EP 6

1095 คำ
เพราะหมดห่วงในทุกๆ ปัญหา และคิดว่าได้ส่งลูกสาวคนเดียวของแม่ให้กับผู้ชายที่แสนดี มีฐานะการเงินนั่นมั่นคงเรียกว่าใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด ของในมือถูกวางลงไปที่เดิม ด้วยไม่อยากทำลายความสุขเพียงชั่วครู่ชั่วยามของแม่กับยาย อีกทั้งเข้าใจว่าเรื่องนี้ใหญ่เกินว่าจะคุยช่องทางนี้ได้ จึงคิดว่าแม่กลับมาจะดีกว่า จากนั้นก็เดินไปให้พ้นๆ เตียงอันยับยู่ยี่ แล้วทรุดกายลงนั่งกับชุดรับแขกด้านนอก แฟ้มที่กระจัดกระจายเมื่อครู่ไม่อยู่แล้ว เขาก็คงจะเอากลับไปด้วย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องโกรธอะไรนักหนากับเรื่องไม่เป็นเรื่องนั้น น้ำตาที่เหือดแห้งไปเมื่อครู่ อยู่ๆ ก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง ด้วยไม่รู้จะเอายังไงต่อไปดี วิมานอันสวยเลิศหรูที่วาดไว้ ดูเหมือนจะพินพังลงมาอย่างไม่เป็นท่าแล้ว ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นยังไง ญาติพี่น้องจะดูถูกเหยียดหยามยังไง จะเอาไปนินทาว่าร้ายเสียๆ หายๆ มากน้อยแค่ไหน แล้วยายที่มีโรคร้ายล่ะ จะรับได้มากน้อยแค่ไหน เมื่องานแต่งที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะถูกว่าที่เจ้าบ่าวยกเลิกกลางอากาศ   คนที่เพิ่งสูญเสียความสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงดังรบกวนโสตประสาทการรับฟังอยู่พักหนึ่ง หลังหลับพร้อมน้ำตาไปตั้งแต่บ่ายแก่ๆ จนถึงเย็นย่ำ เลยรีบลุกไปคว้าเอามือถือที่วางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง อาการงัวเงียหายไปทันทีเมื่อเห็นว่าใครโทรมา เพราะไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี จะบอกแม่ก็ยังหวั่นว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ เพราะยังไงยายก็ต้องรู้ด้วยแน่นอน แต่ก็รีบกดรับเป็นเรื่องแรก “ทำไมรับสายแม่ช้าจังเลยเว หรือว่ากำลังหลับ” “ค่ะคุณแม่” “ว่าแล้วเชียว แม่จะโทรถามว่าเวจะเอาอะไรมั้ยจ๊ะ ตอนนี้แม่กับคุณยายช้อปปิ้งจนเหนื่อย เลยว่าจะกินข้าวที่ร้านอาหารข้างล่างนี่ล่ะ ญาติๆ เราก็มาบางส่วนแล้ว หรือว่าเวจะลงมากินด้วยกัน หรือจะสั่งรูมเซอร์วิสเอาจ๊ะ แต่คุณดรณ์นัดว่าจะมากินข้าวเย็นด้วยใช่มั้ย แม่จำได้!” เสียงของคนเป็นแม่นั้นสดใสไม่น้อย แม้จะบอกว่าเหนื่อยยังไงก็ตาม ทว่าคนเป็นลูกนั้นกลับตอบเสียงอ่อยๆ “ค่ะ” “แล้วจะกินที่ไหนกันล่ะลูก” “ยังไม่รู้เลยค่ะ เวเพิ่งตื่น ยังไม่ได้คิดค่ะ” “งั้นไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวสวยๆ รอคุณดรณ์ก็แล้วกันนะจ๊ะ จะออกไปกินที่ไหนก็โทรบอกแม่ด้วย ห้ามกลับดึกนะ หรือถ้าเป็นไปได้ สั่งรูมเซอร์วิสดีที่สุด แล้วก็จำคำแม่เอาไว้นะจ๊ะ ว่าอย่าไว้ใจอะไรทั้งนั้น มันมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ต่อให้พรุ่งนี้เช้าจะเป็นวันแต่งงานของเราก็ตาม” แต่ก็ไม่วายเตือนลูกสาวด้วยความห่วงใย “ค่ะ” “โอเคจ้ะ ถ้าเปลี่ยนใจก็ลงมาข้างล่างนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะไปเทกแคร์ญาติของพวกเราก่อน รักลูกที่สุดนะจ๊ะ จุ๊บๆ” “เวก็รักคุณแม่เหมือนกันค่ะ” ลูกพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้แม่จับน้ำเสียงอันสั่นเครือได้ เรี่ยวแรงจะยืนนั้นหดหายไปอีกแล้ว เมื่อไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบอกแม่กับยายยังไงดี ในใจนั้นร้อนรนอย่างล้นเหลือ ไม่รู้จะบอกใครหรือระบายให้ใครฟังได้ ท้ายที่สุดเลยตัดสินใจหันไปพึ่งพิงสายน้ำอีกวาระ เพื่อหวังให้ดับความร้อนในใจที่มี หรือบางทีอาจจะคิดหาทางออกดีๆ ก็เป็นได้ ตื้ด ตื้ด ตื้ด แต่งตัวเสร็จเสียงออดก็ดัง อาการเย็นวาบไปทั้งตัวเกิดขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่หน้าห้อง ความโกรธหรืออาจจะลามไปถึงเกลียดที่มีในตัวเขาแล่นเข้ามาในใจอีกครั้ง แต่มือบางก็ยังเปิดประตูอยู่ดี ด้วยไม่คิดว่าการหนีจะเป็นทางออกได้ ที่ควรเป็นคือเผชิญหน้ากับเขา และต้องให้เขาเป็นคนมอบทางออกให้ ไม่ใช่ตัวเองมากลัดกลุ้มอยู่ฝ่ายเดียว ก็ปัญหามันมาจากเขานี่ “เลิกฟูมฟายเร็วดีนี่ ตอนผมจะออกไปเห็นร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่เลย คงหวังจะให้ผมเข้าไปง้อล่ะมั้ง แต่ขอโทษนะ ผมไม่ใช่พระเอกในนิยายน้ำเน่าที่ขืนใจนางร้ายอย่างคุณแล้วต้องรู้สึกผิด อีกอย่างคุณก็ไม่ใช่พวกเวอร์จิ้นนี่ ต่อให้พยายามยังไงผมก็รู้ว่ารูไหนฟิตจริง รูไหนให้มีดหมอช่วย...” “คุณมาทำไม มีอะไรอีก รีบๆ พูดมาเพราะฉันไม่อยากได้ยินอะไรที่สกปรกๆ จากปากคุณอีก” เมื่อทนไม่ได้เลยรีบสวนกลับทันควัน นั่นทำให้เขาหน้าบึ้งใส่ทันทีเช่นกัน “ถ้าผมสกปรก คุณ แม่คุณแล้วก็ยายคุณก็สกปรกยิ่งกว่า ต้องให้ผมเจียระไนมั้ยว่าสกปรกยังไง มีผัวมาเท่าไหร่ มั่วมากน้อยแค่ไหน” ดรณ์ไม่คิดจะเกรงใจ เลยด่ากลับด้วยใบหน้าบึ้งตึง “อย่ามาว่าแม่กับยายฉันนะ” “งั้นก็อย่ามาว่าผมสิ เพราะก่อนจะว่าอะไรผม คุณควรดูตัวเอง หรือดูเหง้าของตัวเองด้วย...” “มีอะไรรีบว่ามา” อีกครั้งที่ไม่อยากจะได้ยินอะไรที่สกปรกๆ จากปากเขา เลยต้องรีบตัดบททันควัน “นี่เป็นสัญญา ถ้าคุณตกลงตามนี้ ผมจะไม่ล้มงาน อ่านซะ” มือบางคว้าซองสีน้ำตาลที่เขาโยนลงไปบนโต๊ะกินข้าวด้วยความขุ่นเคือง เพราะไม่เคยเห็นเขาจะหยาบคายอย่างนี้มาก่อนเลย ในใจก็ยังคงมีคำถามเดิมๆ คือ เทพบุตรที่ตัวเองเผลอในรักคนนั้นหายไปไหนแล้ว ทำไมมีซาตานมาแทนที่ได้ แล้วน้ำตาก็ยิ่งไหลรินออกมาเมื่อเห็นเอกสารตรงหน้าที่ด้านบนเขียนคำว่า ‘หนังสือสละสิทธิ์ในทรัพย์สิน’ ใจความสำคัญนั้นระบุไว้อย่างชัดเจน ว่าตัวเองยินดีสละสิทธิ์การครอบครองหรือเป็นเจ้าของในทรัพย์สมบัติของสามีคือนายดรณ์ เดชาโชติช่วงทุกรายการ แบบไม่มีข้อยกเว้นด้วยความยินดีและเต็มใจ น้ำตาที่ไหลออกมานี้นั้น มันมาจากความเสียใจตรงที่ว่าทำไมถึงทำได้ขนาดนี้ เพราะอะไรนักหนา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม