เกือบห้าวันแล้วที่พ่อบ้านเหลียงและคนสนิทของปันเส้าเฟิง ต้องทำหน้าที่อย่างหนัก นั่นเป็นเพราะว่า ป้ายประกาศตามหาตัวสตรีปริศนา อีกทั้งการเล่าเรื่องข่าวของนักเล่านิทานได้ส่งผลให้มีสตรีมากหน้ามาแสดงตน
พวกนางพยายามหาเสื้อผ้า สวมชุดอย่างเช่นในภาพวาด อีกทั้งสีหน้า
สีตาแต่งแต้มอย่างดงามหยดย้อย บางคนทั้งที่เป็นลูกสาวขุนนาง แต่อ้างว่าตน
ดื่มสุราจนเมามาย และสุดท้ายก็ยอมทำเรื่องขายหน้าด้วยการทำเรื่องขวัญกล้าเทียมฟ้า ลักลอบเข้าไปหาหนุ่มใหญ่ถึงห้องรับรองในหอเซียนเมารัก
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา มันสั่นสะเทือนไปถึงวังหลวง แต่ฮ่องเต้เห็นว่าเป็นข่าวรื่นเริง ผิดแต่สตรีที่มีใจให้แก่ปันเส้าเฟิงมานานอย่าง
ตงเร่อ ผู้เป็นถึงญาติของฮ่องเต้กลับไม่อาจอยู่นิ่งเฉย นอกจากส่งคนมาสังเกตความเป็นไปแล้ว นางยังทำสิ่งที่เสี่ยงภัยสักหน่อย แต่ที่ทำไปเพราะเป็นคำแนะนำของพระชายารัชทายาทและเฉินมี่ ซึ่งในยามนั้นเป็นสตรีที่รอบรู้และสนิทสนมกับตงเร่อ
ดังนั้นท่านหญิงที่ทั้งหูเบาและหึงหวงปันเส้าเฟิง จึงได้ก่อเรื่องขึ้น ซึ่งในภายภาคหน้า ทั้งตัวนางและผู้สมคบคิด ย่อมไม่อาจหลุดพ้นจากความผิดนี้ได้
ภายในจวนปัน ส่วนที่เป็นสวนพักผ่อน
ดวงตาคมกริบมองไปยังสตรีงามหยดย้อยเบื้องหน้าเขา
และไม่ใช่เพียงเขาที่สำรวจนางอย่างพินิจ หากเจิ้งคังที่นั่งดื่มสุราในศาสาแปดเหลี่ยมก็พึงใจสตรีผู้นี้ด้วย จนเขาเกือบไม่อาจยั้งใจได้ ซึ่งก่อนหน้ายามที่นางก้าวมาถึงที่นี่คนแรกที่ตบมือให้และยิ้มทักทายก็คือแม่ทัพเจิ้ง
“เอาเช่นนี้ ขอเปิดอกคุยอย่างตรงไปตรงมา หากพี่ปันไม่สานต่อกับนาง ขอให้เป็นสหายผู้น้องนี่เถิดที่จะนำนางกลับจวน หลายปีที่ผ่านมา ไม่ถูกใจ
สาวงามใด ทว่าหากเป็นสตรีผู้นี้ นางช่างเย้ายวนและมีกลิ่นหอมราวกับอาบน้ำนม และกินน้ำผึ้งต่างน้ำ”
แพคิ้วหนา ๆ ของปันเส้าเฟิงเลิกสูง แล้วเอ่ยเสียงช้าชัด เจือความเข้ม
“แม่ทัพเจิ้ง เจ้ากล้าขัดใจข้าถึงเพียงนี้หรือ”
“มิได้ เพียงแต่พี่ปันดูเหมือนไม่ใคร่สนใจนางเท่าที่ควร อีกอย่างยังทำให้นางกลัวเสียด้วย เห็นหรือไม่ แก้มใส ๆ เป็นจ้ำแดงหมดแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ บุรุษย่อมน่าเกรงขามต่อสตรี และหากนางกล้ามาปรากฏตัวที่นี่ และแสดงตนว่าเป็นหญิงที่ปรนนิบัติข้าที่หอเซียนเมารักย่อมต้องใจถึง!”
ปันเส้าเฟิงกล่าว และมองไปยังสตรีเบื้องหน้า นางประหม่าอยู่มาก แต่เก็บอาการเก่ง ประเมินแล้ว คงถูกฝึกมาอย่างดี ไฉนจะเป็นคนบ้านนอกได้
“เปลื้องผ้าออก!”
คำสั่งดังกล่าวชวนให้เจิ้งคังกระอักกระอวนใจ ยามนี้ฟ้าแจ้ง อีกทั้งอยู่ในสวนที่มีบ่าว และคนรับใช้อยู่
“พี่ปัน หากท่านอยากทำเรื่องส่วนตัว ให้ข้ากับผู้อื่นหลบไปก่อนดีหรือไม่”
“เงียบและนั่งอยู่ตรงนั้น!”
