“เบาหน่อย เฮ้ย”
กฤตินยิ้มกริ่ม เพื่อนของเขาเสือไม่สิ้นลายจริง ๆ เมื่อกี้ยังหน้าบึ้งตึง ตอนนี้ทั้งยิ้ม ทั้งหัวเราะ ทั้งจูบ ทั้งไซ้ ทั้งล้วง ทั้งบีบ จนพีอาร์สาวร้านเขาอ่อนระทวย อีกนิดแทบจะขึ้นคร่อมกันอยู่แล้ว
“มึงเบามากมั้ง”
“ของกูมันคุ้นเคยกันแล้ว ของมึงพึ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมง ให้เวลาน้องเขาเขินบ้างสิ” กฤตินแกล้งแซวไปอย่างนั้น
“มายด์ครับ ผมขอน้ำแข็งเพิ่มหน่อย”
กฤตินหันไปสั่งพีอาร์สาวที่ช่วงนี้เขากำลังคั่วอยู่
“งั้นมินนี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะคุณภีม”
“ให้ผมไปด้วยไหมครับ”
เขายิ้มส่งสายตากรุ้มกริ่มให้พีอาร์สาวสวย มินนี่สบตาตอบกลับอย่างรู้ความหมาย
“ใจเย็นสิคะ เดี๋ยวมินนี่มาค่ะ”
เธอกดหอมแก้มภีมภากรหนึ่งฟอดก่อนจะลุกออกจากตักเขา
“ถูกใจมากหรอวะ”
“หน้าสวย นมใหญ่ ตูดแน่น น่าฟัดฉิบหาย”
เขาวิจารณ์พีอาร์สวยด้วยคำพูดหยาบ ๆ ตามประสาผู้ชายคุยกัน
“อายุแค่สิบเก้าเองนะ”
“ดูจากหน้า เชื่อว่าสิบเก้า แต่ถ้าดูจากหุ่น ไม่น่าใช่”
“เด็กสมัยนี้โตเร็ว”
กฤตินและภีมภากรหัวเราะออกมาพร้อมกันเสียงดัง
“เผลอแป๊บเดียว กูกับมึงก็สามสิบแล้ว เวลาเจอสาวอายุน้อย ๆ โดยเฉพาะเด็กมหาลัยแล้วรู้สึกแก่เลยว่ะ”
กฤตินกับเขารสนิยมเดียวกัน ชอบคบผู้หญิงเด็กกว่ามาก ๆ คบแล้วมีแพชชั่น คบแล้วโลกสดใส โดยเฉพาะเด็กนักศึกษา เห็นชุดแล้วเอ็นดู อยากให้ทุนการศึกษายังไงไม่รู้
แต่ตอนนี้อายุที่มากขึ้นทำให้ช่องว่างระหว่างวัยของเขากับเด็กสาวนักศึกษาเพิ่มขึ้น เขารู้สึกเหมือนเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อน
“กูยังไหวอยู่ หรือมึงไม่ไหว ฮ่า ๆ ๆ”
“สัตว์ หรือมึงจะแข่ง”
เขาท้าทายกฤตินแข่งจีบสาวนับแต้มอย่างที่เคยทำสมัยเรียนมหาลัยด้วยกัน
“ไม่เอา กูขี้เกียจ”
งานการของกฤตินเยอะแยะ นอกจากบริหารผับนี้ในตอนกลางคืน ตอนกลางวันเขาก็ต้องไปช่วยงานที่บริษัทของพ่อ ไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระเหมือนสมัยเรียนที่ต้องมานั่งจีบ นั่งเฝ้า พะเน้อพะนอสาวเพื่อให้ได้ ‘ฟัน’
หนุ่มโสดวัยทำงานไม่มีพันธะอย่างเขา ถ้าเขาอยากจะมีเซ็กส์ก็แค่ ‘ซื้อ’ ง่าย ๆ จบ
“กูก็พูดเล่นไปงั้นแหละ” ภีมภากรไหวไหล่แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ
สองหนุ่มเพื่อนสนิทนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยมองดูบรรยากาศรอบร้านอย่างเพลิดเพลิน
“เฮ้ย โคตรสวยเลยว่ะ” กฤตินจ้องมองผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเต้นอยู่กลางฟลอร์
“คนไหนวะ” ภีมภากรหันมองตามสายตาของกฤตินไปที่กลางฟลอร์
“คนนั้นไงที่ใส่ชุดสีแดง ผมสีดำยาว ๆ”
“หน้าคุ้น ๆ”
ภีมภากรจ้องมองผู้หญิงที่กฤตินพูดถึงอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาคับคล้ายคับคลาว่าเคยเห็นเธอที่ไหน
“ไม่ใช่ว่ามึงเคยได้แล้วหรอ”
“ไม่ใช่เว้ย”
“ก็ดี กูจะได้จีบ”
แม้ว่าพวกเขาจะสนิทกันแค่ไหนแต่ก็ไม่มีรสนิยมใช้ผู้หญิงซ้ำกัน
‘พลอยลลินณ์’ หมุนตัวหันหน้ามาทางเขาและกฤติน ภีมภากรได้เห็นหน้าพลอยชัด ๆ ก็จำได้ทันทีว่าเธอคือใคร
“อ๋อ กูจำได้แล้ว เด็กฝึกงานที่บริษัทกู เพื่อนกิ๊ง”
“โลกกลมแหะ”
กฤตินพูดพึมพำทอดสายตามองพลอยที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกไปมาตามจังหวะเพลง ใบหน้าสวยยิ้มกว้าง ลักยิ้มบุ๋มน่ารักนั่นทำเอาใจเขาเต้นระรัว
สองหนุ่มนั่งดูสาว ๆ เต้นไปเพลิน ๆ พลันสายตาของภีมภากรไปสะดุดที่แผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกซบอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง
เอ๊ะ ทำไมเหมือนขนาดนี้
แผ่นหลังของผู้หญิงคนนี้เหมือนคนตัวเล็กที่น่าจะหลับอยู่ที่คอนโดของเขา เป็นไปได้ยังไง ร่างสูงลุกขึ้นยืนเตรียมจะก้าวเท้าเข้าไปดูหน้าของเธอ พลันหญิงสาวคนนั้นหันมาทางเขาพอดี
กุ๊งกิ๊งสบตาเขาแล้วกระตุกยิ้ม ภีมภากรชะงัก เขาไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่ตอนนี้และในสภาพนี้ ดวงตาคมแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวทันที
กุ๊งกิ๊งไม่ได้สนใจอาการของคนตรงหน้า เธอเลื่อนมือที่คล้องคอภาวินลูบไล้เลื่อนลงมาที่หน้าอกของชายหนุ่มไปจนถึงบั้นเอว
“ไปไหนวะ” กฤตินกำลังโฟกัสอยู่ที่พลอยพึ่งสังเกตเห็นเพื่อนของเขากำลังเดินตรงดิ่งไปที่กลางฟลอร์จึงเดินตามไป
ภีมภากรเลือดขึ้นหน้าก้าวเดินอย่างรวดเร็วมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังเต้นอย่างถึงเนื้อถึงตัวอยู่ เขากระชากเธอออกจากภาวิน
“มาทำอะไรที่นี่”
เขาหันมาตวาดใส่เธอ ไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่หันมามอง
“…”
“แล้วมึงเป็นใคร มายุ่งอะไรกับคนของกู”
เมื่อคนตัวเล็กไม่ตอบกลับ เขาจึงหันไปเอาเรื่องกับภาวินแทน
“กูเป็นใครไม่ใช่เรื่องของมึงและที่สำคัญกูจะยุ่งกับใครก็ได้ ถ้ากิ๊งเป็นคนของมึง ทำไมมาเต้นอยู่กับกูได้ตั้งนาน”
ภาวินตอกกลับภีมภากรอย่างไร้ซึ่งความกลัวใด ๆ มันไม่ใช่เรื่องของเขาก็จริง แต่นึกหมั่นไส้ผู้ชายตรงหน้านี้ไม่ได้
ภีมภากรโมโหสุดขีดตรงปรี่เข้าไปคว้าคอเสื้อภาวินเตรียมจะยกกำปั้นขึ้นตะบั้นหน้ากวน ๆ นั่น
“เฮ้ย ใจเย็น”
กฤตินเดินเข้ามาคว้าตัวเพื่อนสนิทได้ทัน เขารีบดึงภีมภากรออกมา ไม่อยากให้แขกคนอื่นตกใจ การ์ดของร้านรีบเข้ามาเคลียร์สถานการณ์ตรงหน้า
“อย่ามายุ่งกับคนของกูอีก”
ภีมภากรตวาดเสียงดังจ้องตาภาวินอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ภาวินยักไหล่แล้วเดินออกไป เขาไม่ได้กลัว แค่ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเอาตัวเองเข้าไปเจ็บเพื่อผู้หญิงที่ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขา
“อ่าว น้องกิ๊ง มาอยู่ที่นี่ได้ไง”
กฤตินที่กำลังงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า แต่เมื่อหันไปเห็นร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างหลังภีมภากร เขาก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ ว่าต้นเหตุมันเกิดมาจากอะไร
“กูกลับและ”
กุ๊งกิ๊งไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็เอ่ยลาเพื่อนสนิทแล้วคว้าข้อมือบางของเธอเดินออกไปจากร้าน
“อะไรของมันวะ”
กฤตินพึมพำออกมา เมื่อกี้ยังบ่นกับเขาอยู่ว่าอยากเลิก แต่พอเห็นหญิงสาวอยู่กับผู้ชายคนอื่นก็หึงหวงจนออกอาการขนาดนี้
ปากแข็งเหลือเกิน!
