“ทำไมถึงว่าฉันเป็นคนเลวหมายความว่ายังไง”
‘ก็พี่กูรเป็นคนเลว’ นั่นคือสิ่งที่หล่อนคิด
“ว่าไงพูดมาสิ ทำไมถึงว่าฉันเป็นคนเลว”
เขาที่เคลื่อนมือออกจากปากให้หล่อนตอบกลับทำให้ใยไหมขนลุกเกรียวมากขึ้น เพราะริมฝีปากของเขาราวจะแนบชิดไม่ห่าง หล่อนได้แต่อ้าปากค้างไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร เพราะแน่ใจว่าแค่ขยับปากทุกอย่างจะแนบชิด และตอนนี้ลิ้น ปาก กับความคิดของหล่อนก็ไม่ค่อยสัมพันธ์กันเลย
จังหวะที่ดูช้าไปครึ่งก้าวเหมือนความคิดหล่อนโลดแล่นไปแล้วแต่ปากเพิ่งขยับ
“บอกมาสิใยไหม ทำไมถึงว่าฉันเลว ฉันไปทำอะไรให้”
เช่นตอนนี้ไง หล่อนได้ยินเสียงเขาชัด แต่ปากเขาที่ขยับพูดทำไมถึงได้มาช้ากว่าเสียง
ใยไหมหลับตา พยายามกลั่นกรองความคิด ฝ่ามือดันเขาออกห่าง ทว่าสองมือกลับถูกเขารวบแล้วรั้งไว้เหนือศีรษะ ส่งผลให้อกอวบอิ่มดันขึ้นจนชิดติดแผงอกกว้าง
“อื้อ... ปล่อยนะ! จะกลับบ้าน”
“ตอบมาก่อน แล้วจะให้กลับ”
เสียงทุ้มฟังดูเหี้ยมแต่ก็เหมือนหยอกเย้า โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มที่ทอดมองมา มันทำให้ใยไหมไม่กล้าดิ้น
ทั้งกลัวว่าหน้าอกอวบใหญ่จะเสียดสี กลัวสิ่งที่อยู่เหนือต้นขาจะเคลื่อนไหว และก็กลัวว่าหล่อนจะแพ้ใจตัวเองด้วย ได้แต่ก้มหน้า กัดปาก พูดช้าๆ ชัดๆ ให้ฟังรู้เรื่องตามสมองสั่งการ ไม่ใช่พูดไปตามใจคิด
“จะกลับ... พี่กูรไม่มีสิทธิ์มาห้าม”
“แล้วใครล่ะที่มีสิทธิ์”
เมื่อถามดีๆ แต่ใยไหมยังไม่ยอมพูด คงต้องใช้ไม้แข็ง เพราะเขาก็อยากรู้นักว่าใครมันมีสิทธิ์ ฝ่ามือจึงช้อนเข้าใต้ร่างรั้งร่างแบบบางแนบชิดติดอก และด้านล่างก็ยิ่งเสียดสีจนใยไหมมองเขาตาโต
“พี่กูร!”
“ทำไม”
“ปะ... ปล่อยไหมนะ”
“ไม่ ตอบมาก่อนว่าใครที่มันมีสิทธิ์ ตอบมาใยไหม ตอบมา!”
“ใครก็ได้ ที่ไม่ใช่พี่กูร!”
“ทำไมถึงเป็นฉันไม่ได้”
“ก็เพราะพี่กูร...”
“ทำไม ฉันทำไม พูดมาใยไหม เพราะอะไร ทำไมถึงเป็นฉันไม่ได้ เพราะฉันเป็นคนเลวเหรอ ใช่ไหม!”
“ใช่! เพราะพี่กูรเป็นคนเลว เป็นคนเลว!”
“พูดเป็นแค่คำนี้เหรอ งั้นก็บอกมาสิว่าฉันเลวยังไง ฉันจะได้รู้ เธอบอกว่าฉันเลว แต่เธอจะไม่ให้ฉันรู้ความเลวของตัวเองเลยหรือไง บอกมาสิว่าฉันเลวตรงไหน ฉันจะได้ปรับปรุงตัวเองถูก”
“เฮอะ!”
“เฮอะอะไร เฮอะอะไรใยไหม!”
ฝ่ามือดันแผ่นหลังของใยไหมให้สูงขึ้นอีกบังคับให้หล่อนพูด เพราะท่าทีไม่ยี่หระของใยไหม เหมือนจะกล่าวหาว่าเขาเป็นคนผิดแท้ๆ แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ความผิดของตัวเอง ใยไหมกำลังทำให้อารมณ์เขาเดือด ทว่าใยไหมที่หลับตาขมวดคิ้วทั้งพยายามส่ายใบหน้าทำตัวเองให้มีสติ ก็ทำให้รู้ตัวว่าเขาไม่ควรคาดคั้นเอาคำตอบที่ใยไหมตั้งใจปกปิด เพราะเมาขนาดนี้ใยไหมก็ยังไม่ยอมพูดออกมา แต่กลับพูดพึมพำทำให้เขางงมากขึ้นไปอีก
“ผู้ชายเฮงซวย”
“ว่าฉัน”
“ใช่... พี่กูร คนเฮงซวยที่สุด”
“แต่เธอรักผู้ชายเฮงซวย”
“หือ… รัก… ไม่นะ… ไม่ได้รัก”
คนใต้ร่างที่เบิกดวงตากว้างมองเขาหน้าตาตื่นทำให้อารมณ์เขาเปลี่ยนฉับพลัน จากที่กำลังเดือดปุดๆ เมื่อครู่ กลับกลายเป็นตื่นตัว รวมทั้งร่างที่แนบสนิทเบียดเสียดสีก็ค่อยๆ สร้างความหวามไหวให้เขาอยากต่อล้อต่อเถียงกับใยไหมอีกรอบหรือจะหลายๆ รอบก็น่าจะไหว
“ใช่ เธอรักฉัน เธอรักผู้ชายเฮงซวยคนนี้ เธอรักฉันใยไหม”
“ไม่! ไหมไม่ได้รักพี่กูร”
“แล้วเธอรักใคร ไหนพูดมาสิว่าเธอรักใคร”
“รัก ไหมรัก…”
“ว่าไง เธอรักใคร”
“รัก…”
คนหน้าตาตื่นที่หลุบสายตาไปทางอื่น เรียกรอยยิ้มกว้างระบายไปทั่วใบหน้า คนเมาเอียงอายน่ารักเหลือเกิน นี่คงเป็นคำตอบสุดท้ายที่เขาเลือก ซึ่งไม่ว่าจะเลือกข้อไหนก็ถูกทุกข้อ
“เธอรักฉัน”
“ไม่...”
“ต้องพิสูจน์”
“ไม่พิสูจน์ พี่กูร! อื้อ...”
อังกูรไม่รอช้าทาบริมฝีปากรุ่มร้อนปิดปากน้อยๆ ที่อ้าประท้วงทันที และเพียงแค่เนื้ออ่อนนุ่มสัมผัสกันและกัน ความรู้สึกซาบซ่านก็วิ่งริ้วปะปนกับฤทธิ์แอลกอฮอล์อ่อนๆ ราวกับถูกความหวานแผ่กระจายแทรกซึมจากเนื้อปากเข้าไปในร่างกาย ก่อนจะกระจายวาบไปทั้งร่าง จากนั้นก็พุ่งทะลุสู่หัวใจ ก่อเกิดเป็นความอุ่นวาบให้เขาอยากแตะต้องสัมผัสใยไหมให้มากกว่านี้
เขาจะไม่ปล่อยให้ใยไหมตั้งตัว แม้จะเป็นการเห็นแก่ตัวที่ฉกชิงจากคนเมาที่สติไม่เต็มร้อย เขาก็จะทำ เพราะนี่คือโอกาสแห่งการผูกมัด ที่เขาจะยอมให้ใยไหมผูกมัดเขาตลอดไป
เสียงครางเบาๆ ในลำคอดังขึ้น เมื่อเขาได้สอดแทรกลิ้นใหญ่เข้าไปอุ้งปาก ส่งผลให้ใยไหมครางฮืออย่างคนไม่รู้ตัว แต่ไม่นานก็ตอบสนองจูบเขาอย่างไร้เดียงสา
อังกูรจูบทึ้งเรียวปากอิ่ม จูบเอา จูบเอา ราวกับความหวานนั้นแทรกซึมอยู่ทุกอณูเนื้อ และเขาก็อยากจูบหล่อนอีก แต่คนที่อ่อนไปทุกจุดก็ทำให้เขาต้องไปต่อ จำต้องถอนปากออกจากความหวานซ่านปลายลิ้น เคลื่อนริมฝีปากลงมาตามลำคอระหง ทั้งจูบ ดูด เลีย ไปทุกพื้นที่ที่ริมฝีปากเคลื่อนผ่าน ไม่เว้นแม้สักตารางนิ้วเดียว จูบดูดทึ้งเนื้อนุ่มจนใยไหมผวาแอ่นอกขึ้นหา แต่ปากที่เป็นอิสระก็ร้องห้ามสลับกับครางเสียงกระเส่า