ตอนที่ 6 ผู้หญิงที่เป็นปริศนา

2092 คำ
ฉันแยกกับฟาครีที่หน้าสวนสนุกเพราะหมอนั่นบอกว่ามีธุระที่จะต้องไปทำต่อ ฉันเลยขับรถบึ่งกลับมาที่บ้านทันที พูดถึงบ้าน...ฉันไม่ได้กลับบ้านของตัวเองมากี่เดือนแล้วนะ เฮ้อ...ไม่รู้ป่านนี้พ่อกับแม่จะเป็นยังไงบ้าง ลูกสาวคนเดียวไม่กลับบ้านตั้งหลายเดือนแน่ะ เพราะงานเดินแบบรัดตัว “รักพี่สาวนะครับ” ทำไมประโยคนี้ของเด็กแก่แดดพรรค์นั้นถึงยังไม่จางไปสักทีนะ มันฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัวสมองฉันไม่หยุดนับตั้งแต่ลงมาจากชิงช้าสวรรค์นั่น “กลับมาแล้วเหรอคะน้องซีซ่า เป็นยังไงบ้างกับเดตะวันนี้” เป็นพี่โด่งวิ่งมารับกระเป๋าจากมือฉันพร้อมกับคุยจ้อไม่หยุด นั่นสิ... เดตะวันนี้สำหรับฉัน ฉันรู้สึกยังไงกับมันกันแน่ และอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันยังสงสัย เด็กผู้หญิงใส่แว่นคนนั้น เป็นอะไรกับฟาครี “หน้าตาไม่สดชื่นเลยนะคะ เดตนี้มันไม่ได้เรื่อง มากขนาดนั้นเลยเหรอ” “….” “น้องซีซ่าคะ” “ซีซ่าขอตัวไปนอนก่อนนะคะ วันนี้เหนื่อยมากเลย” “น้องซีซ่าคะ ตื่นเร็วเข้า!!!” โอ้ยยย มันจะเป็นแบบนี้ทุกเช้าเลยรึไงให้ตายสิ “ตื่นแล้วค่า พี่โด่งมีอะไรกับซีซ่าแต่เช้าคะเนี่ย” “คุณน้องมาดูนี่สิคะ เรื่องที่คุณน้องไปออกเดตกับน้องฟาครีเมื่อวานน่ะ ขึ้นหน้าหนึ่งแล้วนะคะ” “หือ ขันหน้าหนึ่ง ก็ดีแล้วนี่คะ เฮียก็ต้องการแบบนี่อยู่แล้วไม่ใชเหรอ แล้วพี่โด่งจะตกใจทำไม” ฉันดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง แอร์ยังคงเย็นดีเหมือนเดิม “สลัดรัก! หนุ่มฮอตไฟแรงแห่งวิ่งตามเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง ทิ้งให้นางแบบสาวสุดฮอตซีซ่ายืนทำหน้าเศร้าอยู่ข้างหลัง!” “หา!!!!” ฉันผงกตัวขึ้นมานั่งตรงแด่วก่อนจะแย่งหนังสือพิมพ์มาจากพี่โด่ง ภาพที่ปาปารัซซี่คนนี่ขายต่อให้ทางสำนักพิมพ์ และภาพที่เขาเอามาลงเป็นตอนที่ฉันมองตามฟาครีที่วิ่งไปขึ้นรถคุณปู่คุณย่าเพื่อตามเด็กผู้หญิงคนนั้น แววตาของฉันที่มองไปมัน...เศร้าจริงๆ นั่นแหละ!!! ฉันทำแววตาแบบนี้ตอนไหนกันนะ ไม่เห็นจะรู้ตัวเลย ไม่ใช่แค่นั้นนะ ยังมีรูปอีกสองสามรูปรวมอยู่ด้วย เป็นรูปตอนที่ฉันดึงชายเสื้อฟาครีจากด้านหลังด้วยสีหน้าเศร้าหมอง และรูปตอนอยู่บนชิงช้าสวรรค์ ตอนที่ฟาครีมานั่งแล้วเอาแขนยันกระจกไว้กับตอนที่เราสองคนเกือยจะจูบกัน!!! “นี่น้องซีซ่าอย่าบอกพี่นะคะว่าน้องซีซ่าตกหลุมรักน้องฟาครีเข้าจริงๆ น่ะ” “พี่อย่าพูดเรื่องน่ากลัวให้น่าขำได้มั้ยคะ” “แต่แววตาของน้องซีซ่าดูออกชัดเจนเลยนะคะ เป็นใครๆ ก็ดูออก” “ไม่ใช่นะคะ ตอนนั้นซีซ่ากำลังเหนื่อยต่างหาก เพิ่งจะเล่นเครื่องเล่นเสร็จหมอนั่นก็จะลากไปนั่งรถคุณปู่คุณย่าอีกแล้ว” “แน่ใจเหรอคะ” “แน่ใจค่ะ!” ฉันยืนยันน้ำเสียงหนักแน่น ไม่อยากจะเชื่อว่าปาปารัซซี่จะจับภาพได้ ก็เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแค่แว่บเดียวเท่านั้นเองนะ ปังๆๆๆ!!! “ใครมาเหรอคะ” “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เดี๋ยวพี่ลงไปดูให้แล้วกัน เคาะซะเหมือนจะพังบ้านเข้ามาอยู่แล้ว” พี่โด่งวิ่งออกจากห้องฉันไปอย่างรวดเร็ว เสียงเคาะประตูแบบดังสนั่นโลกยังคงดั่งอย่างต่อเนื่อง เห็นด้วยกับพี่โด่งนะ คนที่มาคิดจะเคาะจนกว่าประตูจะพังหรือไงกัน ก๊อกๆ “เข้ามาค่ะ” “ว่าไงคะพี่โด่ง ใครมาเหรอค่ะ” “คือว่า...คนที่มาคือน้อง...” “จูปาจุ๊ปส์ ผมเองครับพี่สาว” “เย้ย!!!” ฉันผงะถอยหลังติดกับหัวเตียง เมื่อร่างของเด็กหนุ่มที่ฉันไม่อยากเจอหน้ามากที่สุดในตอนนี้วิ่งเข้ามาในห้อง “งั้นพี่ขอตัวไปเตรียมอาหารเช้าก่อนแล้วกันนะคะ” “ไม่ต้องพี่โด่ง!” “เชิญคับพี่โด่ง เผื่อผมด้วยนะ” “…” สายตาพี่โด่ง “ทีนี้ก็หมดก้างขวางคอแล้วนะครับพี่สาว” “นายมาทำไม แล้วรู้ได้ไงว่าบ้านฉันอยู่ที่นี่” “เรื่องที่อยู่พี่สาวไม่ยากหรอกครับ ถามเฮียเอาก็ได้ ส่วนมาทำไมที่นี่นั้น...” “…” “ผมมารับโทษน่ะสิครับ” ฟาครียิ้มอย่างอ่อนโยน เขาเดินตรงมาแล้วนั่งลงบนเตียงใกล้ๆ กันฉันพร้อมกับดึงตัวฉันเข้าไปกอดในทันที! “ผมเห็นรูปในข่าวแล้วนะ ตอนนั้น...ผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำให้พี่สาวเสียใจ ขอโทษนะครับ” “คะ...ใครบอกนายว่าฉันเสียใจ ฉันแค่เหนื่อยเท่านั้นย่ะ!” ฉันปฏิเสธ และพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของฟาครี แต่เขาก็ยึดมันไว้แน่น แรงกอดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่า...เขาไม่ได้กอดเพราะอยากจะขอโทษฉัน แต่เขากอดเพราะอยากจะระบายอะไรสัดอย่าง “ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ที่ผมตะคอกใส่พี่สาวนั่นก็ด้วย ผมขอโทษ ขอโทษนะครับ” “นี่นายเลิกพูดคำว่าขอโทษสักทีได้มั้ยยะ ไม่ต้อวมาทำซึ้งด้วย ฉันจะอ้วก” ฉันปล่อยหนังสือพิมพ์แล้วใช้มือทั้งสองข้างดันหน้าอกเขาไว้ ฟาครีทำหน้าจ๋อยมองฉัน “พี่สาวไม่ยกโทษให้ผมสินะครับ” “ใช่! ไม่ยกโทษ” “ง่ะ” “เพราะฉันไม่โกรธอะไรนายสักหน่อย แล้วจะให้ฉันยกโทษเรื่องอะไรล่ะยะ” “จริงเหรอ! พี่สาวไม่ได้โกรธผมเหรอครับ” “เหตุผลที่จะให้โกรธนายยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ แล้วก็อีกอย่างนะ ฉันกับนายไม่ได้เป็นอไรกันจริงๆ ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกรธนายเรื่องผู้หญิงอื่นหรอกย่ะ” “ฮะๆ นั่นสิเนอะ ผมลืมไปเลยว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ” “…” “ลืมไปจริงๆ นะเนี่ย เผลอคิดว่าเป็นแฟนกันจริงๆ ไปซะแล้ว” “…” “งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ รีบโดดงานมาหาพี่สาวทันทีที่เห็นข่าวนั่นเพราะคิดว่าพี่สาวกำลังรู้สึกไม่ดี แต่ในเมื่อพี่สาวยืนยันได้ขนาดนี้แล้ว ผมก็ขอตัวกลับก่อนนะครับ” “เอ่อ...” “ไว้เย็นๆ ผมจะมารับไปดินเนอร์นะ เดตแบบผู้ใหญ่ไง” “นายรู้เหรอว่าฉันต้องการเดตแบบนั้น” “ทุกอย่างเกี่ยวกับพี่สาว...ผมดูออกหมดแหละครับ ไปก่อนนะ” “…” “จูปาจุ๊ปส์” ฟาครีส่งจูบให้ฉันเหมือนทุกที ก่อนจะล้วงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วโยนจูปาจุ๊ปส์มาให้ฉันหนึ่งอัน เป็นรสสตรอว์เบอร์รี่แบบที่เขาชอบกิน “กินลูกกวาดจะได้อารมณ์ดีไงครับ” ฟาครียิ้มส่งท้ายให้อีกครั้ง ฉันนั่งก้มหน้าเงียบรอจนเขาเดินออกไปจากห้องและปิดประตูห้องให้แล้วถึงได้เอื้อมไปหยิบจูปาจุ๊ปส์นั่นขึ้นมา “หึ...ความคิดเด็กๆ” ฉันยิ้มขำ เก็บจูปาจุ๊ปส์นั้นไว้ในลิ้นชักหัวเตียง ไว้มีอารมณ์อยากกินของหวานเมื่อไหร่ค่อยกินแล้วกัน เป็นนางแบบนี่นา จะกินของหวานสุ่มสี่สุ่มห้าได้ไงล่ะ ก๊อกๆๆ ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีที่ฟาครีกลับไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก ฉันที่กำลังจะล้มตัวลงนอนพอดีเลยไม่ได้นอนต้องลุกขึ้นมานั่งใหม่ “เชิญค่ะ” “แหะๆ น้องซีซ่าคะ คือว่า...มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาหาน้องซีซ่าน่ะค่ะ” “หือ? ใครคะ” “เธอบอกว่าเธอชื่อ ไลท์เนมค่ะ” “ไร้เนม ไม่มีชื่อเหรอค่ะ” “ไม่ใช่ค่ะคุณน้อง ไลท์เนมน่ะค่ะ ไลท์เดธโน้ตอ่าค่ะคุณน้อง” “อ้อ...เหรอ ชื่อแปลกดีนะ ใครกัน” “ไม่รู้สิคะ คุณน้องลองลงไปดูละกัน เธอไม่มีพิษมีภัยหรอก ดูเรียบร้อยต่างจากชื่อโดยสิ้นเชิง” ฉันพยักหน้ารับ ลุกขึ้นไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อคลุมสีแดงสดมาใส่ หวีผมที่ยุ่งอยู่เล็กน้อยให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อพบกับผู้หญิงชื่อแปลกคนนั้น ไลท์เนม “…” “อ๊ะ!” “เธอคือ...” ฉันขยี้ตาตัวเองหนึ่งครั้งเผื่อว่าฉันจะมองคนผิดไป แต่ปรากฏว่าพอลืมตาขึ้นมาอีกที เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉันก็ยังเป็นคนเดิมคนเดียวกับเด็กผู้หญิงเมื่อวานที่ฟาครีตามติดที่สวนสนุก! “พี่ซีซ่าใช่มั้ยคะ” ไลท์เนมถามอย่างเรียบร้อย วันนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูยาวเลยเข่าลงไปนิดหน่อยกันเสื้อแขนตุ๊กตาสีขาว ผมถักเป็นเปียสองข้างผูกโบสีชมพู ในห้องรับแขกแสนกว้างนี้มีเพียงฉันกับไลท์เนมสองคนเท่านั้น “ใช่ เธอเป็นใคร แล้วมีธุระอะไรกับฉันเหรอ” ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับไลท์เนม เธอนั่งลงก้มหน้านิ่ง มือขยำอยู่ที่ชายกระโปรงตรงหัวเข่า ราวกับว่าเธอตื่นเต้นมากที่ได้คุยกับฉัน “คือว่า...ฉันมีเรื่องอยากจะถามพี่ซีซ่าน่ะค่ะ คิดว่ายังไงก็ต้องถามให้ได้เลยมาพบที่นี่” เสียงของไลท์เนมฟังดูแล้วเหมือนมีเสียงสะอื้นปนอยู่ ฉันพยายามแสร้งตีหน้านิ่งเพื่อยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ “ว่ามาสิ” “คือ...เรื่องของ...ของฟา...ฟาครี” “ฟาครี...เด็กนั่นน่ะเหรอ ทำไมละ” นี่ฉันกำลังสะกดอารมณ์อะไรหรือเปล่านะ ทำไมถึงได้ดูกลัวคำพูดของไลท์เนมนัก ฉันต้องอดทนสิ เพื่อจะได้รู้ว่าไลท์เนมเป็นอะไรกับฟาครี “พี่ซีซ่ากับฟาครี เอ่อ…รักกันเหรอคะ” “!!!” “ฉันขอโทษนะคะที่บุกมาถามแบบนี้ แต่ไม่ว่ายังไงก็อยากจะรู้ให้ได้จริงๆคค่ะ!” ไลท์เนมเนมหลับตาปี๋และก้มหน้าลงยิ่งกว่าเดิม น้ำตาหยดหนึ่งของเธอหยดลงบนฝ่ามือ “หึ...เธอมาถามผิดคนแล้ว ถ้าเธออยากจะรู้เรื่องนี้ เธอต้องไปถามฟาครีไม่ใช่ฉัน” “ฉันไปถามมาแล้วค่ะ ฉัน...ฉันเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ก็เลยรีบไปหาฟาครีที่กองถ่าย แล้วพอเขาเห็นข่าวที่ฉันเอาให้ดู ฟาครีก็รีบขับรถมาหาพี่ซีซ่าที่นี่ เขาไม่ได้อธิบายให้ฉันฟังแม้แต่นิดเดียว เขากังวลอยู่แต่กับสีหน้าของพี่ซีซ่าในตอนนั้น” ไลท์เนมเล่าไปพลางสะอื้นไปพลาง ส่วนฉันก็นิ่งอึ้งไปกับเรื่องราวที่ได้รับรู้มา “ฉันแค่อยากรู้เฉยๆ ไม่ได้จะมารังคราญนะคะ” “อะ...อืม ฉัน...ฉันรู้” “ฟาครีไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทุกครั้งที่มีข่าวของเขากับผู้หญิงในวงการฟาครีจะรีบมาอธิบายให้ฉันฟังจนเข้าใจในทันที แต่...แต่ครั้งนี้เขาไม่อธิบาย ฟาครีไม่พูดอะไรสักคำเดียว” “งั้นเหรอ เรื่องนี้ฉันไม่รู้หรอกนะ เธอคงต้องไปถามหมอนั่นเอง” “เอ๋...” “งั้นฉันขอถามกลับบ้างนะ เธอเป็นอะไรกับฟาครีเหรอ” “ฉัน...เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของฟาครี” “ก็แค่...” “ที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนรักของเขาแล้วตั้งแต่ปีก่อนคะ” “!!!” “เรามีกันอยู่สามคน ฉัน ฟาครีและรีเซ็ท” “…” “เอ่อ...ฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ ขอโทษที่มารบกวนพี่ซีซ่า!” ไลท์เนมลุกขึ้นแล้วโค้งศีรษะให้ฉัน สีหน้าของเธอดูไม่ดีเลยสักนิดเดียว “เอ่อ...เดี๋ยว! ฉันมีเรื่องจะ...” “ขอโทษจริงๆค่ะ” พูดจบ ไลท์เนมก็รีบวิ่งออกจากบ้านฉันไปทันที อะไรกันนะเด็กคนนี้ โผล่มาแบบปริศนา แล้วก็จากไปอย่างปริศนา ดูๆ แล้วไลท์เนมเป็นเด็กผู้หญิงที่น่าค้นหามากเลยทีเดียว แต่ว่า...แฟนงั้นเหรอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม