ตอนที่ 7 งานชิ้นที่สอง

1858 คำ
“น้องซี...” “ซีซ่าตื่นอยู่แล้วค่ะ พี่โด่งไม่ต้องตะโกน” ฉันเปิดผ้าห่มที่คลุมโปงอยู่ออก มองเงาของตัวเองที่ซ้อนอยู่ในกระจกโต๊ะเครื่องแป้งฝั่งตรงข้ามก็พบว่าขอบตาฉันดำยังกับหมีแพนด้าเลย “ตายแล้ว สาบานกับพี่หน่อยสิคะว่าเมื่อคืนคุณน้องเข้านอนตั้งแต่สองทุ่มน่ะ” “ฉันไม่ตอบ แต่หวนนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน ทั้งๆ ที่ฟาครีบอกว่าจะมารับไปดินเนอร์เพื่อที่จะเดตกันแบบผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนส่งเมสเสจมาย้ำฉันถึงสองครั้งว่า ‘ทุ่มตรงนะครับ พี่สาวอย่าลืมนะ’ แต่ทำไมตัวเขาเองถึง...ไมมา” “ไม่ตอบซะด้วย พี่ว่าคุณน้องไปอาบน้ำดีกว่าค่ะ วันนี้เราต้องไปเซ็นทรัลกันนะคะ” “ไปทำอะไรคะ” “มีงานเปิดตัวเครื่องเพชรที่นั่นค่ะ เขาจะให้คุณน้องใส่ชุดฟินาเล่ด้วยนะคะเดินแบบคู่กับน้องฟาครีนั่นแหละค่ะ” “อืม งั้นรอแป๊บนะคะ” “มาแล้วเหรอคะน้องซีซ่า พี่กำลังรออยู่” ผู้จัดการเครื่องเพชรวิ่งเข้ามาทางฉันอย่างดีใจ เป็นงานที่ใหญ่พอดูเลยนะเนี่ย มีแขกดังๆ มาร่วมงานมากมาย ดูท่าทางจะปิดชั้นหกเพื่อจัดงานโดยเฉพาะ “ให้ซีซ่าไปแต่งหน้าทำผมตรงไหนคะ” “นู่นเลยค่ะ ตรงนู้นเลย น้องฟาครีก็นั่งทำผมอยู่” ฉันพยักหน้าแล้วเดินแยกออกไป ส่วนผู้จัดการก็ยืนคุยเรื่องงานกับพี่โด่งต่อ “ไง มาซะไวเชียวนะ” ฉันทักฟาครี แต่หมอนั่นแค่เงยหน้าขึ้นมามองฉันเล็กน้อยเท่านั้นก็ก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ “เก่งดีนะ อ่านหนังสือกลับหัวก็เป็นด้วย” “หา” ฟาครีรีบก้มมองหนังสือตัวเองอีกครั้ง เหงื่อไหลลงมาหยดหนึ่งก่อนที่เขาจะกลับด้านหนังสือให้เป็นปกติ “มันเป็นทักษะเพิ่มความจำน่ะครับพี่สาว” ฟาครีเกาจมูกเบาๆ หน้าเขาแดงขึ้นเป็นริ้วๆ ท่าจะเกิดจากความอับอายซะล่ะมั้ง แต่ว่านะ...ฉันอยากถามเขาจังเลย เรื่องเมื่อคืน ว่าทำไม...ถึงไม่มา ไม่แม้แต่จะโทรมาบอก “น้องซีซ่ามาทางนี้เลยค่ะ อีกสองชั่วโมงงานก็เริ่มแล้ว มาแต่งหน้าแต่งตัวเร็ว” พี่กะเทยถึกเดินเข้ามาดึงฉันไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว ก่อนจะลงมือละเลงใบหน้าและผมของฉันอย่างชำนาญ “เอ่อ...ฟา..ฟาครี” “ครับ” “คือ...ทำไม...เอ่อ...” “…” “ทำไมหูนายทั้งสองข้างยาวไม่เท่ากันล่ะ” “หา” “เอ่อ...ช่างเถอะ ไม่มีอะไร” ฉันจบบทสนทนาลงแค่นั้น แล้วเอื้อมหยิบหนังสือมาอ่านฆ่าเวลาแทน สุดท้ายก็ไปกล้าถามสินะ ฉันน่ะ... การแต่งหน้าทำผมผ่านไปอย่างพิถีพิถัน เครื่องเพชรที่ฉันจะได้ใส่วันนี้เป็นเครื่องเพชรชุดฟินาเล่ที่ทำจากอัญมณีของทางตะวันตก ซึ่งเป็นอัญมณีที่หายากมากชนิดหนึ่ง เป็นสร้อยคอที่สวยมากเลยค่ะ แต่ราคาของมันทำเอาขนหัวฉันแทบร่วงเพราะราคาขั้นต่ำสุดก็...สามล้าน “แล้วไหนชุดของซีซ่าล่ะคะ” ฉันหันไปถามพี่กระเทยถึกที่เป็นคนแต่งหน้าให้ฉัน ชุดของฟาครีก็ได้มาแล้ว งั้นชุดฉันล่ะทำไมยังม่มาอีก “อ้อ...ชุดของน้องซีซ่าเพิ่งมาถึงเมื่อกี้เองค่ะ ไปใส่ได้เลย อยู่ที่ห้องแต่งตัว” “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่” ฉันลุกขึ้นเดินไปที่ห้องแต่งตัว ในห้องแต่งตัวมีพี่ทีมงานที่รอช่วยฉันแต่งตัวเพียงคนเดียว ชุดของฉันในวันนี้เป็นชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่เข้ากับฉันเป็นอย่างดี มันเป็นชุดกระโปรงยาวที่ปักเลื่อมใสๆ และเพชรเม็ดเล็กๆ ไว้ทั้งชุด ถ้าปิดไฟทีคงส่องประกายน่าดู เป็นกระโปรงยาวเกาะอกได้รูป ใส่คู่รองเท้าแก้วใสและที่ชุดนั้น ข้างหลังก็มีปีกสีขาวเล็กๆ ติดอยู่ “ทำไมมีปีกด้วยล่ะคะ” “อ๋อ...มันคือคอนเซปต์น่ะค่ะน้องซีซ่า คอนเซปต์นางฟ้ากับซาตาน” ซาตานคงเป็นหมอนั่นสินะ ไอ้เด็กที่ผิดนัดฉันเมื่อคืน ‘ เอาล่ะครับทุกท่าน ต่อไปก็จะเป็นการเปิดงานด้วยการเดินแบบชุดเครื่องเพชรของทางบริษัทเรานะครับ ซึ่งเซอร์ไพรส์ที่เราเตรียมมาฝากทุกท่านก็คือคู่เดินแบบสุดยอดของเราในวันนี้ นั่นก็คือคุณฟาครีและคุณซีซ่าครับ’ แปะๆๆๆ ‘ขอเชิญพบกับ ชุดเครื่องเพชรที่สวยที่สุดในโลกได้เลยครับ’ นางแบบและนายแบบที่ใส่ชุดเครื่องเพชรปกติไม่ใช่ชุดเครื่องเพชรฟินาเล่เหมือนของฉันเดินขึ้นไปก่อน ประมาณยี่สิบคนเห็นจะได้ ถึงปิดท้ายด้วยฉันกับฟาครี ความจริงหมอนี่เองไม่มีเครื่องเพชรสักนิดเลยนะ แต่ดูท่าว่าบริษัทนี่คงต้องการคอนเซปต์แบบคู่เพื่อเรียกเรตติ้ง ก๊เลยเอาฉันกันฟาครีมาคู่กัน โดยให้ฟาครีใส่แค่กางเกงขายาวสีดำผ้ากำมะหยี่และสร้อยรูปไม้กางเขนสีดำกับปีกที่นำมาสวมเหมือนสะพายกระเป๋านักเรียนเท่านั้น ปีกที่ฟาครีใส่อยู่เป็นปีกสีดำสนิท ต่างจากฉันที่ทั้งตัวคือสีขาวล้วน “เอ่อ..ฟาครีคือเรื่อง...” ฉันหันไปไปหาฟาครีเพื่อจะถามเรื่องเมื่อคืนที่เขาผิดนัด แต่พอเห็นสีหน้าของเขาที่เหมือนกำลังกังวลอะไรสักอย่าง คำพูดมันก็หายลงไปในลำคอเองซะอย่างนั้น “อะไรครับ” “เอ่อ...นาย...นายมีเรื่องอะไรหรือเปล่า สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ” ฉันเปลี่ยนเรื่องถามในทันที จะมาแสดงออกให้เด็กอย่างนี้รู้ได้ยังไงล่ะว่าฉันอยากให้เขาอธิบายเรื่องที่ผิดนัดเมื่อคืนให้ฟัง “พี่สาวดูออกด้วยเหรอครับ” “ก็นายทำหน้าเหมือนกับอมเซ็นทรัลไว้ในปากซะขนาดนั้น ใครไม่รู้ก็บ้าแล้วย่ะ” “ฮะๆ ผมทำหน้าแบบนั้นเหรอครับ” “ก็อือสิยะ แล้วนายจะบอกฉันได้หรือยังว่าเครียดเรื่องอะไร” “ผมเหรอ...ไม่มีอะไรหรอกครับ” “อย่าโกหกฉัน” “ไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่กำลังเป็นห่วง” “เอ๋...” “ผู้หญิงที่ยังหลับไม่ยอมตื่นอยู่ที่โรงพยาบาลคนนั้นน่ะ” “นายพูด...” “ถึงคิวน้องฟาครีกับน้องซีซ่าแล้วค่ะ ไปเร็ว” พี่ทีมงานตะโกนเรียก ฉันจึงต้องหยุดเรื่องที่ต้องการจะรู้ไว้แค่นั้นแล้วมาสวมบทนางแบบมืออาชีพก้าวขึ้นเวทีไปด้วยท่วงท่าการดินที่สง่างาม ‘ก็แค่กำลังเป็นห่วง’ เวลาการทำงานผ่านไปอย่างลวดเร็ว ฉันรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดเพราะจะต้องรีบไปทำงานชิ้นต่อไปนั่นก็คือเดินแบบการกุศล ที่ฉันแอบเฮียไปทำโดยไม่บอก และแคนเซิลงานวันนี้ที่เฮียจัดไว้ให้ “พี่คะ พี่เห็นฟาครีมั้ยคะ” “น้องฟาครีเหรอคะ เมื่อกี้เห็นรีบเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกนอกงานไปแล้วน่ะค่ะ” “เหรอคะ” “ค่ะ” “ขอบคุณมากค่ะ” ฉันพยักหน้าแล้วยิ้มให้พี่ทีมงานเล็กน้อย จะรีบไปไหนของเขากันนะ หรือว่า...จะไปโรงพยาบาล ที่งานเดินแบบการกุศล เต็มไปด้วยนางแบบรุ่นพี่มากมายที่ต้องการจะทำบุญ ฉันมาถึงที่นี่เป็นคนสุดท้ายก็เดินเข้าไปห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดสำหรับประมูลในวันนี้ เพื่อเอาเงินที่ได้จากการประมูลชุดไปมองให้กับสถานสงเคราะห์เด็ก “ผมกับใบหน้าน้องซีซ่านี่สวยมากเลยนะฮ้า ไร้ที่ติจริงๆ หุ่นก็ไม่ผอมหรืออ้วนจนเกินไป แบบนี้พี่ว่ามีสิทธิ์ได้โมเดลระดับโลกนะฮ้า” พี่ช่างทำผมพูดขึ้นพร้อมกับลูบผมฉันอย่างเบามือ “ซีซ่าไม่ฝันถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ อีกอย่างซีซ่าเพิ่งจะอายุแค่ยี่สิบเอง แต่ซีซ่ารู้สึกเหมือนตัวเองทำตัวแก่กว่าอายุยังไงก็ไม่รู้” “ก็น้องซีซ่าเล่นดังเป็นพลุแตกตั้งแต่อายุยังน้อยนี่ฮ้า ประสบความสำเร็จดีไวเกินคาด คงจะเหนื่อยสินะ เห็นว่างานรัดตัวเลยนี่” “แหะๆ ก็พอสมควรค่ะ” “กับน้องฟาครีก็ด้วย พี่ล่ะลุ้นตั้งนานว่าจะรักกันมั้ย แล้วตกลงน้องสองคนคบกับหร์อยังล่ะฮ้า” “ก็กำลังดูๆ กันอยู่น่ะค่ะ” “โหย...ถ้าเป็นพี่นี่คว้าหมับแล้วนะฮะนั่น น้องฟาครีน่ะหน้าตาน่าฉุดที่สุดในวงการบันเทิงแล้วนะฮ้า พี่ล่ะอิจฉาน้องซีซ่าจริงๆ” “แหะๆ” ฉันต้องเตือนฟาครีให้ระวังพี่คนนี่ให้มากที่สุด เพราะถ้าวันไหนเกิดมีข่าวหมอนั่นหายตัวไปขึ้นมา ฉันมั่นใจเลยว่าโดนพี่คนนี้ฉุดเข้าบ้านชัวร์ “อ้าว...ซ่าใช่มั้ยน่ะ” ฉันละสายตาจากหนังสือที่อ่านไปมองต้นเสียง อ๊ะ! นั่นมัน ‘พี่เคียร์’ นี่นานักร้องเดี่ยวชื่อดังของวงการเพลงร็อคไทย “ค่ะ” เขาจะว่าฉันหยิ่งมั้ยนะ ก็ฉันมันพวกไม่ต้อนรับใครง่ายๆ นี่นา “เอ่อ...ดูเหมือนน้องซีซ่าจะกำลังยุ่ง งั้นพี่ไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” “เชิญค่ะ” ฉันพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อทันที “แหม...กลัวมีคนเห็นแล้วเอาไปบอกน้องฟาครีหรือไงฮ้าน้องซีซ่า เชิดซะ ฮี่ๆๆๆ” เกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย “กลับมาแล้วค่า” ฉันโยนกระเป๋าถือลงบนโซฟาแล้วทิ้งตัวนอนราบพิงกับโซฟาอีกตัว เฮ้อ...เหนื่อย “กลับมาแล้วเหรอคะน้องซีซ่า นี่งานเดินแบบเพื่อการกุศล หรืองานเข้าค่ายพักแรมคะ หายไปเกือบทั้งคืน” “ซีซ่าไปดื่มต่อมา...นิดหน่อยน่ะค่ะ พี่โด่งมีอารายเหรอค้า” “นี่คุณน้องไม่ได้มองเห็นอะไรในห้องรับแขกเลยเหรอคะ” “หือ? อะไรล่ะคะ” “ตายๆ ตาคุณน้องคงเบลอแล้วมั้งคะ เอางี้ ไปล้างล้างหน้าแล้วค่ดยมาดูให้ชัดๆ ไปค่ะว่าในห้องรับแขกมีอะไร” “อืมๆ ก็ได้ค่า” ฉันลุกขึ้นเดินเซไปที่ห้องน้ำชั้นล่างซึ่งอยู่ข้างห้องครัว อ๋อยมึมแหะ เมื่อกี้ไปนั่งดื่มคอกเทล ฉันล่อเตกีล่าไปหลายชอตอยู่เหมือนกัน ทำเอาร้อนไปทั้งหน้าทั้งตัวเลย โป๊ก! “โอ๊ย” หัวฉันโขกกับอะไรเข้าล่ะเนี่ย แงๆ เจ็บจัง “ปั๊ก!” อีกแล้ว นี่ต้องเป็นผลมาจากดริ๊งค์เตกีล่าหนักไปแน่เลย ฉันเดินไม่ตรงทางสักนิดเดียว พรืด... “ว้าย!” “ผมช่วยครับพี่สาว” ก่อนที่ฉันจะลื่นล้มหัวฟาดพื้น มือใหญ่กับน้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นและรับร่างของฉันไว้ได้ทันเวลา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม