รถยุโรปคันหรูสีดำขลับเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณลานจอดรถภายในโรงงาน ถ้าพูดถึงเรื่องความเป็นจริงมูลค่ารถยนต์คันนี้ไม่ใช่รถของพนักงานงานในโรงงานอย่างแน่นอน จะคาดเดาไปอีกว่าเป็นรถของลูกค้ารายใหญ่จากทางโรงงานก็คงจะเดาไม่ถูกอีก ระดับลูกค้ารายใหญ่จะมาทำธุระอะไรกันที่โรงงานสาขาเล็ก ๆ ที่นี่กันล่ะ หากจะคิดดูอีกทีแล้วก็ ...
อ่า ท่านประธานมาสินะ
เสียงเครื่องยนต์ถูกดับจนเงียบสนิท ขนาบข้างลูกน้องพนักงานในโรงงานหลายชีวิตมายืนรอตอนรับบุคคลผู้เป็นเจ้านาย
"หือ วันนี้นายน้อยมาด้วยหรอ" สาวในยูนิฟอร์มพนักงานในโรงงานกระซิบถามเพื่อนข้างตน หลังจากยืดคอชะโงกมองบุคคลภายในรถ
"ตายจริง ! ท่านประธานนึกอะไรอยู่ทำไมพาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาที่ที่แบบนี้" หญิงสาวบุคคลที่สองว่าพลางใช้มือโบกพัดใบหน้าตนเอง ก็อากาศร้อนขนาดนี้ แถมภายในโรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์ก็คงเป็นที่ไม่น่าอยู่
ท่านประธานเลี้ยงลูกชายสำอางจะตายไป
"ยัยแก้ว ! พูดอะไรให้มันเบาๆหน่อย เงียบปากไปเลย !"
เพื่อนสาวข้างกายเอ็ดเบา ๆ พร้อมใช้มือหยิกไปที่ต้นแขนทีนึง
"โอ๊ย ๆ ๆ รู้แล้วย่ะ ! เลิกหยิกฉันสักที เจ็บ"
รองเท้าส้นสูงขัดมันวาวสีดำยี่ห้อดีจากบุคคลที่อยู่ภายในรถยนต์ราคาคงไม่ใช่น้อย ๆ เรียวขาก้าวเท้าลงจากรถเผยให้เห็นหญิงสาวรูปร่างสมส่วน ทรวดทรงสมบูรณ์แบบตามที่หญิงสาวหลายคนใฝ่ฝัน ใบหน้าได้รูป ปากอิ่มเป็นกระจับถูกทาทับด้วยลิปกลอสสีชมพู เส้นผมตรงสีดำขวับพลิ้วราวกับแพรไหม ผิวขาวราวเนียนราวกับหยวกกล้วย ตัดกับชุดเดรสยามคลุมเข่าสีดำที่ถูกสั่งตัดจากผ้าเนื้อดี เธองดงามราวกับในนิยาย
เหมือนโลกหยุดหมุน เธองดงามเกินกว่าจะจับต้องได้จริง ๆ
"มายืนกันทำไมเยอะแยะล่ะจ๊ะ อากาศร้อน กลับเข้าไปทำงานกันได้แล้ว"
คุณเอื้อยวาดยิ้มบาง ๆ พร้อมกับเอ่ยทักทายพนักงานที่มายืนออกันอยู่
เหล่าพนักงานต่างกุลีกุจอยกมือไหว้คุณเอื้อยกันใหญ่
"สวัสดีค่ะคุณเอื้อย เข้าไปข้างในดีกว่านะคะด้านนอกมันร้อน"
พูดจบพร้อมผายมือให้นายหญิงเดินนำเข้าไปในห้องพักเจ้านายภายในโรงงาน
"น้องติณน์ มาเร็วครับลูก"
คุณเอื้อยหันกลับไปเรียกลูกชาย ติณน์
ให้รีบเดินตามเธอไป เพราะอากาศด้านนอกร้อนเกินกว่าจะทนยืนอยู่นาน ๆ ในส่วนทางด้านท่านประธานได้เดินนำเข้าไปก่อนแล้วเพราะท่านคงไม่ยืนคุยรอกับใครเป็นปกติอยู่แล้ว
เด็กชายวัยหกขวบ ส่วนสูงสมส่วนถ้าให้เดาคงจะได้รับกรรมพันธุ์จากทางท่านประธาน จมูกโด่งรั้นรับกับแก้มอิ่มนุ่มของเด็กน้อย สะอาดสะอ้านทราบได้ถึงการได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี
.
.
"คุณแม่กับป๊าไปเดินดูรอบ ๆ โรงงาน ติณน์นั่งรออยู่ในห้องนี้ก่อนนะครับ" เสียงหวานเอ่ย พร้อมนั่งยอง ๆ บอกลูกชายว่าตนกำลังจะออกไปดูงาน
"นั่งอยู่คนเดียวมันน่าเบื่อ ตินณ์ขอไปด้วยได้มั้ยครับ"
นายน้อยบ่น หากนั่งอยู่คนเดียว ๆ ก็คงเบื่อแย่ พูดพรางขอร้องคุณเอื้อยให้ตนเองตามติดไปด้วย
"แต่มันร้อนนะครับ ฝุ่นด้านนอกก็เยอะ"
คุณเอื้อยเอ่ยถามด้วยความกังวล ตนไม่อยากให้เด็กน้อยอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมนาน ๆ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพเอา
"ติณณ์ทนได้ครับ น๊า นะครับคุณแม่ นะครับปะป๊า"
นายน้อยของบ้านว่าพลางโน้มตัวลงไปกิดผู้เป็นแม่ หัวทุยเล็กซบเข้ากับไหล่บางพร้อมกับส่ายหัวไปมาอย่างออดอ้อน
"ก็ได้ครับ แต่ติณณ์ต้องห้ามดื้อ ห้ามซนเข้าใจไหม"
ทิวากรณ์ผู้เป็นพ่อโน้มตัวลงบอกกับลูกชาย
"เย้ ปะป๊าใจดีที่สุดเลย" ติณณ์ผละออกจากผู้เป็นแม่พร้อมกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
.
.
หลังตึกของโรงงานก็เป็นเช่นทุกวัน เด็กน้อยความฝันระบายสีรอผู้เป็นแม่ทำงานเช่นเคย
"ปวดฉิ๊งฉ่องจัง" เจ้าตัวเล็กนั่งระบายสีในท่าพับเพียบลุกยืนขึ้นหลังจากที่บ่นกับตัวเองว่าต้องการที่จะไปปัสสาวะ
เด็กน้อยวิ่งไปที่ห้องน้ำ เพราะกลัวว่าจะไม่ทันการเสียก่อน
ผลั่ก
เสียงของการชนกันเกิดขึ้น พร้อมกับร่างเล็กของเด็กน้อยที่ล้มจนหัวคะมำพื้น
"โอ๊ย"
"ฮะ ฮึก เจ็บ ฮืออ "
"น้องฝันเจ็บ"
ภาพของเด็กน้อยตัวเล็กที่ล้มลงตรงหน้า พร้อมกับปากเล็ก ๆ ที่เบะร้องไห้เพราะความเจ็บปวดจากการวิ่งมาชนเขาพร้อมล้มหัวคะมำพื้น
น้ำตาหยดสีใสไหลออกจากดวงตากลม ใบหน้าเล็กแดงก่ำเพราะร้องไห้อย่างหนัก ที่หัวเข่าและบริเวณหน้ามีเป็นรอยถลอดมีเลือดซึมออกมาเล็กพร้อม เพราะล้มถลาลงไปอย่างแรง
"ตายแล้ว ! ทิวา ลูกเต้าเหล่าใครกัน ทำไมปล่อยมาวิ่งซนข้างในนี้ได้"
คุณเอื้อยเอ่ยขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับถลาลงไปพยุงเด็กน้อยตัวขึ้นขึ้น
ร่างบางกอดปลอบเด็กน้อยอยู่สักพักแต่ความพยายามกลับไม่เป็นผล เด็กน้อยปล่อยโฮหนักขึ้นเป็นเพราะเจ็บแผลที่ตนล้ม
เด็ก ?
เด็กที่ไหน ?
"ผมต้องการพบผู้จัดการ" ทิวากรณ์เอ่ยเสียงดังลั่นกลางโถงทางเดิน
ทำเอาพนักงานชั้นผู้น้อยหลายทำแหน่งที่อยู่ในบริเวณต่างสะดุ้งไปตาม ๆ กัน
"มีเด็กในโรงงานได้ยังไง ใครอนุญาตให้พามา ผมต้องการทราบเรื่องนี้ และเดี๋ยวนี้" ท่านประธานกล่าวเสียงเรียบพร้อมทั้งเดินจ้ำอ้าวไปที่ห้องรับรองอย่างหัวเสีย
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับร่างของผู้จัดการของโรงงานในสาขานี้
"ท่านประธานครับ ผมนาย"
"มีเด็กในโรงงานของผมได้ยังไง"
ยังไม่สิ้นเสียงของผู้จัดการ ทิวากรณ์พูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะชื่ออะไร ตำแหน่งไหน เขาเพียงต้องการทราบถึง้รื่องนี้เท่านั้น
"คะ คือ อันที่จริงแล้ว เด็กคนนั้นเป็นลูกของแม่บ้านทำความสะอาดครับ"
"ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ไม่มีคนดูแลลูกเธอจึงขออนุญาตพาลูกมาที่ทำงานด้วยครับ"
ผู้จัดการอธิบายความจริงออกไป
"ผมอนุญาตหรือยัง" ใบหน้าคมพูดพร้อมจ้องไปที่ผู้จัดการที่ตำแหน่งน้อยกว่าตน
"มะ ไม่ครับท่านประธาน ท่านยังไม่ได้อนุญาต"
"แล้วคุณเป็นใครถึงได้อนุญาตให้นำคนนอกเข้ามา ที่นี่ไม่ได้โรงเรียนอนุบาล ไม่ใช่สนามเด็กเล่น ที่จะเข้าออกได้ตามอำเภอใจ"
"ผมต้องการพบแม่ของเด็กคนนั้น"
"เดี๋ยวนี้"
.
.
.
TALK ; แลดูเริ่มตื่นเต้นขึ้นแล้วนะคะ ❤️