ภายในตัวบ้านหลังใหญ่ ถูกจัดแต่งอย่างหรูหราสมฐานะของผู้เป็นเจ้าของ แต่ยังคงความโมเดิร์นและเรียบง่ายดูสบายตาตามสไตล์ของทิวากร
ลินพาความฝันเดินเข้ามาภายในบ้านจากทางประตูหลังพร้อมระว่างทางได้กำชับลูกน้อยข้างกายไว้ว่าต้องเป็นเด็กเรียบร้อย ทุกอย่างรอบตัวไม่ใช่ของเรา ก่อนจะทำอะไรต้องได้รับอนุญาตเสมอ เด็กน้อยพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นแม่บอก
“เข้ามาแล้วก็นั่งซะสิ มัวแต่ยืนทะเล่อทะล่าอยู่ได้” สิ้นเสียงคำสั่งจากร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่ภายในห้องรับแขก ลินสะดุ้งตัวจากเสียงของทิวากร จึงเกิดอาการประหม่า เขาไม่รู้ว่าตนเองจะต้องทำตัวยังไง
“ผมให้คุณนั่งที่พื้น ไม่ได้บอกให้นั่งระดับเดียวกับผม”
“คะ…ครับ” ร่างบางขานกลับพร้อมวางกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ไว้ข้างกายพร้อมกับนั่งลงบนพื้นบ้านสะอาดข้างกันกับเจ้าตัวน้อยที่นั่งจ้องมองคุณลุงตาแป๋วอยู่ข้าง ๆ
ร่างบางจ้องมองไปที่พื้นพรมนุ่ม เขาและลูกเว้นระยะห่างจากพื้นพรมพอสมควร ลินคาดเดาได้ไม่ยากว่าพรมผิดนั้นราคาสูงมากแน่ ๆ หากเฉียดใกล้อาจจะเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ถ้าเกิดเขาทำพรมราคาแพงนี้พังขึ้นมา ชะตาชีวิตเขาคงไม่เหลือชิ้นดี เพราะฉะนั้นสิ่งใดมีราคาสูงมีค่ามากจะอยู่ห่าง ๆ ไว้ดีกว่า
“เอกสารและข้อตกลงต่าง ๆ เอาไปอ่านซะ” ร่างสูงวางซองกระดาษสีน้ำตาลลงบนโต๊ะด้านหน้าพร้อมเอ่ยปากบอกแก่ร่างเล็ก
คุณแม่ตัวเล็กไม่รอช้า สองมือรีบหยิบซองกระดาษสีน้ำตาลขึ้นมาเปิดอ่านดูทันที เจ้าตัวจิ๋วที่นั่งอยู่ข้างกันชะเง้อมองเอกสารกับผู้เป็นแม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทั้ง ๆ ที่ยังอ่านไม่ออก เป็นภาพที่น่ารักเสียจริง
“อย่าลืมอ่านกฏสำคัญที่ผมขีดเส้นใต้ไว้”
“รีบ ๆ มาเซ็นสัญญาซะ ผมไม่ได้มีเวลาว่างให้คนแบบคุณนานขนาดนั้น”
คนตัวเล็กกวาดสายตาอ่านเอกสารสัญญากฏและรายละเอียดต่าง ๆ อย่างตั้งใจ พร้อมกับรีบเซ็นสัญญาให้เจ้านายทันที
“เสร็จเรียบร้อยครับคุณทิวา”
ร่างหนาแทบไม่ปรายตามองด้วยซ้ำ สิ้นเสียงเล็กของลิน ทิวากรรีบหยิบเอกสารพร้อมลุกจะเดินออกไป
แต่เดี๋ยวสิ … ยังมีรายละเอียดอีกอย่างที่เขายังไม่รู้เลย
“เอ่อ คุณทิวาครับ”
“ที่พักที่คุณทิวาบอก ลินกับลูกต้องพักที่บ้านหลังนี้ใช่มั้ยครับ”
“แล้วห้องของลินกับลูกคือห้องไหนครับ”
ลินลาดาแทบคุมน้ำเสียงสั่นเครือของตัวเองไว้ไม่อยู่ ลมหายใจติดขัดและน้ำเสียงสั่นบ่งบอกได้ว่าเขากลัวโดนทิวากรตำหนิมากแค่ไหน แม้แต่ใบหน้าคมเขายังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเลยด้วยซ้ำ
“อ้อ” ร่างสูงที่เตรียมเดินออกจากห้องเอี้ยวตัวกลับมาบอกคุณแม่ตัวเล็ก
“คุณต้องนอนห้องเก็บของใต้บันไดปีกซ้ายตรงหลังบ้าน”
“จัดการให้ดีล่ะ แล้วก็อย่าลืมกฏที่บ้านของผม”
“อย่าพาตัวคุณ และเด็กนั่นเข้ามาเพ่นพ่านภายในตัวบ้าน ยกเว้นตัวคุณที่เข้าได้ในเวลางานหรือเวลาที่ผมเรียก”
“จำไว้ให้ขึ้นใจด้วยล่ะ”
สิ้นเสียงโอวาทเจ้าของร่างสูงก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ลินและลูกนั่งจ๋องกันภายในห้องรับแขกกันอยู่สองคน
คุณแม่ตัวเล็กหลังจากที่เซ็นเอกสารเรียบร้อย พาลูกน้อยเดินออกมาดูห้องที่ตนเองและลูกชายต้องใช้เป็นที่พักพิง ห้องเก็บของใต้บันได อืม ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ยังมีที่ให้ซุกหัวนอน
“ความฝันครับ ห้องนี้เป็นห้องนอนของเรานะลูก” ร่างเล็กก้มตัวลงบอกแต่ลูกชาย นิ้มเรียวชี้ไปที่ประตูไม้สีขาวตรงหน้า
เขาบอกลูกพลางเดินตรงไปเปิดประตูตรงหน้า ภาพแรกที่เห็นคือสิ่งของที่ถูกวางเกลื่อนอยู่ภายในห้องฝุ่นและอยากใย่อยู่เต็มไปหมด ราวกับว่าห้องนี้ไม่เคยเปิดออกมาเลย มือเรียวยกขึ้นมาปิดจมูกไว้ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจภายใน ร่างเล็กหันไปบอกลูกชายว่าให้ถอยห่างออกไปจากประตูห้องเพราะฝุ่นภายในห้องเยอะทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย
เขาคิดแล้วคิดอีกว่าจะจัดการยังไงกับสิ่งของภายในห้องเหล่านี้ ลินตัดสินใจว่าจะแยกของที่ไม่น่าจะสามารถใช้งานได้ออกมาเพื่อที่จะทำไปทิ้ง และของที่อาจจะใช้งานได้หรือเป็นสิ่งที่น่าเก็บมาไว้ แล้วค่อยถามผู้เป็นเจ้าของบ้านอีกทีว่าจะจัดการยังไง ถึงแม้ว่าจะกลัวผู้เป็นเจ้านายตำหนิแค่ไหน แต่ถึงยังไงก็ต้องทำ เพราะตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะบ่ายสองแล้ว เจ้าเด็กน้อยความฝันยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย แต่ถึงอย่างนั้นเด็กน้อยไม่บ่นสักแอะว่าตนหิว เป็นความผิดของลินเองที่ไม่ดูเวลาจนละเลยเวลาอาหารกลางวันของลูก เขาคิดว่าจะจัดการกับของภายในห้องก่อน ส่วนเรื่องทำความสะอาดค่อยทำทีหลัง ต้องพาลูกชายไปกินข้าวก่อน
พลางสายตากลมจ้องมองไปที่ลูกชายที่นั่งเล่นตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดอยู่คนเดียวที่บริเวณมุมห้อง
“น้องฝันครับ หิวหรือยังลูก ไปกินข้าวกันนะ”
หลังจากที่คุณแม่ตัวเล็กรีบจัดการกับสิ่งของภายในห้องเสร็จสรรพ ก็รีบไปล้างมือล้างหน้าเดินมาเรียกเด็กน้อยไปกินข้าวกัน เขายังไม่กล้าที่จะใช้ห้องครัวของบ้านผู้เป็นเจ้านาย ถ้ากล้าหากทำจริง ๆ คงเป็นการกระทำที่อุกอาจและไม่มีมารยาทไปหน่อย เนื่องจากมาทำงานวันแรก อะไร ๆ ก็ยังไม่ลงตัว
สองแม่ลูกจับมือกันเดินเตาะแตะออกมาจากตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ สิ่งที่เหนื่อยที่สุดคือการเดินจากตัวบ้านออกมานอกโครงการเพื่อที่จะไปหาร้านขายข้าวบริเวณรอบ ๆ หรือใกล้เคียงแถวโครงการ
อาจจะเป็นโจทย์ที่ยากนิดหน่อยด้วยทำเลแบบนี้ ย่านคนรวยแบบนี้ ถ้าจะหาร้านอาหารตามสั่ง ร้านขายข้าวแกงคงจะยากมากจริง ๆ
ร่างบางที่ตอนนี้โอมอุ้มเอาลูกชายตัวน้อยที่หลับคาอกเขา เด็กน้อยในระหว่างทางเดินในโครงการหมู่บ้านจูงมือดูเป็นแม่พร้อมพูดเจื้อยแจ้วไปตามทาง มือป้อมชี้นิ้วเรียกผู้เป็นแม่ให้ดูสิ่งตื่นตาตื่นใจตลอดสองข้างทาง และตอนนี้จิ๋วจิ๋วของแม่แบตหมดไปเสียแล้ว
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จ ลินที่ตอนที่กำลังเดินทอดน่องอยู่ที่ริมฟุตบาทภายในโครงการของหมู่บ้านอีกเช่นเคย และเจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้ฟุบหลับคาลาดไหล่ระหงของคุณแม่ตัวเล็กเรียบร้อย
ร่างบางที่ตอนนี้นำฟูกนอนผืนเล็กมากางให้ลูกน้อยนอนที่มุมใต้บันไดหลังบ้านไปก่อนระหว่างรอเธอทำความสะอาดภายในห้อง วันแรกในสัญญายังไม่มีงานอะไรให้เธอทำมากนัก และสิ่งของที่นำออกมาจากภายในห้องลินตัดสินใจว่าจะถามกับผู้เป็นเจ้านายในวันพรุ่งนี้
หลังจากที่ทำความสะอาดห้องนอนเล็กเรียบร้อยคุณแม่จัดการปลุกเจ้าตัวน้อยเพื่อที่ะพาไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อนที่จะกลับเข้ามานอนพักผ่อนตามวัยของเด็กเล็ก ในส่วนของห้องน้ำของลินและลูกอยู่ภายนอกบ้านต้องเดินออกไปไม่ไกลมาก เชื่อมอยู่กับบริเวณซักล้างที่เอาไว้สำหรับซักผ้านั่นเอง
เจ้าเด็กน้อยความฝันที่ตอนนี้ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อย ดวงตากลมโตเท้าแขนจ้องมองลูกชายที่กำลงนอนหลับ จมูกโด่ง ริมฝีปากกระจับได้รูป แม่อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือน ทำไมไม่มีส่วนไหนที่เหมือนแม่บ้างเลยนะ ร่างเล็กพลางนึกตลกในใจ
มือเรียวกระชับผ้าห่มผืนเล็กให้ลูก ถึงแม้ว่าในห้องจะไม่มีพัดลมหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความเย็นเลย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอากาศในช่วงเวลากลางคืนอุณหภูมิจะลงลดทำให้เกิดความหนาวเย็นได้
จัดการกับผ้าห่มและท่านอนของลูกเสร็จสรรพคุณแม่ตัวเล็กก้มลงไปหอมที่กระหม่อมบางพร้อมกระซิบที่ข้างหูเล็กว่าให้นอนหลับฝันดี
ลินลดาผู้นี้มีแค่เด็กน้อยความฝันผู้เดียวจริง ๆ ยาชูกำลังของแม่
Talk; บ้านหลังใหญ่อย่างกับคฤหาสน์แล้วเอ็งให้เขาไปนอนห้องใต้บันไดได้ยังไงกัน