ตอนที่5 นายหัวจอมโหด
เพียงฟ้าค่อยๆ พยุงร่างที่แทบไร้สิ้นเรี่ยวแรงของตัวเองลุกขึ้นยืน แววตาของเธอดูหวาดกลัวและชิงชังปนกันยามมองไปยังร่างใหญ่โตที่เดินนำหน้าชายฉกรรจ์เหล่านั้นมาทางที่เธอยืนอยู่ นัยน์ตาของเขาดูช่างเลือดเย็นเหลือเกิน หญิงสาวไม่รู้หรอกว่ากลุ่มคนที่หนีตายกันอย่างหัวซุกหัวซุนนั่น ไปทำความผิดอะไรร้ายแรงขนาดไหนมา ทว่าการลงโทษแบบรุมประชาทัณฑ์เมื่อครู่มันดูป่าเถื่อนโหดร้ายต่างจากคนที่มีอาริยะธรรมพึ่งกระทำต่อกัน
เขาปรายตามองเธอแว่บหนึ่งเท่านั้นขณะที่เดินผ่าน โดยไร้คำสนทนาปราศรัยใดๆ หญิงสาวมองกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบซึ่งหน้าจะเป็นลูกสมุนของเขาลากตัวชายผู้โชคร้ายละร่างไปพื้นทรายด้วยความเวทนาอย่างมหาศาล
แต่เธอก็จนใจเหลือเกินที่จะให้ความช่วยเหลือใครได้ เพราะสถานะของเธอในเกาะที่ผู้คนเสมือนพวกป่าเถื่อนชอบใช้ความรุนแรงนี้ เธอเป็นเพียงบุคคลที่ได้รับความช่วยเหลือมาเท่านั้น เพียงฟ้าพยายามรวบรวมสติหลังจากมันได้เตลิดไปไกลแล้วให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง แล้วเดินกึ่งวิ่งตามกลุ่มผู้ชายเหล่านั้นไป เธออยากรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับผู้ชายคนนั้นกันแน่
“จะให้พวกผมทำยังไงกับมันดีครับนายหัว ยิงกระบาลมันแล้วทิ้งลงทะเลเลยดีมั้ย”
ชาตรีมือขวาของเจ้าของเกาะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น เมื่อลากผู้บุกรุกตามเจ้านายมาหยุดยืนที่ลานกว้างหน้าบ้านหลังใหญ่ของผู้เป็นนาย
“มึงเอามันไปมัดไว้กับต้นมะพร้าวทางโน้น แล้วจัดคนคอยเฝ้ามันไว้น้ำข้าวไม่ต้องให้มันกินพรุ่งนี้กูจะสอบสวนมันเอง”
ชายที่ทรงอำนาจที่สุดในบรรดาชายฉกรรจ์ทั้งหมด ชี้มือไปทางกลุ่มต้นมะพร้าวซึ่งขึ้นเรียงรายเป็นทิวแถวเรียบหาด เขาออกคำสั่งด้วยสุ้มเสียงดังกังวาน
“จัดให้ครับนายหัว เฮ้ยพวกเราลากมันมาทางนี้โว้ย”
ชายชื่อชาตรีรับคำสั่งเจ้านายแล้วหันไปบอกชายฉกรรจ์ที่ตามมาด้วยกันจับร่างหมดสติของเชลยไปมัดไว้ตามคำสั่ง หากก้าวเท้าไปได้ไม่กี่ก้าวเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นรั้งเท้าของเขาเอาไว้
“หยุดนะ! พวกคุณจะมาตั้งศาลเตี้ยทำร้ายคนที่นี่ไม่ได้นะคะ”
อัษฎายุธหลับตากัดฟันกรอดก่อนจะค่อยๆ หันมาทางต้นเสียงสั่นๆ ที่กล่าวตำหนิพวกเขานั่นช้าๆ เขาจ้องใบหน้าหวานที่บัดนี้ทำท่ากล้าๆ กลัวๆ สบสายตากับเขาอย่างไม่ยอมลดละนั่น เธอเม้มปากตัวเองแน่นกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่นิ่งไปชั่วอึดใจเหมือนพยายามรวบรวมความกล้าเท่าที่จะทำได้
“ทำไม… จะไม่ได้”
คนถามกลับหรี่ตามองดวงตากลมโตที่เสหลบสายตาของเขาไปทางอื่นซะเฉิบนั่น แล้วหันมาสบตากับเขาอีกครั้งกลอกตาไปมาเหมือนกำลังคิดหาคำพูดเพื่อมาเกลี่ยกล่อมเขาอยู่
“เอ่อ… ก็ ก็มันไม่ถูกต้องไงคะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาทำความผิดร้ายแรงอะไรมา แต่บ้านเมืองก็มีกฎหมายนะไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนที่คุณหรือใครจะมาตั้งศาลเตี้ยตัดสินความผิดคนอื่นตามอำเภอใจแบบนี้ได้น่ะ”
“พูดได้น่าสนใจดีนี่ หลังบ้านของเธอคงเป็นทุ่งดอกลาเวนเดอร์ เลี้ยงม้ายูนิคอนสีชมพูเอาไว้เป็นฝูงงั้นสินะ” นายหัวหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแฝงแววประชดประชันเอาไว้ในที