็นคนสวยและเรียนหนังสือเก่งกว่าพี่น้องคนอื่น เธอจึงเป็นลูกรักของพ่อแม่ เธอไม่เคยต้องทำอะไรเอง กับข้าวไม่เคยทำ ผ้าไม่เคยซัก งานบ้านไม่เคยหยิบจับ
ยิ่งย้ายมาอยู่กับภีมภากร ยิ่งแล้วใหญ่ เขามีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดคอนโดทุกวันเวลาที่เขาและเธอออกไปเรียนและทำงาน ถ้าวันไหนที่ทั้งคู่อยู่ในคอนโดด้วยกันทั้งวันแล้วต้องการความเป็นส่วนตัวก็จะงดให้แม่บ้านเข้ามา
เรื่องอาหารการกิน เธอมักจะสั่งเข้ามาทานที่บ้านกับเขาหรือออกไปทานข้าวข้างนอกด้วยกัน วันเสาร์อาทิตย์ถ้าไม่ได้ออกไปไหน เขาก็จะเป็นคนทำให้เธอทาน วัตถุดิบต่าง ๆ แม่บ้านจะเป็นคนซื้อเข้ามาไว้ให้
เธอไม่ชอบทำกับข้าวและไม่ชอบทำงานบ้าน เธอกลัวเล็บที่ต่อมาพัง เขาไม่เคยว่าและก็ไม่เคยเรียกร้องให้เธอทำ นอกจากไปเรียนหรืออยู่กับเขา เวลาที่เขาไปทำงาน เธอมักจะใช้เวลาไปกับการช็อปปิง เข้าร้านทำผม ทำเล็บ สปาหรือคลินิกดูแลผิว
“ฮัดเช้ย” กลิ่นฉุนของพริกและกระเทียมที่ผัดกับน้ำมันทำให้เธอจามออกมา
“ตื่นแล้วหรอครับ ผมกำลังทำกระเพราหมูสับไข่ดาว กิ๊งไปอาบน้ำแต่งตัวสิ จะได้ออกมากินข้าวกัน”
เขาพูดในขณะที่มือยังคงจับตะหลิวผัดอยู่ในกระทะ หันมายิ้มหวานให้เธอหนึ่งทีแล้วหันกลับไปสนใจผัดกระเพราในกระทะต่อ
เธอเดินเข้าไปหาเขาแล้วยกแขนสองข้างโอบกอดเขาจากด้านหลัง
“ตัวผมเหม็นเหงื่อ พึ่งออกกำลังกายเสร็จยังไม่ได้อาบน้ำเลย” เขารีบเอ่ยเตือนเธอ
“เหงื่อออกแต่คุณภีมก็ยังตัวหอมที่สุด” เธอออดอ้อนซบแก้มเนียนลงบนต้นแขนแกร่ง
เขายิ้มกว้างก้มหน้ากดจูบลงบนเรือนผมนุ่มของเธอ
“ไปอาบน้ำเถอะครับ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว”
“แต่กิ๊งอยากให้คุณภีมอาบให้” เธอกดปากนุ่มจุ๊บต้นแขนของเขารัว ๆ
“อ้อนขนาดนี้ผมจะปฏิเสธได้หรอ” เขาอมยิ้มให้กับความขี้อ้อนของคนตัวเล็ก
เขาเอื้อมมือกดปิดเตาแล้วหยิบฝามาครอบกระทะ โอบเอวคนตัวเล็กเดินเข้าไปอาบน้ำพร้อมกัน
สองร่างยืนกอดกันแน่นใต้ฝักบัว ปล่อยให้หยาดน้ำไหลชำระล้างร่างกายของทั้งคู่ สองร่างโอบกอดกันแน่น จุดกึ่งกลางกายของทั้งสองขยับเข้าหากันอย่างเป็นจังหวะ
เสียงหอบหายใจถี่ ทั้งคู่พากันไปแตะขอบสวรรค์พร้อมกันหลายต่อหลายรอบ กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็เกือบชั่วโมง กว่าจะได้ทานข้าวเช้าก็เกือบบ่ายโมง
หลังจากทานข้าวมื้อแรกของวันเสร็จทั้งคู่ก็ออกมานอนเกยกันอยู่บนโซฟา เปิดดูซีรีย์เรื่องโปรดด้วยกัน กระทั่งสายโทรศัพท์ของคนตัวโตดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเรื่องงานจึงกดรับ แล้วนั่งคุยอยู่ที่เดิมข้างเธอ
เธอหยิบรีโมททีวีกดหยุดซีรี่ย์ไว้รอดูต่อพร้อมเขา เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูอินสตาแกรมไปเรื่อย ๆ จนไปสะดุดตากับโพสต์ล่าสุดของนีน่า หนึ่งในเพื่อนสนิทของเธอ
