หลังจากที่ดื่มกันเต็มที่แล้วต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันกลับไปในที่ของตัวเอง ฟินซ์เองก็เช่นกัน แต่ขณะที่เขาเดินไปขึ้นบีเอ็มสีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดสายตาก็พลันไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งใบหน้าสวยหวาน แต่แฝงไปด้วยความซุกซน ที่ตอนนี้กำลังฟุ่บหน้าลงไปที่หน้ารถของเขาโดยมีเพื่อนสาวที่ตัวเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงพยุงอยู่
"ยาหยี ลุกเดี๋ยวนี้ แกจะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะยะ"เพื่อนสาวเอ่ยอย่างหัวเสียกับการกระทำของเธอ
"สมชาย เงียบก่อนฉันจะนอน"
"ชายนี่ ถ้าแกเรียกฉันแบบนั้นอีกฉันจะทิ้งแกไว้ตรงนี้เดี๋ยวนี้ ให้เจ้าของรถมาทุบหัวแกตอนนี้เลย"
ฟินซ์ยืนมองเหตุการณ์นั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเดินเข้าไปหา
"มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ"เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
"หล่อมาก หล่อแบบไม่หวาดไม่ไหว นี่มันเทพบุตรหรือเปล่าเนี่ย"ชายนี่สบตากับฟินซ์เพียงครู่ก็ทำเอาหัวใจของเขาพองโตในความหล่อที่ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยพบเคยเจอคนที่หล่อทุกกระเบียดนิ้วแบบนี้
"เอ่อ...ถ้าไม่มีอะไรให้ช่วย ขอทางด้วยนะครับนี่รถผม"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่ร่างบางที่ยังคงฟุ่บหน้าไปที่กระโปรงหน้ารถของเขา
"หยี ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ เจ้าของรถมาแล้ว"ชายนี่ดึงร่างเพื่อนขึ้นมาพร้อมกับใช้แขนเพื่อนค้องคอของร่างเขาเอาไว้ มืออีกข้างโอบเอวไว้เพื่อไม่ให้เธอล้มไปกองอยู่กับพื้น
"ไหนๆ ใครเจ้าของรถ ไหนขอดูหน้าหน่อยสิ"ไม่วายคนตัวเล็กก็ดันร่างของเพื่อนออกแล้วพุ่งตรงไปยังร่างสูงของฟินซ์ที่ยืนมองเธอไม่วางตา
มือเล็กตวัดไปคว้าใบหน้าหล่อๆของเขาเอาไว้ ก่อนจะหันไปหันมาตามแรงมือน้อยๆทั้งสองข้างของเธอ เธอมองใบหน้าหล่อๆเหมือนถูกมนต์สะกด เขาเองก็เช่นกันจ้องมองการกระทำของคนร่างเล็กอย่างไม่วางตา แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธสัมผัสนี้จากเธอ หากแต่ว่าเขากลับชอบมันเสียด้วยซ้ำกับท่าทางน่ารักๆแสนซนนั้น
เพื่อนรักของเธอเมื่อเห็นเข้า ก็รีบดึงร่างของเพื่อนขี้เลื้อยของเธอออกจากร่างชายตรงหน้า พร้อมกับก้มโค้งตัวเป็นการขอโทษ
"ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ พอดีเพื่อนดื่มหนักไปหน่อย ขอโทษจริงๆค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนที่เปิดประตูรถแล้วขับออกไป
"เกือบไปแล้วนะยาหยี แกนี่นะ ถ้าเขาเอาเรื่องขึ้นมาฉันจะพลอยซวยไปด้วย"ถึงจะบ่นแบบนั้นแต่เขาก็ลากสังขารของเพื่อนไปยัดใส่ในรถคันหรูของเขา ไม่น่าชวนมันออกมาด้วยเลย ดีนะที่พ่อเทพบุตรใจดี ชายนี่คิดในใจอย่างคาดโทษเพื่อนรัก
วันต่อมา...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
"ยาหยี"ผู้เป็นพ่อเรียกลูกสาว เพราะวันนี้เธอต้องเข้าไปดูงานที่บริษัทวันแรก จะสายไม่ได้
"ค่ะพ่อ ตื่นแล้วค่ะ"
"พ่อให้เวลา30นาที ไม่งั้นพ่อจะเพิ่มจาก1ปีเป็น2ปี"เมื่อได้ยินดังนั้นสาวสวยก็เบิกตาโพลงขึ้นทันที ไม่ได้ ฉันจะไม่มีทางเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทบ้านั่นเด็ดขาด แค่1ปีก็จะขาดใจตายอยู่แล้ว คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
@บริษัท KT กรุ๊ป
"คุณฟินซ์ ไรเดอร์ เชิญค่ะ"ฝ่ายบุคคลเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"ครับ"ฟินซ์ เดินเข้าไปให้ห้องสัมภาษณ์ที่มีคนรอสัมภาษณ์รออยู่ก่อนแล้ว
"เริ่มกันเลยไหมคะ"ฝ่ายบุคคลกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
"ครับ"
"สมัครตำแหน่งรองผู้จัดการแผนกเครื่องยนต์นะคะ"
"ครับ"
"ทำไมโปรไฟล์ดีๆแบบนี้ถึงคิดที่จะมาสมัครในตำแหน่งแค่นี้คะ"
"เอ่อ ผมอยากทดลองงานเก็บประสบการณ์ไปก่อนครับ"
"อ้อ...ทางบริษัทต้องรับอยู่แล้วค่ะ คงจะปฏิเสธคนมีความสามารถไปไม่ได้...พร้อมเริ่มงานเลยไหมคะ?"เธอถามด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับจ้องใบหน้าหล่อเหลาอย่างกับจะกลืนกิน คนอะไรทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้ โปรไฟล์ก็ดี จบจากเมืองนอกอีกต่างหาก เธอคิด
"ครับ"เขายังคงตอบรับนิ่งๆ
"งั้น พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลยนะคะ แสกนบัตรเข้าตอน8โมงเช้า แสกนออกตอนบ่าย3โมงครึ่ง ห้ามเลทห้ามสายเกิน3ครั้งต่อเดือน ส่วนบัตรกรุณารออีก10นาทีจะมีพนักงานเอามาให้นะคะ ขอบคุณที่เลือกบริษัทเราค่ะ"เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้าฟินซ์เป็นการทักทายและแสดงความยินดี แต่ฟินซ์กลับยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณจากนั้นก็เดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวยกมือเก้อที่เขาหักหน้าเธอ
ฟินซ์เดินตรงไปยังรถบีเอ็มสีขาวคันหรูของเขาแต่สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่ก้าวออกมาจากรถด้วยชุดสูจน์สีดำตัดขอบขาวดีไซด์เก๋ ความยาวของกระโปรงเหนือเข่า ใบหน้านี้เขาจำมันได้ดี สวยหวาน แต่กลับซุกซน ดวงตาเป็นประกาย มีเสน่ห์ ยิ่งมองยิ่งดึงดูด ยิ่งรวบผมที่ดัดลอนสีน้ำตาลอ่อน ยิ่งเปิดใบหน้าสวยๆนั้นให้ยิ่งน่ามองมากขึ้น เขามองเธอไม่ละสายตาอีกแล้ว ทุกครั้งที่มองเหมือนตกลงไปในห้วงความฝันจนไม่อาจที่จะละสายตาไปจากเธอได้ ทุกการเคลื่อนไหวของเธออยู่ในสายตาของเขาจนทำให้ผู้ที่ถูกจ้องมองอยู่นั้นรู้ตัวแล้วหันมาส่งยิ้มสดใสให้กับเขา ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในบริษัท หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ มันโครมครามราวกับจะหลุดออกจากขั้วหัวใจ เธอทำงานที่นี่เองหรอ นี่มันคือความบังเอิญ หรือพรหมลิขิตกัน ถึงทำให้เขาได้เจอเธออีกครั้ง ฟินซ์กระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถและขับออกไปในทันที
เริ่มงานอีกทีก็คือพรุ่งนี้ แล้วพรุ่งนี้เขาต้องรู้จักกับเธอคนนั้นให้ได้ หวังว่าจะนิสัยดีเหมือนหน้าตานะ แค่คิดหัวใจก็พองโตแล้ว อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจัง เขาคิดพร้อมกับระยายยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
"เฮ้ยไอ้ฟินซ์ มึงเป็นอะไรของมึงวะ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว"กวินภพกล่าวขึ้นพร้อมกับตบไหล่เพื่อนให้ตื่นจากอาการเหม่อลอยนี้เสียที
"ยิ้มที่จะได้ทำงาน"คำตอบของเขาทำเอาเพื่อนขมวดคิ้วด้วยความสังสัย มันไปแก้แค้นทำไมต้องยิ้ม
"มึงยิ้มเพราะจะได้แก้แค้นแบบนี้หรอ สมองมึงประมวลอารมณ์เคืองแค้นแปลกๆนะ"ครั้งนี้ฐาปกรณ์เอ่ย
"เออช่างแม่งเหอะ กูว่าไอ้ฟินซ์มันเพี้ยน ว่าแต่ว่าคอนโดนี้มึงอยู่ได้ใช่ไหม"กวินภพเอ่ยถาม
คอนโดนี้เป็นคอนโดของครอบครัวกวินภพ หรูหราระดับ10แถม ใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวกสะบาย พื้นที่ใช้สอยก็กว้างขวาง ถึงแม้เขาจะเป็นตำรวจแต่หลักๆแล้วเขาก็เป็นเจ้าของที่นี่สืบทอดต่อจากพ่อ และมันมีห้องว่างเลยปล่อยเช่าให้เพื่อน
"ได้ดิ แต่แพงฉิบหาย มึงก็เก็บกูหน้าเลือดเกิน"ฟินซ์บ่นกระปอดกระแปด
"ทำเป็นพูด มึงรวยกว่ากูอีกอีแค่เช่าคอนโดของกูขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกมั้ง"กวินภพจิกกัดเพื่อนอย่างหมั่นไส้
"แล้วมึงจะกัดกันทำไม แดกเหล้าครับผมฉลองที่ไอ้ฟินซ์ได้งานอย่างที่หวังไว้"ฐาปกรณ์เอ่ยดักเพื่อนก่อนที่จะมีสงครามเล็กๆเกิดขึ้น เพราะไอ้สองคนนี้มันชอบทะเลาะกัน "และหวังว่าจะเจอความจริงไวไว"
"กูก็ภาวนาให้เป็นแบบนั้น"ฟินซ์กล่าวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง