แคว้นจ้าว
เดือนสามภายใต้อากาศเย็นชื้นสายฝนสายเล็ก ๆ หล่นลงมากระทบพื้นดินโชยกลิ่นหอมกรุ่นของดอกไม้ใบหญ้า หยางเจี๋ยนิ่วหน้าหัวคิ้วชนกัน อีกทั้งขยับตัวเล็กน้อย
"พี่เจี๋ย พี่เจี๋ย ท่านฟื้นแล้ว"
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น เสียงเล็กแหลมนั้นดังพอจะทำให้เขารู้สึกตัว แสงเทียนละมุนทำให้เขาลืมตาได้ไม่ลำบากเท่าใด เสือดำมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังเฉกเช่นนายทหารผู้เจนสงครามคล้ายกับตอนนี้เขายังอยู่ในสนามรบ เขาสงบนิ่งและระวังภัย ตั้งสติแล้วค่อยๆ เก็บรายละเอียดรอบตัวอย่างรอบคอบ
"สวรรค์หรือ" เขาถามตนเองในใจ เมื่อครั้นหันหน้าไปพบก้อนกลมก้อนหนึ่งที่เท้าคางจ้องเขาแล้วยิ้มจนตาหยีถึงกับทำให้เขาผงะออกมา
"หนูน้อย หรือ"
ซาลาเปาก้อนนั้นพยักหน้าหงึกหงัก จีบปากจีบคอพูดว่า
"พี่เจี๋ย ไม่เป็นไรแล้วไม่ต้องห่วง น้องสาวเป็นคนช่วยท่านเอง ท่านเป็นหนี้ชีวิตข้าแล้วเพราะข้าขอให้ท่านพ่อช่วยตามหมอท่านจึงไม่ตาย" เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มสดใส แก้มยุ้ยย้วยลงสองข้างแก้มดูน่าหยิกเป็นอย่างยิ่ง
กล่าวจบเสียงคนผู้หนึ่งก็ดังขึ้น
"คุณหนูมาอยู่ที่นี่นี่เอง กลับเรือนได้แล้วเจ้าค่ะถึงเวลานอนแล้ว มาเฝ้าเจ้าเด็กนี่อีกแล้ว"
"แม่นม เขาไม่ใช่เจ้าเด็กนี่เขาคือพี่เจี๋ย ข้าบอกนมหลายครั้งแล้ว"
"คุณหนู จุ๊ ๆ อย่าให้ใครได้ยิน คุณหนูจะเรียกเด็กเลี้ยงม้าว่าพี่ไม่ได้นะเจ้าคะ หากนายท่านรู้เข้า"
"ทำไมหรือ เขาแก่กว่าข้าย่อมต้องเรียกพี่"
"แต่เขาเป็นเพียงทาสนะเจ้าคะ ไปเจ้าค่ะอย่าดื้อ เขาฟื้นแล้วไม่เป็นไรแล้ว"
"เดี๋ยวก่อนนม ข้าเอานี่ให้เขาดูก่อน"
เสือดำที่มองเหตุการณ์ด้านหน้าอย่างพิจารณาจนถึงตอนนี้ยังไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าชีวิตนี้จะเป็นชีวิตหลังความตาย การแต่งตัวของพวกเขาก็โบราณห้องนอนแห่งนี้ก็โบราณ ทุกสิ่งที่เขาเจอในตอนนี้ ตกลงว่าคือความฝันหรือเรื่องจริงกันแน่
ซาลาเปาก้อนนั้นคล้ายจะกลิ้งขลุกๆ กลับมาหาเขา แล้วยื่นบางสิ่งในมือให้พร้อมกับบอกเขาด้วยความยินดี
"พี่เจี๋ยนี่นกน้อยที่ท่านช่วยเอาไว้ ข้าดูแลมันจนหายดีแล้วเห็นหรือไม่ รีบหายแล้วมาช่วยกันเลี้ยงนก ท่านยังสัญญาว่าจะสอนข้าขี่ม้าอย่าลืมสัญญานะ ในตอนนี้ท่านยังไม่หายดีข้าจะดูนกตัวนี้เองไม่ให้มันลำบากแน่ พอท่านหายข้าค่อยคืนท่าน"
"คุณหนู ตายแล้วๆ เลี้ยงอะไรอีกเจ้าคะ รีบไปกันเถิดหากนายท่านรู้เข้า" เสียงผู้สูงอายุยังคงบ่นต่อ
"นมไม่บอกท่านพ่อก็ไม่รู้ ข้าเพียงแต่ห่วงพี่เจี๋ยถ้าเขาตายข้าก็ไม่มีเพื่อนแล้ว มีเพียงเขาที่ยอมเล่นกับข้านมอย่าใจดำนักสิเจ้าคะ"
"คุณหนู พูดเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ไม่งามเลยจะบอกว่าเป็นห่วงบ่าวไพร่ผู้ชายได้อย่างไร"
"ก็คนห่วงก็คือห่วง ไม่ให้บอกว่าห่วงแล้วจะให้บอกว่าอย่างไร นมไม่ใช่หรือที่สอนให้ซื่อสัตย์"
"คุณหนู ท่านนี่นะ เอาอย่างนี้กลับกันก่อนนะเจ้าคะ"
"กลับแล้ว ๆ นมห้ามทุกเรื่องอึดอัดจะแย่"
"คุณหนู"
เสือดำรับฟังทุกประโยคจนกระทั่งซาลาเปาก้อนนั้นถูกแม่นมคนนั้นอุ้มออกไปแล้ว เขาก็ยังได้ยินเสียงหนูน้อยเจื้อยแจ้วจนสุดสาย
เมื่ออยู่ในห้องตามลำพังกับชายชราคนหนึ่ง เสือดำ มองผู้เฒ่าอย่างพิจารณา ท่าทางของเขาโรยราไม่น่าก่ออันตรายใดๆได้ เขาจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง อีกทั้งเป็นเสียงของเด็กชายผู้หนึ่งจนทำให้เขาตกใจตนเอง
"คุณตาครับ ผมขอกระจกหน่อยครับ"
ชายชราเลิกคิ้วอย่างสงสัย คิดว่าหยางเจี๋ยคงถูกตีจนเพี้ยนไปแล้ว จึงพยักหน้าแล้วส่งกระจกทองเหลืองที่ดูมัวๆ ให้เขาทันที พร้อมกับพูดว่า
"หยางเจี๋ย เจ้าตอนนี้ไม่ใช่นายน้อยแห่งสกุลหยางแล้ว เจ้าเป็นทาสที่ท่านราชครูยอมรับเลี้ยงอย่าได้ลืมตัวเข้าใจหรือไม่ ท่านราชครูไม่ชอบให้เจ้าเล่นกับคุณหนูสี่ เจ้าก็อย่าได้เข้าใกล้นางอีกเลย โดนตีจนป่วยหนักคราวนี้คงเป็นบทเรียนแล้ว เจ้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วไม่รู้หรือ ข้าเป็นห่วงเจ้าจริงๆ"
เสือดำไม่เข้าใจในสิ่งที่คนแก่คนนี้พูด สิ่งที่ทำให้เขาถึงกับมืออ่อนยวบบัดนี้คือภาพเด็กชายตัวผอม ตาโต ดูไร้เรี่ยวแรงอีกทั้งอายุอานามก็ไม่น่าจะเกินสิบขวบที่เห็นในกระจกขมุกขมัวนี้ทำให้เขาผู้นิ่งสงบแม้แต่ความตายยังไม่หวาดกลัว ถึงกับตกตะลึง
"กะเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่"