มินนี่เดินกลับมาที่โต๊ะทันได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็หัวเสียทันที มัวแต่เล่นตัวเยอะไปหน่อย เธอเลยพลาดทำของดีอย่างภีมภากรหลุดมือไปเสียอย่างนั้น
**********
คนตัวเล็กถูกลากออกมาขึ้นรถเฟอร์รารี่สีแดงคันหรูของเขาที่จอดอยู่หน้าผับ
“โอ๊ย กิ๊งเจ็บนะ”
เธอสะบัดมือเขาออก ความโกรธทำให้เขาเผลอบีบรัดข้อมือของเธอแน่นจนขึ้นเป็นรอยแดง
คนตัวโตรู้สึกผิดที่เห็นรอยแดงบนข้อมือของเธอ แต่ด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นอยู่ เขาจึงไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษเธอออกไป
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
“กิ๊งมาฉลองสอบเสร็จกับเพื่อน” ภีมภากรสะอึก เขายังมีความผิดเรื่องที่ลืมนัดของเธอวันนี้
“แล้วมันเป็นใคร”
“เขาชื่อภาวิน เป็นเพื่อนของพี่ธันวา แฟนของดาริน เพื่อนสนิทกิ๊ง”
“แล้วทำไมต้องเรียกมันว่าพี่”
“ก็เขาเป็นรุ่นพี่มหาลัยเดียวกันกับกิ๊ง”
“แล้วทำไมต้องไปกอดกับมัน”
เขากัดฟันถามเธอเสียงแข็ง เธอคงลืมไปแล้วสินะว่าเธอเป็นของเขา เธอไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้น
“ก็แค่เต้นกันเฉย ๆ ค่ะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์ไปถูกเนื้อต้องตัวผู้ชายคนอื่น”
กุ๊งกิ๊งถึงกับสะดุ้งให้กับเสียงตวาดของเขา พยายามอย่างมากที่จะกดอารมณ์ตัวเองลงให้ได้มากที่สุดแต่ก็เผลอตอกกลับเขาเสียงแข็ง
“กิ๊งไม่มีสิทธิ์แต่คุณภีมมีสิทธิ์ทำได้ทุกอย่างใช่ไหมคะ”
“…”
“กิ๊งแค่อยากให้คุณภีมรู้บ้างว่ากิ๊งเจ็บขนาดไหนเวลาเห็นคุณไปมีอะไรกับคนอื่น” เธอเสียงสั่นระบายออกมาด้วยน้ำตาที่ไหลนองหน้า
“…”
“เดือนหน้าก็ครบรอบสามปีแล้ว กิ๊งอยากถามคุณคำเดียว คุณเคยรักกิ๊งจริง ๆ บ้างไหม”
“…”
เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ความเงียบคงเป็นคำตอบของเขา
“กิ๊งรักคุณค่ะ รักมากกว่าตัวเองเสียอีก กิ๊งอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ”
ไม่รู้ว่าคำบอกรักของเธอ จะสะกิดใจเขาบ้างไหม ต่อให้เขาไม่รักเธอ เธอก็จะไม่มีวันปล่อยเขาไปเด็ดขาด
ก็เธอรักของเธอหนิ เขาคือคนที่ให้ชีวิตใหม่กับเธอ ไม่มีเขา เธอคงไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างที่เธอใฝ่ฝันมาตลอด!