"รู้แม่นมพาข้าไปบ่อยๆ แม่นมชอบสอนข้าทำอาหาร"
"ดีงั้นเราไปกัน"
"ข้าไปขอแม่นมก่อน"
"ไม่ได้ ถ้าแม่นมของคุณหนูรู้เขาต้องไม่ให้เราแน่ คุณหนูก็จะถูกห้ามตกปลา"
"ถ้างั้นเราไปเอาโดยไม่บอกแม่นมได้หรือ ไม่เรียกขโมยหรือการขโมยของไม่ดีนะ"
"ได้สิ เอามานิดหน่อยไม่เป็นไร แค่ขอแบ่งไม่ได้เรียกว่าขโมยอีกอย่างคุณหนูเป็นคุณหนูของบ้านนี้แค่ไปเอาของในบ้านตนเองเขาไม่เรียกว่าขโมย"
"จริงหรือ"
"จริงสิ"
"ได้ งั้นเราไปเอากัน"
แม้จะไม่ค่อยแน่ใจแต่ด้วยความอยากเล่นฉีเย่ว์จึงนำทางหยางเจี๋ยไปเอาเนื้อหมูในเรือนใต้ดินจนได้ เรือนใต้ดินแห่งนี้มีอยู่ไม่ห่างโรงครัว หยางเจี๋ยมองด้วยความสนใจในภูมิปัญญาชาวบ้านเมื่อเด็กน้อยชี้ให้เขาเปิดประตูโรงใต้ดิน ทางเดินลงมีลักษณะแคบที่สามารถลงมาได้ทีละคน บันไดวนค่อนข้างลื่นหยางเจี๋ยจึงจับมือของฉีเย่ว์เอาไว้ เด็กหญิงนำทางหยางเจี๋ยอย่างคล่องแคล่ว ปากก็อวดว่าตนลงมาที่นี่บ่อยเพียงใด
เมื่อลงมาด้านล่างหยางเจี๋ยพบว่าอากาศที่นี่ค่อนข้างเย็นไม่น่าจะเกินสิบองศา ตอนนี้อยู่ในฤดูใบไม้ร่วงอากาศไม่หนาวไม่ร้อนแต่ด้านล่างกลับเย็นเป็นอย่างยิ่ง อาหารสดจำพวกเนื้อสัตว์ถูกแช่ไว้ด้านล่างกับน้ำแข็งที่ขนมาจากภูเขาจำนวนมาก ไม่แปลกใจว่าที่นี่เหตุใดจึงเย็นแบบนี้
ฉีเย่ว์พาเขาไปเอาเนื้อหมูพวกเขาเอามาไม่มากที่คนจะไม่สังเกตว่ามีบางอย่างหายไป แล้วรีบขึ้นมากลับไปเอาเบ็ดที่เรือนหลังเล็กของหยางเจี๋ยที่อยู่ท้ายจวน จนกระทั่งพากันมานั่งตกปลาที่ริมฝั่ง
ไม่นานหยางเจี๋ยก็ตกปลาได้หลายตัว ปลาสดๆ เห็นแล้วน่ากินเป็นอย่างยิ่งแต่เมื่อตกปลาได้เด็กหญิงคนนั้นกลับน้ำตาไหลพรากเพราะสงสาร อีกทั้งยังสั่งให้เขาปล่อยปลาไป
"พี่เจี๋ยปล่อยมันไปเถิดอย่าทำบาปเลย"
หยางเจี๋ยผู้นั่งตกปลามาอย่างลำบาก ถึงกับถอนหายใจแต่เด็กหญิงผู้นี้ก็ทำให้เขาแพ้จนได้ในที่สุดเขาก็ยินยอมปล่อยปลาไป เขาแอบเก็บเนื้อหมูไว้ลับหลังนางตั้งใจจะมาตกไปย่างกินเอง ไม่ให้นางมาด้วยอีกเป็นอันขาด