ภาพของเพื่อนสนิทคนสวยไม่แพ้กันกับเธอแต่งตัวจัดเต็มยืนถือช่อดอกไม้ พิงอยู่ข้างรถบีเอ็มดับเบิลยูสปอร์ตคันหรูป้ายแดงที่จอดอยู่ในโชว์รูมพร้อมคำบรรยายใต้ภาพ ‘ของขวัญวันเรียนจบ ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี’ และอิโมจิรูปหัวใจสีแดง
เธอกดถูกใจแล้วพิมพ์คอมเมนท์ใต้รูป ‘อู้ย รถสวย’ ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีคอมเมนต์ตอบกลับของนีน่าโชว์ขึ้นทันที ‘สวยจริง จัดเลย’ เธอกดถูกใจคอมเมนท์ของนีน่าแล้วกดปิดหน้าจอโทรศัพท์วางลงบนโต๊ะพอดีกับที่เขากดวางสาย
“คุณภีมคะ เราจะไปฉลองสอบเสร็จของกิ๊งเมื่อไหร่คะ” เธอเอ่ยทวงเขา
“คืนนี้ครับ ผมจองร้านไว้แล้ว เย็นนี้กิ๊งแต่งตัวสวย ๆ นะ เดี๋ยวเราไปดินเนอร์กันครับ รับรองบรรยากาศสวย อาหารอร่อย ถูกใจกิ๊งแน่นอน”
เธอยิ้มกว้างทันทีกับคำตอบที่ได้รับ
“แต่กิ๊งไม่มีเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่เลย”
ไม่มีอะไรใส่เสียที่ไหนล่ะ เสื้อผ้าเต็มตู้จนใส่ไม่แทบทัน แต่เพราะเธอแอบสั่งเสื้อผ้าไว้หลายชุด จึงหาเรื่องให้เจ้ามือไปจ่าย
“งั้นเดี๋ยวดูซีรี่ย์ตอนนี้จบ เราออกไปช็อปปิงกันดีไหม”
ในเมื่อเขาเสนอ เธอต้องรีบสนอง!
“ดีค่ะ คุณภีมน่ารักที่สุดเลย”
เธอโอบกอดเขาอย่างออดอ้อนหอมแก้มเขาซ้ายขวาฟอดใหญ่
หลังดูซีรี่ย์จบตอนเธอและเขาก็พากันออกไปห้างหรูที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด เธอคะยั้นคะยอขอเป็นคนขับรถให้เขานั่ง
ไม่ทันที่เขาจะได้ปฏิเสธ คนตัวเล็กรีบดึงมือเขามาที่รถของเธอ เปิดประตูรถมินิที่มินิสมชื่อ ก่อนจะดันให้คนตัวโตลงไปนั่งแล้วปิดประตูรถทันที ร่างเล็กรีบวิ่งไปขึ้นอีกฝั่งแล้วสตาร์ทรถขับออกไป
เขาแปลกใจเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเสนอตัวเป็นคนขับรถให้เขานั่ง มินิคูเปอร์คันเก่งของเธอที่ใช้ขับมาได้เพียงสองปีกว่าแต่คนซื้อพึ่งได้ลองนั่งเป็นครั้งแรก
“กิ๊งขับเป็นไงบ้างคะ นิ่มไหม” เธอเอ่ยถามขณะที่มือจับอยู่ที่พวงมาลัย สายตาจดจ้องไปที่ถนนข้างหน้า
“นิ่มครับ ผมซื้อคันนี้ให้กิ๊งสองปีกว่า พึ่งจะได้นั่งครั้งแรกเลยนะเนี่ย”
เขาปรับเบาะไปจนสุดนั่งขยับขาไปมาอย่างไม่สะดวกสบายนัก รถคันจิ๋วพอดีกับคนตัวเล็กอย่างเธอแต่ช่างไม่พอดีกับคนตัวใหญ่ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดเซนอย่างเขาเสียเลย
ไม่ถึงสิบห้านาที มินิคูเปอร์คันงามก็เลี้ยวเข้ามาจอดตรงที่จอดรถวีไอพี เขาขยับขายาว ๆ ก้าวออกจากรถ ยืนบิดเอว เขย่งเท้าขึ้นลงไปมาเพื่อคลายความเมื่อย
เธอจูงมือเขาเข้าร้านนั้นร้านนี้ เลือกของตัวเองไม่พอ คนสวยของเขายังเลือกเสื้อผ้าให้เขาด้วย คนใจดีก็เดินหิ้วถุงช็อปปิงตามอย่างไม่ขัด
“สวยไหมคะ” เธอเอ่ยถามเขาที่นั่งรออยู่บนโซฟาหลังเดินออกมาจากห้องลองชุด
ชุดเดรสสั้นสีไข่มุกมีกากเพชรแวววับระยิบระยับอยู่บนเนื้อผ้า
“สวยครับ กิ๊งของผมใส่อะไรก็สวย”
เธอยิ้มเขินส่งสายตาหวานเยิ้มให้เขา เข้าไปลองชุดอื่นอีกหลายชุดที่สั่งไว้ให้เขาดู ไม่ถึงสองชั่วโมง เขารูดบัตรไปเกือบครึ่งล้าน!
เขาไม่เคยเปย์ผู้หญิงคนไหนหนักเท่าเธอ เงินเดือนเดือนละสองแสนไม่เท่าไหร่แต่เจ้าหล่อนขอปะปราย ขอยิบขอย่อยตลอด แต่เขาก็ไม่เคยบ่น ถือว่าตอบแทนความอดทนและความซื่อสัตย์ที่เธอมีให้เขา หลายครั้งเขาเผลอไผลทำให้เธอเสียใจ
หลังจากเดินช็อปปิงเสร็จ ทั้งสองก็เอาถุงเสื้อผ้าที่ซื้อมาไปเก็บไว้ที่รถมินิคันจิ๋วของเธอ จากนั้นเธอก็ชวนเขาไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตที่ชั้นล่างต่อ เขาเดินเข็นรถเข็นช่วยเธอเลือกผลไม้
“คุณภีมอยากให้กิ๊งลองทำอาหารให้กินบ้างไหมคะ”
เธอเอ่ยถามถึงสิ่งที่ไม่เคยคิดถามเขามาก่อน ชายหนุ่มเป็นฝ่ายทำให้เธอทานตลอด ครั้งนี้เธอนึกอยากเอาใจเขาบ้าง เล็บพังช่างมัน ค่อยทำใหม่
“กิ๊งอยากลองทำหรอครับ”
“ค่ะ กิ๊งอยากทำให้คุณภีมกินบ้าง”
“เอาสิ แล้วกิ๊งอยากทำเมนูไหน”
“ผัดกระเพราดีไหมคะ เริ่มจากเมนูง่าย ๆ ก่อน”
“ดีครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมสอนเอาไหม” เขาดีใจรีบเอ่ยปากว่าจะสอนเธอทันที
เขาไม่เคยบังคับ ไม่เคยร้องขอ แต่ลึก ๆ เขาก็ชอบผู้หญิงที่พอจะทำกับข้าวได้บ้าง งานบ้านไม่ต้องทำก็ได้เพราะเขาสามารถจ้างแม่บ้านได้
แต่อาหารที่ทำเองมันดีกว่าซื้อทานเป็นไหน ๆ เหมือนอย่างที่แม่เขาชอบทำให้เขาทาน ถึงจะมีแม่ครัวที่บ้าน แต่กับข้าวฝีมือแม่ก็อร่อยกว่าเป็นไหน ๆ เพราะมันอบอวลไปด้วยความรักของคนทำที่ใส่ใจทำให้คนที่รักทาน
“ดีค่ะ วันนี้เรากินกระเพราหมูสับไปแล้ว พรุ่งนี้ทำกระเพราไก่แล้วกันนะคะ” เธอรีบเลือกเนื้อสัตว์ทันที กลัวเขาจะเลือกอาหารทะเล เธอไม่อยากแกะกุ้ง
“โอเคครับ” เขารีบตกปากรับคำ เมนูอะไรก็ได้ ขอแค่เธอลองทำ เขาก็ดีใจแล้ว
“ขอบคุณค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขา เขายิ้มตอบ
ทั้งสองเลือกซื้อของอีกหลายอย่าง รวมถึงวัตถุดิบสำหรับทำกระเพราไก่พรุ่งนี้ด้วย เมื่อได้ทุกอย่างครบแล้วจึงเข็นรถเข็นไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์
กุ๊งกิ๊งขอแยกออกไปดูของที่ร้านขายเครื่องสำอางที่อยู่ละแวกเดียวกันกับซูเปอร์มาร์เก็ต ระหว่างที่ภีมภากรเข็นรถเข็นไปเข้าแถวรอจ่ายเงิน ร่างสูงหันไปเห็นใครคนหนึ่งที่ยืนต่อแถวจ่ายเงินอยู่เคาน์เตอร์ถัดไป
ชายคนนั้นยืนหันหลังอยู่ แผ่นหลังคุ้นเหมือนใครคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่ทันไร ผู้ชายคนนั้นก็หันหน้ามาทางเขา
“อ่าว พี่ภาม มาทำอะไรหรอครับ” เขาเอ่ยทักพี่ชายคนโตด้วยความประหลาดใจ
‘ภามภากร’ ลูกชายคนโตของเจ้าสัวภพธรรม รองประธานบริษัทพีเคเอ็น คอนสตรัคชัน พี่ชายคนโตของเขางานยุ่งที่สุดในบรรดาพี่น้องทุกคน ไหงวันนี้ถึงมีเวลามาเดินซุปเปอร์มาเก็ตได้
ภามภากรเห็นน้องชายคนสุดท้องก็ตกใจ แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรออกไป เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา
“คุณพ่อขา อุ้ม ๆ”
เด็กผู้หญิงผิวขาวจั๊ว ตากลมโตหน้าตาจิ้มลิ้ม เดินเข้ามาหาพี่ชายของเขาเรียกร้องขอให้อุ้ม
ภีมภากรเกิดอาการช็อกตาค้างขึ้นมาชั่วขณะไม่ต่างจากพี่ชายของเขา คนเป็นพี่ได้สติก่อนเมื่อเสียงเล็กตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณพ่อขา อุ้มน้องพราวหน่อยค่า”
เด็กน้อยกระโดดเกาะขาพี่ชายของเขา ภามภากรย่อตัวลงอุ้มเด็กน้อยที่เรียกตัวเองว่า ‘น้องพราว’ ขึ้นไว้ในอ้อมแขน
“ลูกสาวพี่เอง”
ฮะ ลูกสาวงั้นหรอ
พี่ชายของเขามีลูกโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงจะงานยุ่งยังไง สามหนุ่มพี่น้องก็ยังได้เจอกันที่บริษัทแทบทุกวัน ถ้าไม่ติดธุระที่ไหนก็จะนั่งทานข้าวกลางวันที่บริษัทด้วยกัน เจอหน้ากันเกือบทุกวันแต่ทำไมเขาไม่เคยรู้ว่าพี่ภามมีลูกแล้ว!
“…”
ภีมภากรพูดไม่ออก จ้องมองเด็กน้อยตาไม่กะพริบก่อนจะเหลือบไปเห็นหน้าตาตกใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังพี่ชายของเขา
เธอคือใคร เป็นอะไรกับพี่ชายของเขากัน แฟน? เมีย? พี่เลี้ยง? หน้าตายังดูเหมือนเด็กมัธยมอยู่เลย
“นี่ แม่ของน้องพราว ชื่อเพียง เพียงครับ นี่น้องชายคนเล็กของผม ชื่อภีม”
ภามภากรเห็นสายตาของน้องชายที่กำลังมองหน้าเพียงดาวด้วยความงงงวย จึงพูดขึ้นเพื่อไขข้อสงสัยให้แก่เขา
“สวัสดีค่ะ คุณภีม” เพียงดาวยกมือไหว้คนอายุมากกว่า
“สวัสดีครับ คุณเพียง” เขาตอบกลับอย่างมีมารยาท
“หลานแท้ ๆ ของผมหรอครับ”
เขาหันกลับมาสนใจเด็กสาวในอ้อมแขนพี่ชายอีกครั้ง เด็กน้อยจ้องเขากลับตาแป๋ว
“น้องพราวคะ สวัสดีคุณอาภีมสิคะ” ภามภากรบอกลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน
“สวัสดีค่ะคุณภีม” พราวฟ้าพนมมือไหว้คุณอาตามที่คุณพ่อสอน
“สวัสดีครับน้องพราว กี่ขวบแล้วครับ”
“สามขวบค่า” เด็กน้อยบอกอายุตัวเองพร้อมชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
ภีมภากรยิ้มให้เด็กน้อยที่ทำท่าน่ารัก ยังคุยกันไม่ทันจบก็ถึงคิวจ่ายเงินของทั้งสองเคาน์เตอร์
ภีมภากรเข็นรถเข็นเข้าไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ด้วยคำถามมากมายในหัว จ้องมองเด็กน้อยและหญิงสาวแม่ของลูกพี่ชายสลับกันไปมา จนเมื่อพี่ชายของเขาจ่ายเงินเสร็จแล้วจึงหันมาหาเขาแล้วเอ่ยลา
“ไว้คุยกันที่บริษัท”
“ครับ”
ภีมภาภรมองตามหลังสามคนพ่อแม่ลูกด้วยคำถามมากมายที่อยู่ในหัว กลับไปทำงานวันจันทร์เขาคงต้องแวะเข้าไปคุยกับพี่ชายเสียหน่อย