“ทำไมใครๆก็ทำอย่างกับว่าเราเป็นเด็กอยู่เรื่อยนะ” หนูจ๋าว่าแล้วถอนหายใจอีกครั้ง หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนหงายมองเพดานห้อง เธอรับรู้ถึงความรักและปรารถนาดีอย่างจริงใจจากครอบครัว แต่บางทีเธอก็อยากทำอะไรนอกกรอบบ้าง การที่เธออยากหาเงินเอง เพื่อมาซื้อของขวัญวันเกิดให้ตาจ๋าออกจะเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ และเธอมั่นใจว่าตาจ๋าจะต้องดีใจและภูมิใจในตัวหลานสาวคนนี้แน่นอน แต่ทำไมใครๆถึงต้องพากีดกันไม่อยากให้เธอทำงานนักนะ
“เฮ้อ! เพิ่งได้มาสามร้อยเอง อีกเดือนเดียวก็จะถึงวันเกิดตาจ๋าแล้ว จะหาเงินทันไหม หรือต้องเอาเงินเก็บออกมาซื้อให้ตาจ๋าเหมือนเคย แบบนั้นไม่เห็นน่าภูมิใจสักนิด”
อาเหนือของเธอจ่ายค่าแรงตามที่รับปากไว้ สามร้อยบาทถ้วน ที่จริงแล้วอาเหนือถามเธอว่าของขวัญที่จะซื้อให้ตาจ๋าราคาเท่าไร อาเหนือจะจ่ายเป็นค่าแรงให้พอกับราคาของขวัญเลย แต่เธอไม่รับ เธอขอรับแค่ค่าแรงเท่าพนักงานคนอื่น ได้มาสามร้อยบาททั้งที่ทำงานยังไม่ทันครบชั่วโมงด้วยซ้ำ เท่านี้เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นอภิสิทธิ์ชนที่เอาเปรียบคนอื่นจะแย่
หนูจ๋าพลิกตัวนอนตะแคง หญิงสาวล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋าถือ เช็คดูข้อความและแอปพลิเคชันต่างๆไปเรื่อยเปื่อย หลังจากที่เธอปัดนิ้วบนหน้าจออยู่ครู่หนึ่งก็มีสายเรียกเข้าจากเพื่อนร่วมคณะมหาวิทยาลัย
“สวัสดีจ้ะกี้” หนูจ๋าเอ่ยทักทายเพื่อนเสียงใส แม้กีกี้จะอยู่คนละกลุ่มกับเธอ แต่ก็เคยได้พูดคุยกันบ่อย และสนิทในระดับหนึ่ง
“สวัสดีจ้ะหนูจ๋า เอ่อ...เราได้ยินเพื่อนคุยกันว่าหนูจ๋าอยากทำงาน” ฝ่ายที่โทรมาพูดถึงเหตุผลหลักที่โทรมาโดยไม่อ้อมค้อม
“ใช่แล้ว กี้มีงานให้เราทำเหรอ” หนูจ๋าผุดลุกขึ้นนั่ง ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“มี แต่ไม่รู้ว่าหนูจ๋าจะทำได้หรือเปล่า”
“งานอะไรล่ะ บอกเรามาก่อนสิ เราถึงจะตอบได้ว่าทำได้หรือเปล่า”
“งานแม่บ้านน่ะ” ฝ่ายที่โทรมาบอกไม่เต็มเสียง
“งานแม่บ้านเหรอ อืม...” หนูจ๋าทำหน้าครุ่นคิด เธอไม่เกี่ยงว่างานจะหนักหรือเบา เพราะเรื่องงานบ้านนั้นเธอทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว แม่จ๋าสอนให้เธอช่วยงานบ้านทุกอย่าง กระทั่งห้องชุดนี้ เธอก็เป็นคนทำความสะอาดเองทั้งหมด แบ่งทำไปทีละห้องในแต่ละวันหยุด เธอถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปด้วย
“ถ้าหนูจ๋าไม่ทำก็ไม่เป็นไรนะ เราจะโทรไปถามเพื่อนคนอื่นก็ได้” ปลายสายถามเร่งเร้า เพราะใกล้จะถึงเวลานัดผู้ว่าจ้างงานแล้ว
“เอ่อ...เราต้องทำยังไงบ้าง แล้วได้ค่าจ้างเท่าไรเหรอ”
เพื่อนสาวของหนูจ๋าเล่ารายละเอียดงานให้ฟังว่า เธอต้องไปทำความสะอาดคอนโดมิเนียมให้ผู้ว่าจ้างซึ่งคอนโดนั้นอยู่ไม่ไกลกับห้องชุดของเธอเท่าไร นั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสไปสองสถานีก็ถึงแล้ว หนูจ๋าจึงสนใจงานนี้ ส่วนเวลาทำงานคือสองทุ่มถึงเที่ยงคืน และต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะเจ้าของคอนโดเป็นผู้มีชื่อเสียง จึงไม่อยากให้ใครรู้ว่าพักที่นี่เพราะกลัวถูกปองร้าย
“ส่วนค่าจ้าง เขาจะจ่ายให้ทุกครั้งที่เรียกไปทำงาน”
“เขาให้ค่าจ้างเท่าไรหรือกี้”
“เอ่อ...สามพันบาทต่อหนึ่งครั้ง แต่ถ้าหนูจ๋าทำให้เขาพอใจ เขาจะให้ทิปเยอะกว่าค่าแรงอีกนะ”
“เหรอๆ เราสนใจ กี้ส่งไลน์รายละเอียดงานและมาให้เราเลย งานแค่นี้ เราทำได้ สบายมาก ขอบใจกี้มากนะ”
“ไม่เป็นไร เอ่อ...หนูจ๋าสะดวกไปทำคืนนี้เลยไหม คือว่าเรารับงานไว้แล้ว แต่บังเอิญมีอีกงานซ้อนเข้ามา”
“คืนนี้เลยเหรอ” หนูจ๋ายกนาฬิกาข้อมือดู ตอนนี้เกือบสามทุ่มแล้ว
“มันเลยเวลาทำงานแล้วนี่” หนูจ๋าขมวดคิ้วมุ่นแล้วเอ่ยแย้งเพื่อนไป
“วันนี้เริ่มงานวันแรก ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างผู้ว่าจ้างเขาก็ยังไม่กลับห้อง กว่าหนูจ๋าจะเดินทางไปถึงก็คงพอดีกับที่เขากลับถึงคอนโด”
“โอเค ได้ๆ”
หลังจากวางสายแล้ว รอครู่เดียวเพื่อนสาวก็ส่งรายละเอียดที่อยู่ที่เธอต้องไปทำความสะอาดมาให้ หนูจ๋ารีบลุกขึ้นจากเตียง คว้ากระเป๋ามาสะพาย แล้วรีบรุดตรงไปยังสถานที่ทำงานที่เพื่อนไลน์มาบอกทันที
“เฮ้ย! แก...หนูจ๋ามันรู้หรือเปล่าว่าไอ้งานแม่บ้านภาคค่ำเนี่ยมันต้องทำอะไรบ้าง” เพื่อนสาวที่นั่งฟังคนรับงานซ้อนโทรคุยกับเพื่อนถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ต้องรู้สิแก โตขนาดนี้แล้วถ้าไม่รู้ก็ซื่อบื้อเกินไปแล้ว” คนที่เพิ่งวางสายจากเพื่อนตอบแล้วรีบลุกขึ้นยืน เพราะรับงานอีกงานไว้ เธอต้องรีบไปทำงาน
“บ้านหนูจ๋ารวยจะตาย แล้วหนูจ๋าอยากทำงานแบบนี้ไปทำไมวะ” เพื่อนสาวลุกขึ้นยืนตาม และเอ่ยถามด้วยความข้องใจ
“นี่แก...คนเรานะ บางทีก็คงอยากจะทำอะไรที่มันออกนอกกรอบหลุดโลกบ้างแหละ อยู่กับอะไรเดิมๆก็คงอยากหาอะไรตื่นเต้นเร้าใจทำบ้าง เพราะถ้าไม่อยากทำ หนูจ๋าคงปฏิเสธแล้วล่ะ”
“อือๆ ก็คงจริงของแก”
เพราะความรีบ หนูจ๋าจึงออกมาจากห้องโดยไม่ทันเปลี่ยนเสื้อผ้า หญิงสาวในชุดนักศึกษารูปร่างสะโอดสะอง ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มน่าพิศน่ามอง ทั้งผิวพรรณผุดผาดก้าวอย่างมั่นใจตรงไปยังล็อบบี้ของคอนโดมิเนียมสุดหรู
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง” พนักงานที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้ยกมือไหว้ทักทายเธออย่างสุภาพ หนูจ๋าประนมมือไหว้ตอบ และยิ้มให้ ก่อนจะแจ้งจุดประสงค์ที่มาที่นี่ให้เธอทราบ หญิงสาวบอกรายละเอียดตามที่เพื่อนเธอส่งข้อมูลมาให้ พนักงานพยักหน้ารับทราบอย่างนอบน้อม
“คุณเพชรนิลยังไม่มานะคะ ท่านฝากการ์ดสำรองไว้ให้คุณผู้หญิงแล้ว เชิญคุณผู้หญิงขึ้นไปรอท่านบนห้องได้เลยค่ะ” หนูจ๋ารับการ์ดมาถือไว้ในมือ หญิงสาวยิ้มแหยๆ คือเธอแค่มาทำหน้าที่แม่บ้าน มาทำความสะอาดห้องให้เขา พอถูกเรียกคุณผู้หญิงแบบนี้ เลยขัดๆยังไงชอบกล