น้ำเสียงเฉียบขาดและความเผด็จการที่ฉายท่วมร่างปันเส้าเฟิง แม้แต่ผู้เป็นแม่ทัพอย่างเจิ้งคังยังต้องยอมให้
สตรีเลอโฉมไม่รอช้าอีก นางเขินอายจนหน้าแดง หากสุดท้ายเสื้อผ้าทั้งชุดนอกและในก็เลื่อนลงจากเรือนกายงดงาม
หน้าอกนางอวบอัด ยอดถันสีชมพูเข้ม หน้าท้องแบนราบ ส่วนเว้าส่วนโค้งชวนให้หลงใหลยิ่งนัก ผิดแต่นูนเนื้ออวบอูมนางใช้ผ้าบาง ๆ ปิดไว้
“หมุนตัวให้ข้าดู และเอามือกับผ้าออกจากกลีบดอกไม้เจ้าด้วย”
คำสั่งปันเส้าเฟิงใครเล่าจะกล้าขัด ยามนั้นเจิ้งคังก็แสร้งมองไปทางอื่น ส่วนบ่าว และคนรับใช้ รวมถึงทหารสังเกตการณ์ล้วนหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ใครหนอจะกล้าชมสตรีของปันเส้าเฟิงยามพวกนางไร้อาภรณ์ห่มกาย
“เจ้าชื่อแซ่ใด”
“ผู้น้อยเป็นคนไร้หัวนอนปลายเท้า ก่อนมารดาเสียบอกว่าชื่อเกิงรั่ว
เจ้าค่ะ และไร้แซ่”
ชื่อที่นางเอ่ยไม่คุ้นหูเขา ถึงอย่างนั้นก็ทำให้เขาเชื่อว่า ยามนี้หญิงสาวหลายชีวิตต้องการเป็นสตรีที่มีโชควาสนา จึงพากันแอบอ้างว่า ตนคือหญิงงามที่ใกล้ชิดกับปันเส้าเฟิงในคืนนั้น
“ข้ามีหนึ่งคำถาม จงคิดให้ดีก่อนตอบ”
เกิงรั่วยิ้มรับก่อนจะเริ่มอวดโนมเนื้อและส่วนลับของตนต่อสายตาเขา เชิญชวนรึ กล่าวเช่นนั้นคงไม่ผิด ด้วยนางลูบไล้เนินอกและทำปากเผยออ้า ราวกับกินของร้อนและเผ็ดจัด
“สำหรับสตรีที่ใจกล้าปีนขึ้นเตียงบุรุษแซ่ปัน เจ้าปรารถนาให้ข้าเป็นนายท่าน...หรือสามี!”
“ผู้น้อยเกิงรั่ว ไม่กล้าอาจเอื้อมสิ่งใด ขอแค่ท่านเมตตาให้รับใช้ เช่นนี้ผู้น้อยก็พร้อมมอบทั้งชีวิตให้ซือหม่าปัน!”
และคำพูดสุดท้ายที่เกิงรั่ว เรียกปันซือหม่า ทำให้เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนสั่งให้พ่อบ้าน พาตัวหญิงสาวใจกล้าผู้นี้ไปยังสถานที่ซึ่งจัดเตรียมไว้!
ขณะเดียวกันด้านนอกยังมีสตรีอีกมิน้อยที่มาพร้อมความหวังว่าจะได้เป็นคนข้างกายปันเส้าเฟิง
ยามนั้นเจิ้งคังยกสุราดื่มไปหนึ่งจอก และเตรียมคีบขาหมูเย็นเข้าปาก แต่เกิดความสงสัยต่อบางสิ่ง
“เอ พวกที่รออยู่นอกจวนนั่นเล่า พี่ปันจะให้โอกาสสาวงาม มาแก้ผ้าให้ข้าชมเป็นขวัญตาอีกหรือไม่”
ปันเส้าเฟิงนิ่วหน้าใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนตอบเจิ้งคัง
“ข้าเชื่อว่า ทั้งหมดที่แสดงตัวมิใช่คนที่ข้าหลับนอนด้วย และถึงอย่างนั้นนางจิ้งจอกของข้าก็คงยังอยู่ในเมืองหลวง เพียงแต่จะไม่ปรากฏตัวตามการประกาศหาของข้า สตรีผู้นั้นมิใช่เพียงแค่หญิงงาม หากยังฉลาดและกำลัง
หลอกล่อให้พยัคฆ์อย่างข้าออกล่าเหยื่อด้วยตนเอง!”
“พี่ปัน เพียงแค่สตรีคนเดียว ท่านกลับทำให้หญิงงามทั้งแคว้นต้าโจว ร้อนเนื้อร้อนใจไปหมดแล้วรู้หรือไม่!”
“ฮ่า ๆ ๆ เกรงว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แผนการข้า แต่เป็นสตรีปริศนาผู้นั้น ที่ตั้งใจทำขึ้นอย่างแยบยล!”
เจิ้งคังไม่เชื่อ เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“โถ แค่แม่นางน้อยที่เปิดประตูเข้าห้องผิดและปีนขึ้นเตียง ไฉนถึงจะมีความรู้ความสามารถ ราวกับกุนซือที่เชี่ยวชาญกลศึก พี่ปันชมนางเกินไปแล้ว รู้ตัวหรือไม่!”
ปันเส้าเฟิงคำรามเสียงดัง และไม่ได้ตอบเจิ้งคัง หากเป็นว่าฝ่ามือใหญ่ที่ตบลงบนโต๊ะไม้ มันรุนแรงจนทำให้ขาโต๊ะหักเลยทีเดียว!