บทที่ 4
ผ่านไปกว่า3ชั่วโมงแต่ในความรู้สึกของจ้าวลู่เฉินนั้นราวกันนานเป็นสิบปียี่สิบปีเลยทีเดียวในใจของมาเฟียอันดับต้นๆ ของเมืองหนานจิ้งไม่เคยทรมานเท่านี้มาก่อนความรู้สึกผิดเกาะกินหัวใจดวงแกร่งไปหมดภาพของเหรินซินวันนี้ซ้อนทับกับภาพของเหรินเซียวที่เอาร่างรับกระสุนแทนเขายิ่งทำให้ชายหนุ่มได้แต่สาบานกับตนเองว่านับจากนี้ตนเองจะดูแลเหรินซินให้ดีจะไม่ยอมให้หญิงสาวห่างจากสายตาแม้แต่วินาทีเดียว!
"ญาติของคุณเหรินซินเชิญด้านนี้ค่ะ"
เสียงของพยาบาลสาวที่วิ่งเข้าวิ่งออกขอคอยตามเอกสารของผู้ป่วยเรียกหาญาติของผู้ป่วยไปพบกับแพทย์ผู้รักษาในห้องฉุกเฉินหลังจากเหรินซินผ่านการตรวจเอกซเรย์อย่างละเอียดจนทราบผลของอาการทั้งหมดของหญิงสาวแล้ว
"สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณชายจ้าวเป็นอะไรกับคุณเหรินซินครับ"
คุณหมอหนุ่มวัยคงไม่ไกลกันกับจ้าวลู่เฉินถามชายหนุ่มสกุลจ้าวไปตามหน้าที่ของแพทย์เพราะหากไม่ใช่ญาติสนิทคงไม่อาจเซ็นเอกสารรับรองการผ่าตัดนี้ได้
"ผมเป็นสามีของเธอครับ"
"ถูกต้องตามกฎหมายใช่ไหมครับ"
"ใช่ครับผมกับเธอจดทะเบียนสมรสกันมาได้สามปีแล้วครับ"
"แล้วนอกจากคุณชายจ้าวแล้วเธอยังมีญาติสนิทเช่นพี่ชาย พี่สาวหรือคุณพ่อคุณแม่อยู่อีกไหมครับ"
จ้าวลู่เฉินใจคอไม่ดีขึ้นมาทันทีเมื่อได้ฟังคำถามของแพทย์ตรงหน้าเพราะแต่ละคำถามมันชวนให้เขาคิดมากว่าอาการของเหรินซินนั้นคงไม่ดีนัก
"คืออย่างนี้นะครับ อาการภายนอกที่เห็นคือกระดูกขาข้างขวาหัก ข้อมือขวาร้าวและเคลื่อนนับว่าไม่อันตรายถึงชีวิต ที่อันตรายมากจนผมต้องเร่งส่งคุณเหรินซินให้แพทย์ทรวงอกเร่งผ่าตัดก็เพราะซี่โครงเธอหักถึงสามจุดและมีหนึ่งจุดทิ่มไปที่ปอดจนเกิดรอยรั่วและขณะนี้มีเลือดส่วนหนึ่งเริ่มท่วมปอดแล้วและการผ่าตัดนำเลือดออกจากปอดนี้ค่อนข้างอันตรายอยู่พอสมควรผมจึงต้องการให้คุณชายจ้าวแจ้งไปทางญาติของเธอน่ะครับ"
"เธอมีแค่ผมกับแมวอีกหนึ่งตัวเท่านั้น มีตรงไหนจะให้ผมเซ็นคุณหมอส่งมาเถอะครับเสร็จแล้วจะได้รีบลงมือรักษาเธอ"
"ได้ครับ คุณพยาบาลเอาเอกสารมาให้คุณชายจ้าวเซ็นให้ครบด้วยครับ ผมขอตัวไปดูอาการของคนไข้ท่านอีกก่อนนะครับ"
แค่จ้าวลู่เฉินได้ฟังว่าอาการของเหรินซินย่ำแย่เขาก็ร้อนใจจะแย่ ภายในใจโกรธแค้นน้องชายเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนแต่ที่โกรธที่สุดคงเป็นตัวของเขาเองที่ละเลยไม่ใส่ใจหญิงสาวให้มากพอจนเกิดเรื่องร้ายในวันนี้ขึ้นมาจนได้ชายหนุ่มขอโทษนายทหารรุ่นพี่อยู่ภายในใจเป็นล้านครั้ง จวบจนตลอดเวลาอันยาวนานของการผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี
"ภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้างครับ?"
เมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดออกจ้าวลู่เฉินก็พุ่งเข้าไปสอบถามอาการของเหรินซินทันที คุณหมอเห็นสภาพของญาติผู้ป่วยก็รู้สึกอ่อนใจหากแต่ก็พอจะเข้าใจได้
"เธอปลอดภัยแล้วครับอีกสักชั่วโมงเราจะย้ายเธอออกไปที่ห้องทั่วไปคุณชายจะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนก็ดีครับเพราะหากคุณชายจ้าวจะดูแลภรรยาสภาพของคุณไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไหร่"
คุณหมอหนุ่มตัดสินใจเตือนสามีของคนไข้ออกไปเพราะคิดว่าหากเขาไม่เตือน อีกฝ่ายอาจจะแบกสภาพยับเยินเช่นนี้ตามไปยังห้องพักฟื้นของคนไข้รวมอีกเป็นแน่
"อ๋อครับ ได้ครับ"
พอได้ฟังดังนั้นจ้าวลู่เฉินจึงค่อยก้มลงมองดูสภาพของตนเองแล้วยิ้มเจื่อนๆ ส่งไปให้กับคุณหมอที่ดูสีหน้าอิดโรยอยู่มาก
"กงเหยียนนายอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ฉันจะกลับบ้านกับจางจงเอง"
สั่งการคนสนิทแล้วชายหนุ่มจึงอุ้มเจ้าแมวส้มตัวอ้วนซึ่งคาดว่าสภาพของมันและเขาขณะนี้คงไม่แตกต่างกันมากนัก หลังจากมาถึงคฤหาสน์สกุลจ้าว ชายหนุ่มก็ตรงไปอาบน้ำทั้งตนเองและแมวส้มตัวอวบอ้วน ซึ่งฟาโรห์นั้นราวกับมันรู้ความรู้ประสาเพราะอดีตหากอยู่กับเหรินซินเรื่องอาบน้ำนี้ไม่ง่ายเลยสักครั้ง แต่วันนี้พอเป็นชายหนุ่มหน้าขรึมเป็นคนอาบให้มันกลับยอมโดยดี
"เอาละเจ้าอ้วน ฉันต้องรีบกลับไปดูแม่ของแก่ ส่วนแก่ก็อยู่บ้านเป็นเด็กดีกับหลิวมี่ก็แล้วกันนะ ลุงเหอ หลิวมี่นี่คือแมวของอาซ้อรองช่วยดูแลมันให้ดีด้วยละ"
ลุงเหอชงกับเหอหลิวมี่คือสาวใช้และพ่อบ้านที่ดูแลเรือนหลังซึ่งเป็นของมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วของเขา จ้าวลู่เฉินไม่วางใจคนอื่นๆ นอกจากคนของมารดาสองคนพ่อลูกคู่นี้เท่านั้นที่จะให้ดูแลแมวส้มตัวนี้เพราะจางจงนั้นต้องติดตามขับรถให้กับเขาไปที่โรงพยาบาล
"ได้ครับคุณชายรอง ไม่ต้องห่วง"
"ใช่ค่ะ เจ้าตัวอ้วนนี่น่ารักมาก หลิวมี่จะดูแลให้อย่างดีเลยค่ะ"
"ขอบใจมาก ฉันไปละ"
ลุงเหอชงกับเหอหลิวมี่ถึงจะสงสัยว่าคุณชายรองจ้าวของพวกตนไปแต่งงานมีคุณอาซ้อรองตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ก็เคารพอีกฝ่ายมากจึงไม่เปิดปากถาม มีแต่รีบรับเอาเจ้าแมวเหมียวสีส้มนั้นไปดูแลตามคำสั่งด้วยความเต็มอกเต็มใจ เห็นดังนั้นจ้าวลู่เฉินจึงเร่งก้าวเท้ามุ่งหน้าไปยังด้านหน้าคฤหาสน์ทันที
"ลู่เฉิน!"