ผลักอกกว้าง แต่ไม่สะดุ้งสะเทือนส่งสายตาเหยียดหยาม
"ไม่มีใครกล้าทำเช่นนี้กับข้า"น้ำเสียงแสดงว่าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“นอน"ส่งเสียงเข้ม
“ ไม่อยากนอนปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่างนั้นอย่าหวังว่าจะได้นอน”หลายคนในหอนางโลมรู้ดีว่าเฟิ่งหลิวค่อนข้างจะร้ายกาจไม่น้อย แต่...ก็เพียงแต่ตอนที่โมโหเท่านั้นเฟิ่งหลิวจะดื้อแพ่ง
“พอดีเลย เชิญตามสบายอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ข้าออกจากวังหลวงมาแสนนาน ห่างสนมมาก็แรมเดือนหากจะมีเจ้าแก้ขัดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ข้ากำลังจะหลับ แต่หากเจ้าปลุกขึ้นมาอีกที ไม่รับรองว่าจะปลุก ...อารมณ์พิษวาสของข้าขึ้นมาหรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าไม่ได้นอนทั้งคืนแน่ ถึงจะผ่านชายมามากหน้าหลายตา แต่คงไม่มีใครเหมือนข้าแน่”
เป็นคำขู่ที่ได้ผล เฟิ่งหลิวทิ้งตัวลงนอนนิ่งไม่กล้าขยับตัว หน้าแดงแจ๋ด้วยความเขินอายแต่ หมิงซื่อกลับมองไม่เห็น
เฟิ่งหลิวแสร้งทำท่าทีนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านทั้งที่รู้ดีว่าอยู่ในห้องสองต่อสองถึงตะโกนไปพวกข้างนอกก็คนของเขาจะเข้ามาช่วยไหมจากที่ดูหมิงซื่อทรงอำนาจไม่น้อยเป็นถึงฮ่องเต้ ตวาดทีเดียวรับรองพวกนั้นกลัวหัวหด
ล้มตัวลงนอนตะแคงไม่หันไปมองคนที่นอนบนแท่นบรรทม
เสียงหายใจดังสม่ำเสมอแสดงว่าอีกคนหลับไปแล้ว
นอนคิดถึงพรุ่งนี้ จะทำอย่างไรดี ครอบครัวของเฟิ่งหลิวได้เงินมากมายนั่นหรือยังหนอ แล้วจะหนีไปอย่างไรตอนนี้อยู่แห่งใดกัน เฮ้อนอนเอาแรงดีกว่า เพื่อพรุ่งนี้สมองจะได้ปลอดโปร่งหาทางเอาตัวรอดได้อย่างมีสติ สติเท่านั้นที่จะช่วยได้
...เช้าสดใส...
เสียงทหารเซ็งแซ่เหมือนกำลังจะไปรบ ต่างช่วยกันเก็บสัมภาระเตรียมตัวเดินทาง เฟิ่งหลิวงัวเงียตื่นจากที่นอนสายแล้วนี่ ต้องไปทำงานลุกพรวดพลาด ปัดกวาดเช็ดถูหอคณิกา เหมือนในทุกเช้าที่ต้องทำงานหนักพวกนี้ แต่พอหันไปอีกทาง
ต้องยกมือปิดตาเมื่ออีกคนยืนโป๊ให้เสี่ยวหานขันทีข้างกาย แต่งองค์ให้อยู่ ยืนกางมือเกือบเปลือย
"ว้าย"เผลอร้องด้วยความตกใจหน้าแก้มแดงถึงใบหู
“ ไร้มารยาท "ทำไมต้องดุด้วย เฟิ่งหลิวเสียอีกต้องมาเจออะไรแบบนี้ทั้งๆ ที่ยังเป็นสาวเป็นแส้
“เห็นที่คงต้องทิ้งไว้เสียที่นี่พากลับวังหลวงไม่ได้แน่”ส่ายหน้าไปมา
“ใครอยากไป ข้าแค่มาขัดตาทัพอย่างที่ท่านว่าเป็นตายหาสนใจไม่”อยากจะบอกว่าครอบครัวมีเงินใช้สอยสบายแล้วจะเป็นตายร้ายดีหาสนใจไม่ หมิงซื่อสะบัดเสื้อ ออกจากตัว อกแน่นด้วยมัดกล้ามคว้าข้อมือกลีบบัววางอำนาจ แววตาดุดัน เสี่ยวหานคุกเข่าพรึบพรับ
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครเจ้ามาทำเรื่องวุ่นวายแล้วจะตายง่ายๆ อย่างนี้ได้หรือ จนกว่าจะถึงวังหลวง ต้องอยู่ไม่สู้ตายอย่างนี้”อะไรของเขาใจคอจะพาเฟิ่งหลิวกลับวังหลวงของแคว้นใต้จริงๆ หรือไหนว่าจะตัดสินโทษ ไหนว่าจะไต่สวน
“ไหนว่าจะไต่สวน”เสี่ยวหาน ขยิบตาให้เฟิ่งหลิวเหมือนจะบอกว่าอย่ายั่วโมโหอีก
“จนกว่า จะพบองค์หญิง เจ้าจึงจะถูกม้าแยกร่าง ระหว่างนี้ห้ามใครแพร่งพรายเรื่ององค์หญิงหายตัวไป” กลัวเสียหน้าไม่กล้าบอกใครว่าหญิงที่หมายปองหนีไปหนีไป
“ส่วนเจ้ามานี่”ดึงร่างบางเข้าปะทะกับอกกว้างเปลือยเปล่า
“ปล่อยนะ คนอะไรเผด็จการสิ้นดี”เฟิ่งหลิวเชิดหน้าสูงขึ้น ความทะนงตนไม่รู้มาจากไหนในตอนนี้
"อย่าได้คิดว่าจะได้อยู่อย่างสบาย"
พูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจเต็มที่
ผลักเฟิ่งหลิวลงไปกองกับพื้น เฟิ่งหลิวกัดฟันพยุงตัวลุกขึ้น แต่กลับทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยข้อเท้าพลิก
"โอ้ย"
"เจ้านี่เหมาะ อยู่ในหอนางโลมอย่างยิ่ง ร้อยเล่ห์มารยา"น้ำเสียงยังคงดูถูกดูแคลน
เฟิ่งหลิวสมัครใจเข้าไปอยู่ในหอนางโลม แลกเงินเพียงน้อยนิดเพราะทนเห็นครอบครัวอดอยากไม่ได้แต่เข้ามายังไม่ทัน ทำงานแรกสำเร็จลุล่วง
เสี่ยวหานรีบมาพยุงด้วยเห็นว่าเฟิ่งหลิวทำสีหน้าเหยเก แสดงความเจ็บปวด
"เสี่ยวหานท่านแม่ทัพกลับมาหรือยัง" ทำเป็นไม่สนใจเปลี่ยนเรื่องพูด ไม่สนใจวง่าเฟิ่งหลิวเจ็บอยู่
"ทูลฝ่าบาท จนกระทั่งป่านนี้ ท่านแม่ทัพยังไม่กลับมา"หมิงซื่อถอนใจ องค์หญิงสิบสี่คนนี้ ท่าทียโสทว่าใบหน้างดงามเกินคำบรรยาย เมื่อเขาส่งราชสานส์มาขอเชื่อมสัมพันธ์ ต้องการให้นางไปเป็นฮองเฮากลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย อีกทั้งยังตรึงกำลังตามแนวชายแดนเกณฑ์ไพร่พลกลับเข้าในเขตแดนห้ามทำการค้าขายแลกเปลี่ยน ทำไมรังเกียจเขานัก ทั้งๆ ที่เขาเองก็ได้รับการขนานนามว่ารูปโฉมงดงามและเก่งกาจในการทำศึกอีกทั้งยังไม่ได้แต่งตั้งฮองเฮา
ในครั้งแรกที่เห็นภาพวาดที่ถูกส่งมา หมิงซื่อครุ่นคิดตลอดเวลาว่าจะทำเช่นไรให้ได้องค์หญิงสิบสี่อิงเผยมาครอบครอง
...หลงรูป..
หลานซานเข้ามาอีกคน
"ส่งม้าเร็วตามท่านแม่ทัพให้ยุติการค้นหาองค์หญิง"เสี่ยวหานขมวดคิ้ว
"ฝ่าบาท สิ่งที่ทำไปทั้งหมดจะเสียเปล่าทั้งยกทัพมาตีแคว้นเหนือทั้งสูญเสียกำลังพลไปมากมาย"หลานซานยกมือเขกหัวเสี่ยวหานดังโปก
"ฝ่าบาทเสี่ยวหาน พูดมากอย่าทรงถือสา"เสี่ยวหานเกาหัวแกรกๆ
"จริงอย่างเสี่ยวหานพูดมา ข้าแพ้แล้วแพ้ให้กับหญิงงามเพียงคนเดียว"น้ำเสียงเศร้าสร้อย แว๊บหนึ่งเฟิ่งหลิวกลับรู้สึกว่าโลกทั้งโลกกำลังจะแหลกสลาย
"ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลองค์หญิงสิบสี่ต้องมีสักวันที่เห็นความจริงใจของฝ่าบาท"หันมาที่เฟิ่งหลิว เฟิ่งหลิวขยับตัวหนี
"หลานซานคิดว่านาง มาเพื่อถ่วงเวลาฝ่าบาทคงเป็นองค์หญิงสิบสี่ที่ส่งนางมา รั้งนางไว้มีแต่ยุ่งยาก ปล่อยนางไปเสียกลางทางนี้เถิด"
"ไม่ไม่ไม่ จะให้มาอยู่กลางหุบเขาหันหน้าหันหลังไม่มีใครอย่างนั้นหรือ"เมื่อชเ้าลองชะโงกหน้าออกไปดูที่นี่มีแต่หุบเขาไม่คุ้นตาว่าแต่เป็นที่ไหนกันที่แรกคิดว่ายังอยู่ไม่ไกลจากหอนางโลมแต่ตอนนี้ยากจะบอกได้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วจะหาทางกลับไปได้อย่างไร หลานซานคนนี้หน้าตาหน้าหล่อเหลาแต่ใจดำ
"ข้ารอแค่เพียงหาองค์หญิงสิบสี่พบ"
"อย่านะ ข้ายังไม่อยากไปไหน"คิดคำหวานฉอเลาะเหมือนที่พวกพี่สาวในหอนางโลมสอนไม่ออกอีกทั้งไม่ได้จีบปากจีบคอพูดเหมือนที่เคยถูกสั่งสอนมา
"ทำไม ไหนเจ้าบอกไม่อยากเห็นหน้าข้าจะลูกไม้อะไรอีก"
"หลานซาน เกรงว่าแม่นางคนนี้ จะถูกส่งมาเพื่อถ่วงเวลาไม่ให้ฝ่าบาททรงติดตาม องค์หญิงสิบสี่เป็นแน่"หลายนคาดการณ์ผิดใครจะคิดว่าเฟิ่งหลิวจะวิ่งหนีออกมาต่างหาก แล้วคนพวกนี้ทำไมต้องคิดว่า เฟิ่งหลิวร้ายกาจอย่างนั้นด้วย
“ปล่อยนางไว้เสียที่นี่”หลานซานออกความเห็น
"จะมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ ทำกับข้าแบบนี้ไม่ได้ จะมาปล่อยให้อยู่กลางป่าเขาอย่างไรกัน ข้าก็เป็นคนนะแล้วทั้งหมดก็ไม่ใช่ข้าเสียหน่อยข้าเพียงแต่ดื่มชาตามที่บอกก็เท่านั้น นอกจากนั้นข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้”
หมิงซื่อถอนหายใจ คำพูดเหมือนจริงใจ หรือว่านางแสร้งแสดงละครตบตาไปก็เท่านั้น
"เอาหล่ะข้าให้เวลาท่านแม่ทัพอวิ้นกุยสามวัน ระหว่างนี้ยังไม่มีคำสั่งยุติการค้นหาองค์หญิง แต่หากครบสามวันยังหาองค์หญิงไม่พบข้าหมิงซื่อจะทำในสิ่งที่องค์หญิงต้องการคือ นำแม่นางคนนี้เข้าวังแทนองค์หญิง อย่างที่องค์หญิงต้องการ"เฟิ่งหลิวถอนหายใจยาว เรื่องต่อจากนี้ค่อยปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตค่อยหาทางแก้ไขและเอาตัวรอด
หลานซานกับเสี่ยวหานสบตากันทันที
"ระหว่างเดินทางหลานซานต่อนี้ไป หน้าที่ของเจ้าอีกอย่างคือจับตามองนาง ห้ามนางออกไปนอกเขตกองกำลังของเรา หากจะไปที่ไหนต้องมีเจ้าคอยติดตาม "
"ข้าไม่ใช่นักโทษ"
"ข้างนอกนั่น มีทั้งพ่อค้าทาส และทหารที่จากลูกเมียมานาน แล้วยังจะโจรป่า เลือกเอาว่าจะอยู่ข้างข้า หรือว่าจะออกไปเป็นเมียของคนเหล่านั้นความจริงเจ้าก็คงไม่เดือดร้อนอะไร ผ่านชายมามากมายหลายหน้าคงไม่สะทกสะท้านกับเรื่องแบบนี้" เฟิ่งหลิวถอนหายใจยอมจำนน ทำอย่างไรได้ตกกระไดพลอยโจนเสียแล้ว ปล่อยให้เขาเข้าใจไปเองแบบนั้นก็ดีแล้ว
เดินหลบเข้าไปข้างในกระโจมเหมือนกับยอมจำนน
"ฝ่าบาท เมื่อถึงวังหลวงหากต้องทูลไทเฮาเรื่ององค์หญิงเก้าจะทำเช่นไรดี"หมิงซื่อถอนใจ
"ฝ่าบาท นางกิริยาหยาบกระด้าง เข่นนางคณิกาทั่วไป"
"แล้วเช่นไร"
"ข้าน้อยคิดว่า องค์หญิงแค่เพียงส่งนางคณิกาคนหนึ่งมาทำทีเดียงสายั่วยวนฝ่าบาทถ่วงเวลาหลบหนี"
"ยั่วยวนข้า เช่นไรเจ้าถึงคิดเช่นนั้น"
"นางงดงามก็จริง แต่กิริยาหยาบกระด้างเกรงว่าจะผ่านมือชายมานับไม่ถ้วนหากฝ่าบาทพึงใจนางก็แค่..จัดการนางแล้วปล่อยนางให้ตายกลางป่า"หมิ่งซื่ออ่านใจของหลานซานไม่ออก เขาหมายความว่าอย่างไรเขาเกรงว่าหมิ่งซื่อจะเสียทีนางอย่างนั้นหรือ หรือคิดว่าหมิงซื่อจะถูกใจนางคณิกา ที่ผ่านชายมามากหน้าหลายตาอย่างนั้นหรือเขามีสนมนางในมากมายที่ ยังเป็นสาวบริสุทธิ์ เช่นไรถึงจะต้องมาถูกใจนางคณิกากร้านโลกคนนี้ด้วย
"ข้าจำเป็นต้องหักหาญน้ำใจนางเช่นนั้นเชียวหรือ"ถามไปเสียอีกทาง
"ฝาบาท ในเมื่อฝ่าบาทต้องการนาง นางก็เพียงแค่หญิงคณิกาสวมรอย ไม่จำเป็นต้องพานางกลับวังหลวง แต่หากไม่ต้องการนาง ข้าหลานซานคิดว่าฝ่าบาทควรปล่อยนางไปเสีย"หมิงซื่อกับรู้สึกว่าอารมณ์คุกรุ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด หรือจะเป็นเพราะหลานซานตอกย้ำเรื่องที่องค์หญิงสิบสี่หนีไปแล้วเขาแค่ประชดประชันโดยการเก็บนางคณิกาคนหนึ่งไว้ข้างกายแล้วพานาง กลับวังหลวงด้วยเพื่อให้องค์หญิงสิบสี่เจ็บใจ
"ข้าเข้าใจแล้ว จะรวบหัวรวบหางนางหรือไม่ตอนไหน ไว้ข้าตัดสินใจเอง "หลานซานประสานมือตรงหน้า หมิ่งซื่อกัดฟันจนเป็นสันนูน เมื่อนึกถึงองค์หญิงสิบสี่อิงเผย
เฟิ่งหลิว นอนพลิกตัวไปมาหาทางเอาตัวรอด
ก่อนหน้านั้น…
"เงินนี่เจ้ารับไปเสีย แล้วดื่มชาเสีย"ท่านแม่เฒ่าแก่เนี้ย รีบรับเงินในมือของ หญิงนางหนึ่ง เทเงินออกมานับดวงตาเบิกโพลงในตอนนี้ความโลภก็เข้าครอบงำนางเสียแล้ว
"ข้านำเงินไปให้มารดาข้าก่อนแล้วจึงจะกลับมาดื่มชา จะได้ไหม "
"น่าเฟิ่งหลิวเจ้าไม่ไว้ใจข้าหรือไร ไม่มีเวลาแล้วเจ้าดื่มชาเสีย ข้าสัญญาข้าจะนำเงินนี่ไปให้มารดาของเจ้าให้เอง"ท่านแม่ เฒ่าแก่เนี้ยจีบปากจีบคอพูด
"แต่ข้า อยากจะแน่ใจว่าท่านแม่ของข้าได้รับเงิน"
"ไอ้ย่า เจ้านี่ไม่ไว้ใจใครจริงๆ หากข้าโกหกเจ้าขอให้ตายไปไร้ดินกลบฝัง ข้าเข้าใจความลำบากของเจ้าดีอย่างไรก็ไม่บิดพลิ้วแน่นอน เงินมากมายนี่แม่เจ้าสบายไปหลายเดือนหรือว่าเจ้าไม่ต้องการมันเช่นนั้นข้าไปหาคนอื่นแทนเจ้า" เดินหนีเฟิ่งหลิ่วรีบคว้า ถ้วยชามากระดกรวดเดียวก่อนที่ อาการวิงเวียนจนแทบทรงกายไม่อยู่ดวงตาพร่ามัว
จะต้องกลัวสิ่งใดกันในเมื่อเข้ามาในหอคณิกาก็ทำใจไว้แล้ว ทำใจว่าต้องเล่นละครหลอกเอาเงินให้ได้เยอะที่สุด หาทางเอาตัวรอดไม่ให้ตัวเองเสียทีให้ได้นานที่สุด เก็บเงินแล้วออกไปใช้ชีวิตกับท่านแม่ เฟิ่งหลิวไม่มีอะไรต้องกลัวในเมื่อก่อนหน้านั้น เป็นแค่ขอทานที่แสดงละครให้น่าสงสารหลอกเงินชาวบ้านไปวันๆ คิดได้เพียงเท่านั้นก่อนจะหมดสติไปทันที
เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง เฟิ่งหลิวแกล้งหลับ
เสื้อผ้าชุดใหม่ถูกกองไว้ข้างๆ ที่นอน
เฟิ่งหลิวลุกจากที่นอน เดินไปหยุดมองอ่างไม้ที่มีน้ำอยู่เต็ม
น้ำอุ่นน่าอาบไม่ไ้ดอาบน้ำมาสองสามวันแล้วนี่ คงเป็นเสี่ยวหานที่เตรียมน้ำไว้ให้ ขยับตัวจะเปลื้องผ้าแต่เปลี่ยนใจหย่อนเท้าเปลือยเปล่าลงไปในน้ำทั้งๆ ที่ยังสวมอาภรณ์อยู่ อย่างน้อยหากใครเข้ามาตอนนี้ เฟิ่งหลิวก็ยังมีอาภรณ์ห่อหุ้มร่างกายอยู่ ที่แบบนี้จะไว้ใจใครได้ น้ำอุ่นสบายผ่อนคลายขึ้นเยอะอย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นคิดแค่เพียงแช่น้ำให้สบายใจ แช่น้ำสบายๆ จนเผลอหลับในอ่างน้ำอุ่น
หมิงซื่อ เข้ามาข้างในกระโจม เสี่ยวหานตามเข้ามาปลดเสื้อคลุมออกให้ แล้วนำไปแขวนไว้
"นางไปไหน"
"เสี่ยวหานนำอาภรณ์มาให้นางเปลี่ยนเห็นนางหลับอยู่"
"เฝ้านางไว้ระวังจะออกไปสร้างความวุ่นวาย"
"พ่ะย่ะค่ะ เสี่ยวหานเตรียมน้ำแล้ว ฝ่าบาทจะอาบเลยหรือไม่"
"ดีกำลังอยากแช่น้ำอุ่นพอดี"เสี่ยวหานออกไปข้างนอก ปิดประตูยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้น
หมิงซื่อเปลื้องผ้าจนเปลือยล่อนจ้อน ดึงประตูห้องน้ำออก ก้าวขาเข้าไปข้างใน
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาอารมณ์ปั่นป่วนภายในขมึงเกลียวรวมกระจุกกันที่ท้องน้อย ใบหน้างามลอยเด่นหลับตาพริ้มริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูใสขนตางอนงาม ผิวที่มองเห็นใต้น้ำขาวดังหยกต้องแสง ชุดแพรสีแดงแนบเนื้อรัดรึงให้อกอวบอิ่มเด่นชัด ผมยาวสลวยเปียกปอนชื้นน้ำ หยดน้ำพร่างพราวเกาะอยู่บนใบหน้างาม ดวงตาหลับสนิทขนตางอนงามดำขลับ
มานอนยั่วยวนเขาอยู่นี่เองช่างร้ายกาจนัก หมิงซื่อดึงคอเสื้อของเฟิ่งหลิวขึ้นมาทั้งที่หลับอยู่ ลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองเปลือยเปล่าล่อนจ้อน
"ใครให้เจ้า มาแช่น้ำอุ่นในอ่างน้ำของข้า"เฟิ่งหลิวพยายามทรงตัวแต่กลายเป็นกอดรัดเหนี่ยวรั้งหมิงซื่อล่วงลงไปในอ่างอาบน้ำด้วยกัน ร่างใหญ่ทับอยู่ข้างบน เฟิ่งหลิวตกใจที่สุดเมื่อเห็นว่าหมิงซื่อไร้อาภรณ์ ผิวเนื้อที่มือสัมผัสโดนให้ความรู้สึกประหลาด
"เหวออออ"มุดหัวลงไปในน้ำไม่กล้ามองร่างเปลือย แต่หมิงซื่อกลับคิดว่าเฟิ่งหลิวจงใจยั่วยวนเขา ดึงร่างบางขึ้นจากน้ำ ร่างเปียกปอนหลับตาปี๋
"ออกไป เดี๋ยวนี้"เฟิ่งหลิวลุกออกจากอ่างน้ำ ยืนตัวสั่น เพียงพริบตาก่อนจะลนลาน รีบวิ่งออกจากตรงนั้นทันที ใจหายใจคว่ำภาพตรงหน้าเมื่อครู่ติดตา
หมิงซื่อถอนหายใจร่างกายกำยำ เปลือยเปล่าขมึงเกลียวใกล้ระเบิด นางจงใจยั่วยวนเช่นนั้นหรือ .แน่แล้วนางตั้งใจเข้ามานอนรอเขาในอ่างน้ำนี้ แทนที่จะมองไปอีกกลับมองเฟิ่งหลิวจงใจยั่วยวน หากคิดแบบไม่มีอคติก็จะสังเกตว่าเฟิ่งหลิวไม่ได้เปลื้องผ้ายังมีอาอาภรณ์อยู่กับตัว หากจะยั่วยวนเปลื้องผ้าออกให้เปลือยเปล่าไม่ดีกว่าหรือ
ข่มใจตัวเองอย่างที่สุด นางต้องการยั่วยวนเขาจะต้องไม่หลงกลนางทั้งๆ ที่เมื่อครู่หากไม่โมโหเสียก่อนเขาคงอดที่จะ ประทับจุมพิตที่ปากอวบอิ่ม แล้วบดขยี้นางไปแล้ว ถอนหายใจยาว องค์หญิงสิบสี่นางช่างปราดเปรื่อง ใช้แผนนี้กับเขาจนเขาลังเลในใจ