หากเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นฝันร้ายก็คงเป็นฝันร้ายที่ทำลายความรู้สึกคนทั้งเป็น ปลายฟ้านอนเหม่อมองเพดานทั้งน้ำตาอาบหน้า จนเปียกชุ่มโชกหมอนสีขาวไปหมด
แขนข้างซ้ายถูกหุ้มเฝือกเนื่องจากแขนหักจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ระหว่างรอความช่วยเหลือปลายฟ้าพยายามปลุกสิงหราชทุกทาง พยายามช่วยเท่าที่จะทำได้แต่ชีพจรของเขาก็ไม่กลับมา
ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ..
ธีระที่นั่งรออยู่ข้างเตียงลุกขึ้นด้วยสีหน้าโล่งอกหลังได้เห็นปลายฟ้าลืมตาขึ้นมา เพราะเธอหลับไปหลายชั่วโมงจนเขาอดห่วงไม่ได้
“หนูเห็นเฮียสิงห์ไม่หายใจ.. เขาไม่หายใจแล้ว” น้ำเสียงแหบพร่าส่งผ่านใบหน้าที่แสนจะเจ็บปวด เมื่อยังจดจำทุกรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
“ปลายฟ้า”
“หนูช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย หนูเป็นคนทำให้เขาตาย.. เฮียสิงห์ตายเพราะหนูเอง”
ดวงตายังจดจำ หัวใจยังเจ็บปวด จนคนบนเตียงบิดเร่าร่างกายด้วยความโกรธที่ทำอะไรไม่ได้ น้ำตามากมายไหลรินจนเปียกชื้นทั้งสองแก้ม
ธีระพยายามจับให้เธอนอนนิ่ง ก่อนจะใช้มือเช็ดน้ำตาให้ปลายฟ้าที่ร้องไห้จนตัวคดงอ
“มันมีคนพยายามจะฆ่าเฮียสิงห์หนูมั่นใจ” ปลายฟ้าพูดกรอดไรฟัน ภาพของชายชุดดำบนมอเตอร์ไซค์เธอยังจำได้แม่น
“ใคร” ธีระขมวดคิ้วมุ่น พลางเสตามองไปด้านข้างครู่หนึ่ง
ปลายฟ้าพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวจนปวดหน่วงที่ขมับ ก่อนจะขย้ำเสื้อธีระแล้วบอกเขาในสิ่งที่ได้เห็นในท่าทางร้อนรนปนเสียงสะอื้นไห้
“มันปาดหน้ารถเฮีย ทำให้เฮียเสียหลัก.. เฮียไม่ได้เสียเพราะโรคหัวใจกำเริบ แต่มีคนพยายามจะทำต่างหาก”
“ใจเย็นก่อน พี่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่รู้แล้ว”
“เฮียธีร์ต้องจับมันให้ได้ มันเป็นใคร.. ไอ้เลวนั่นมันเป็นใคร”
คนตัวเล็กที่อยู่ในสภาพบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจเขย่าตัวธีระขอให้ช่วยราวกับคนเสียสติ จนเขาต้องใช้เรียวแขนโอบกอดเธอเพื่อปลอบประโลม
นานหลายนาทีกว่าที่คนในอ้อมแขนของธีระจะสงบลง เธอคลายมือที่ขย้ำเสื้อเขาออก แต่ยังคงมีเสียงสะอื้นไห้เล็ดลอดให้ได้ยิน
ปลายฟ้ากำลังอยู่ในช่วงขาดสติหลังพบเจอเหตุการณ์สะเทือนใจเขาเข้าใจดี คงไม่มีใครทำใจไว้ล่วงหน้ากับการสูญเสีย และไม่มีใครยอมรับได้กับการจากไปของสิงหราช
เพราะตอนนี้ราพณาก็สูญเสียคนมีความสามารถไปเช่นกัน..
“หนูอยากไปหาเฮียสิงห์..” ปลายฟ้าเงยหน้าบอกอีกคนที่ทำหน้าเหมือนหนักใจ เพราะไม่อยากให้เธอได้เห็นสิงหราชในสภาพที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายธีระก็อยากให้เธออยู่กับความจริงให้ได้อยู่ดี
“เธอต้องตั้งสติไว้นะปลายฟ้า พี่ไม่อยากให้เธอแย่ไปอีกคน” ธีระเอ่ยบอกหลังประคองเธอมาที่หน้าห้องดับจิต ก่อนหลุบตามองมือของเขาที่กุมมือเธอเอาไว้
“เฮียอยู่ในนั้นใช่มั้ยคะ” ปลายฟ้าถามเสียงค่อย ผลมาจากการร้องไห้หนักจนดวงตาบวมแดง
“ใช่..”
“หนูขอเข้าไปลาเฮียสิงห์แค่แปปเดียว.. เฮียธีร์รออยู่ตรงนี้นะคะ”
พูดจบปลายฟ้าก็ยกมือปรามคนที่ทำท่าจะเข้าไปด้วยเพราะความเป็นห่วง แต่เวลานี้เธอมีหลายอย่างอยากจะพูดกับสิงหราชเพียงลำพัง ต่อให้เหลือแต่ร่างที่ไร้วิญญาณก็ตาม
ปลายฟ้าเปิดประตูห้องพร้อมกับภาพทับซ้อนผุดแทรกขึ้นมาว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้ว ใบหน้าขาวซีดจางดูไร้ชีวิตชีวา ก้าวช่วงขาสั้น ด้วยความหวาดกลัวพลางกำมือแน่น
“เฮีย..” เธอเปล่งเสียงเรียกเขา ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือเปิดผ้าสีขาวที่คลุมร่างออกให้เห็นเพียงช่วงใบหน้า
ฉับพลันอกข้างซ้ายก็บีบรัดจนปลายฟ้าแทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น เป็นสิงราชอีกครั้งที่นอนแน่นิ่งต่อหน้าเธอ ไม่มีการเคลื่อนไหวรวมถึงทุกอย่างรอบข้างก็พลันเงียบลงราวกับว่าเวลานั้นหยุดเดิน
เธอทรุดตัวนั่งลงขณะที่จับมือของสิงหราชข้างที่สวมกำไลหินอ่อนเอาไว้ ทำได้แค่ภาวนาในใจว่าฝันร้ายนี้จะถูกแก้ไขได้อีกครั้ง
หากได้ย้อนกลับไปเธอจะไม่ยอมให้จุดจบเป็นแบบนี้..
“ฮือ” ปลายฟ้าปล่อยโฮจนไหล่เล็กสั่นสะท้าน จับมือของสิงหราชมาแนบข้างแก้มอย่างนึกอาวรณ์และโหยหา ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาฉายสลับตัดเป็นฉากให้ปวดหน่วง จนถึงวินาทีต่อมาเธอก็ทิ้งตัวฟุบลงไปบนพื้นอย่างหมดแรง
“ขอโทษ.. ขอโทษที่หนูช่วยอะไรเฮียไม่ได้เลย” ปลายฟ้าร่ำไห้ ดวงตาคู่สวยชุ่มโชกไปด้วยหยาดน้ำตา
ทั้งที่บอกว่าจะช่วยเขาให้ได้ แต่เธอกลับรู้สึกไร้ค่าเหลือเกินเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าร่างที่ไร้ลมหายใจของเขาอีกครั้ง
ปลายฟ้ามืดมนเกินกว่าจะมองเห็นหนทางที่จะยุติเรื่องราวเหล่านี้ เธอเป็นคนเดียวที่จะช่วยเขาได้ แต่ในเวลานี้เธอกลับอ่อนแอกว่าใคร ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะทนมองภาพของสิงหราชตายไปต่อหน้าต่อตาได้อีกแล้ว
ไม่อีกแล้ว..
ในวันแรกที่พิธีศพจัดขึ้นปลายฟ้ายังคงพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล ฟ้งข่าวว่าตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายที่ปาดหน้าสิงหราชได้ แต่ให้การซักทอดไปยังผู้บงการเบื้องหลังที่จ้างวานให้เขาทำ แต่กลับไม่รู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร
ปลายฟ้าที่ได้ยินข่าวมาตลอดทั้งวันปวดใจจนอยากจะหายไป ไม่อยากรับรู้แล้วว่าตอนนี้สิงหราชไม่อยู่กับเธอแล้ว
“ไปกันยัง” เธียรที่เพิ่งจะออกไปคุยโทรศัพท์กับธีระเดินเข้ามาหาเธอ ปลายฟ้าเปลี่ยนจากชุดของโรงพยาบาลเป็นเดรสสีดำเพื่อไว้อาลัย นั่งปล่อยผมยาวสยายจนถึงกลางหลัง แต่เพราะมือเจ็บเธอเลยหวีมันไม่ถนัด
เหมือนกับตอนนั้นไม่มีผิดเลย..
ปลายฟ้ากำลังนึกถึงใบหน้าคมคายที่มักจะมีดวงตาสีนิลเปรยสายตามองสิ่งรอบข้างอย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับเป็นผู้ชายที่มีความเป็นสุภาพบุรุษแล้วก็ใส่ใจคนรอบข้างเสมอ
เธียรที่เห็นสายตาเหม่อลอยของปลายฟ้าก็พลอยระบายลมหายใจอย่างอดห่วงไม่ได้ ก่อนจะหยิบหวีจากมือเธอมาถือไว้เอง
“มา เดี๋ยวฉันหวีให้เธอเอง” เธียรพูดพลางคลี่รอยยิ้มบนใบหน้า
“พี่เธียร” ปลายฟ้าขยับสายตามองเขา เหมือนกับว่าเพิ่งจะเลิกเหม่อ พลันน้ำตาเม็ดใสก็ร่วงเผาะอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“ไหวหรือเปล่า”
“ไหว.. ไหวค่ะ”
“ถ้าไม่ไหว ฉันจะให้เธอพักต่ออีกหน่อย เฮียกับป๊าก็คงจะคิดเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไร.. ไหว” ปลายฟ้ากล้ำกลืนฝืนยิ้มให้เธียรที่มองเธอแล้วรู้สึกสงสารจับใจ
ภาพนี้มันทำให้เธอนึกถึงสิงหราช ในวันวานเขาเป็นคนคอยช่วยเหลือเธอทุกทาง แม้ว่าจะเป็นคนไม่ค่อยพูดออกมา แต่การกระทำของสิงหราชที่ใส่ใจคนรอบข้างมันชัดเจนเสมอ
“ฮึก” ปลายฟ้ายกมือขึ้นปิดหน้าแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น หลังจากเธียรรวบผมให้เธอเสร็จ เขาก็วางมือลงบนบ่า ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด ใบหน้าแนบหน้าท้องแกร่งมือก็ลูบหัวเธอไปพลาง
“เฮียสิงห์.. เขาไปดีแล้วนะปลายฟ้า ตอนนี้เฮียคงไม่ต้องเหนื่อยอะไรหลายๆ แล้ว”
“ทำไมต้องเป็นเขา.. ทำไมต้องเป็นเฮียสิงห์ด้วย”
“นั่นสิ ทำไมต้องเป็นเฮีย” เธียรมุ่นคิ้วคล้ายคนจะร้องไห้ “ถ้ารู้ว่าวันนั้นจะไม่ได้เจอกันอีก ฉันน่าจะโทรกลับไปตอนที่เฮียโทรมา”
พูดจบเขาก็ย่อตัวลงให้ใบหน้าเสมอกับปลายฟ้า พลางใช้มือประคองแก้มขาวที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาให้เงยหน้ามอง สายตาของเขาที่มองเธอนั้นอ่อนโยน พลางลากไล้นิ้วเรียวไปตามไรแก้มของเธออย่างเบามือ
“แต่เธอต้องเข้มแข็งไว้นะไอ้ตัวเล็ก ไม่มีเขา ยังไงเธอก็มีฉัน..”
ถ้านี่เป็นลูปเวลาอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นบอกจริง ตอนนี้เธอต้องทำยังไงถึงจะย้อนเวลากลับไปได้อีกครั้ง เพราะเธอทนแบกรับการเห็นภาพหน้างานศพของสิงหราชไม่ไหวแล้ว
ใจมันจะขาด..
งานศพของสิงหราชผ่านพ้นไป แต่ปลายฟ้าก็ยังไม่ได้หายไปไหน เธอยังคงอยู่กับเขาตรงนี้ทุกช่วงเวลา สุดท้ายก็ได้แต่กลั้นใจทำพิธีลอยอังคารแล้วกลับบ้านพร้อมหอบความรู้สึกที่แตกสลายกลับมาด้วย
“เฮียสิงห์..” ปลายฟ้าพูดเพ้อถึงคนที่จากไป ขณะที่สายตาเริ่มพร่ามัว
“เฮ้ย ปลายฟ้า” เสียงของเธียรเป็นเสียงสุดท้ายที่ปลายฟ้าได้ยิน ก่อนร่างจะทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น สายตาปรือขึ้นมองเห็นภาพของธีระและเธียรที่รีบวิ่งเข้ามาดูอาการของเธอทันที
ในหัวมีแต่เสียงวิ้งเหมือนวันที่เกิดอุบัติเหตุไม่มีผิด ราวกับโลกที่เธอกำลังได้เห็นหมุนเป็นวงกลมจนวิงเวียนศีรษะอยากจะคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
ประโยคคำพูดมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างที่เธอสนทนากับสิงราชดังขึ้นในโสตประสาท สลับซับซ้อนกับภาพที่คล้ายมายาลวงตาให้เธอหยุดมอง บิดเบี้ยวราวกับกระดาษถูกขยำด้วยฝ่ามือ ฉายเป็นฉากที่ทั้งสองพบกันก่อนทุกอย่างจะดำมืดและเปลือกตาบางก็ปิดลงในที่สุด
และอีกครั้งที่..
กริ๊ง!!
เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่น กระแทกเข้าหูคนที่กำลังนอนหลับแล้วขมวดคิ้วมุ่นราวกับต่อสู้กับฝันร้ายเข้าอย่างจัง เธอผวาเฮือกแล้วสะดุ้งตื่น พลางยกมือขึ้นเสยผมก่อนพบว่าใบหน้ามีแต่คราบน้ำตา
“เฮียสิงห์” ปลายฟ้าเบิกตาโตเผลอจับแข็งซ้ายที่มีเฝือกหุ้มก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว เธอตั้งสติก่อนจะรีบควานหาโทรศัพท์เปิดดูปฏิทินถึงได้รู้ว่าเธอกลับมายังสามวันก่อนเกิดเหตุอีกครั้ง
เจ้าตัวที่อยู่ในชุดนอนหมีตัวโปรดลนลานรีบคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที ตอนนี้ไม่มีที่ไหนที่เธออยากไปจะไปนอกจากสนามบิน
ต้องได้เห็นหน้าสิงหราชก่อนถึงจะมั่นใจ ว่าเรื่องราวบ้าๆ พวกนี้มันคือเรื่องจริง
ปลายฟ้าไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาเพื่อจะไปเข้าคลาสช่วงเช้าหลังเกือบจะสาย แต่เธอกำลังมุ่งหน้าไปหาสิงราชที่สนามบิน รีบสอยปลายเท้าลงจากบันไดจนมาเจอธีระที่เดินออกจากครัวมาพอดี
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าธีระเพิ่งจะกลับมาจากปาร์ตี้หนัก สภาพของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากครั้งก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
“จะไปเรียนแล้วทำไมถึงใส่ชุดนี้ปลายฟ้า” ธีระมุ่นคิ้วด้วยความงุนงง มองเธอที่รีบจนหอบหายใจหนัก
“เฮียสิงห์.. เฮียสิงห์ล่ะคะ” ใบหน้าขาวมีรอยแดงใต้ตามองตรงไปยังธีระเพื่อรอคำตอบ
“วันนี้มันจะกลับจากอเมริกานี่ ลองทักไปหาสิว่าอยู่ไหนแล้ว”
หลังได้ยินคำตอบปลายฟ้าก็ระบายยิ้มทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอ รีบค้อมศีรษะลาธีระทันที
“แล้วไม่ไปเรียนเหรอไง”
“วันนี้ลาอาจารย์แล้วค่ะ”
เธอยกมือโบกส่งให้ธีระ สองขาก็รีบวิ่งไปที่หน้าบ้านพร้อมลุงวินมอเตอร์ไซค์ที่มาจอดรถรอแล้วเรียบร้อย เธอคว้าหมวกกันน็อกจากคนตรงหน้ามาสวม แล้วรีบก้าวขาขึ้นคร่อมรถทันที
“ไปสนามบินค่ะลุง”
ระหว่างทางมาสนามบินปลายฟ้าพิมพ์ข้อความไปหาสิงหราช แต่ยังไม่มีการตอบกลับจากเขา ซึ่งเป็นปกติของคนอย่างเขาเลยที่มักจะไม่ค่อยจับโทรศัพท์เวลาขึ้นเครื่อง เหมือนเป็นเวลาเดียวที่เขานั้นจะได้พักอย่างเต็มตื่น
พอมาถึงสนามบินปลายฟ้าก็มาดักรอที่เกตทางออก คอยชะเง้อหน้ามองหาแต่ก็ยังไม่พบคนคุ้นตา จนหัวใจเต้นล่ำไม่เป็นส่ำ
ในวินาทีที่ชายหนุ่มร่างสูงราวกับนายแบบดูโดดเด่นออกมาจากผู้คนรอบข้าง ปลายฟ้าก็จำได้ทันทีว่าเป็นสิงหราชแม้ว่าจะสวมแว่นตาดำกับหมวกก็ตาม
“เฮียสิงห์” เธอยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งตรงปรี่เข้าไปสวมกอดเขาจนอีกฝ่ายเซถอยหลังไปสองสามก้าว
“ปลายฟ้า.. ปลายฟ้าเหรอ” สิงหราชขมวดคิ้วแปลกใจที่หญิงสาวตรงหน้าพุ่งเข้ามากอดเขาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
“คิดถึงจัง”
“ทำอะไรของเธอ”
สิงหราชจับไหล่เธอออก ก่อนจะจ้องมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาคู่สวยที่เบนสายตามองไปทางอื่น เป็นพิรุธที่สิงหราชจับได้ตลอดว่าเธอนั้นโกหกหรือปิดบังอะไรอยู่แน่นอน
“ฉันถามว่าทำอะไร กอดผู้ชายกลางสนามบินเนี่ยนะ”
“ไม่เห็นต้องดุเลย”
“ต้องดุสิ ทำไมไม่ไปเรียน มาที่นี่ทำไม”
คำถามที่ถูกโยนมาระรัวไม่ได้ทำให้ปลายฟ้าสนใจ แต่เป็นใบหน้าของสิงหราชต่างหากที่เธอคิดถึง
มันไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป..
แม้มันยากที่จะอธิบายด้วยคำพูด รวมถึงปลายฟ้าก็ไม่รู้จะหาข้อเหตุผลปฏิเสธกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ได้ยังไง แต่เธอมีทางเลือกเดียวก็คือต้องทำให้สิงหราชมีชีวิตอยู่ต่อ
เขาต้องไม่ตาย..
“ฉันถาม ไม่ได้ยินหรอ”
“เอ่อ”
“พูดดังๆ หน่อย”
“คือว่า..”
“ปลายฟ้า” สิงหราชจับไหล่เธอ “บอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันไม่ชอบคนพูดจาไม่รู้เรื่อง ทีนี้จะหาข้อแก้ตัวอะไรที่โดดเรียนมาที่นี่ แล้วมาหาใคร”
“มาหาเฮียนั่นแหละ..” ปลายฟ้าตอบกลับเสียงค่อยอย่างกลัวความผิด เพราะอารมณ์เศร้ามันยังเกาะกินใจของเธอไม่หาย การที่จะได้เห็นหน้าสิงหราชเพื่อยืนยันว่าเขายังไม่ตายจึงเป็นข้อแรกที่เธอนึกถึง
และเขายังไม่ตาย..
“รู้มั้ยว่าคิดถึง”
“.....”
“บอกว่าคิดถึงไง หูหนวกเหรอไงเฮีย”
ใช่ โคตรจะคิดถึงเลย
ทว่าสีหน้าที่ได้ตอบกลับมาจากเขาคือใบหน้าราบเรียบ ก่อนจะลอบถอนหายใจทิ้งเพราะคิดว่าเธอเล่นพิเรนทร์อะไรอีก
“ไปกับฉัน” สิงหราชส่ายหน้ากับท่าทีแปลกประหลาดของปลายฟ้า
สุดท้ายสิงหราชก็ลากเธอมานั่งคุยกันที่ร้านอาหาร เนื่องมาจากปลายฟ้าบอกว่ายังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าแล้วอีกสองชั่วโมงสิงหราชก็มีประชุมต่อที่บริษัทของราพณา เขาจึงอยากประหยัดเวลาไว้สั่งสอนเด็กคนนี้ทีหลัง
ปลายฟ้าก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้า ก่อนจะเหลือบสายตาขึ้นมองสิงหราชที่กอดอกแล้วกดสายตามองมา
“จะกินอย่างเดียวโดยไม่พูดอะไรเลยหรือไง”
“หนูไม่มีอะไรจะพูด”
“ทำไมโดดเรียน ไหนบอกอยากเป็นหมอ”
สีหน้าของปลายฟ้าแปรเปลี่ยนไปในทันทีที่สิงหราชพูดจบ เธอยังจำได้ดีว่าครั้งก่อนเคยพูดกับเขาไว้ว่ายังไง เธอจะตายถ้าหากไม่มีเขา เป็นคำขู่ที่ทำให้สิงหราชยอมเข้ารับการรักษา แต่ก็เหมือนว่าจะมีใครบางคนพยายามแทงข้างหลังเขาอยู่ตลอดเวลา
บุคคลปริศนาคนนั้นคือใครกัน..
ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการที่ได้เห็นสิงหราชอยู่ตรงหน้า แต่เธอกลับไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ก็อยากเป็นสิคะ ตั้งใจอ่านหนังสือจนตาโบ๋เป็นหมีแพนด้าขนาดนั้นน่ะ”
“แล้วทำไมไม่ตั้งใจเรียน”
ปลายฟ้าเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงเพราะไม่รู้จะเถียงยังไง ก่อนวางช้อนในมือลงแล้วเชิดใบหน้าขึ้นสู้อีกฝ่าย
“หนูเสียครอบครัวไปแล้ว หนูจะไม่ยอมเสียเฮียไปอีกคนแน่นอน” ปลายฟ้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนหลุบตามองจานอาหารเพราะน้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมากะทันหัน
“เธอพูดถึงอะไร”
“เฮียไม่ต้องรู้หรอก พูดให้ฟังเดี๋ยวก็หาว่าเพ้อเจ้ออีก”
“ยอกย้อนหรอ”
“เปล่าสักหน่อย แค่บอกให้ฟัง” ปลายฟ้ายู่ริมฝีปาก จนสิงหราชได้แต่ระบายลมหายใจ ไม่รู้จะซักไซ้เธอให้ได้อะไรขึ้นมา
หลังทานข้าวเสร็จสิงหราชก็นั่งรถแท็กซี่รีบตรงไปยังบริษัท เพราะท่านเกษมเรียกประชุมด่วน จนเขาต้องกลับมาที่ห้องทำงานก่อน รวมถึงปลายฟ้าที่ติดหนึบเกาะเขาไม่ยอมกลับไปตามคำสั่งอีกต่างหาก
ระหว่างนั่งรอสิงหราชในห้องทำงานของเขาร่วมสองชั่วโมง ปลายฟ้าก็เดินสำรวจห้องทำงานไปพร้อมกับใช้ความคิดไปด้วย แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าใครที่เป็นคนอยากจะให้สิงหราชตาย
เวลาแค่สามวันมันน้อยเกินไป เธอจะหาทันได้ยังไง
“เฮียเสร็จงานแล้วเหรอ” ปลายฟ้าก้าวเท้าตรงไปหาสิงหราชที่เปิดประตูเข้ามา
“เสร็จแล้ว” เขาตอบกลับเสียงเรียบ สีหน้าดูเหนื่อยอ่อนผลมาจากการประชุมที่เข้มข้นของวันนี้
“ถ้างั้นไปโรงพยาบาลกันค่ะ”
“ไปทำไมโรงพยาบาล หรือเธอไม่สบาย”
“เฮียนั่นแหละที่ไม่สบาย ห่วงตัวเองก่อนจะห่วงหนูดีมั้ย”
คิ้วเรียวเข้มมุ่นเข้าหากัน “เธอพูดเรื่อง..”
“หนูไปดูดวงมา เขาบอกว่าญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรักเป็นโรคหัวใจ” ปลายฟ้ายิ้มแห้งหลังโกหกคำโตออกไป แต่เธอไม่มีเวลามากพอมานั่งอธิบาย ตอนนี้เธอมีหน้าที่ต้องป้องกันเขาจากความตายทุกทางที่กำลังย่างกรายเข้ามา
“ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพ..” สิงหราชตีหน้าตึงกับคำว่าญาติผู้ใหญ่ แม้ว่าอายุจะมากกว่าเธอเกือบสิบปี แต่เขามั่นใจว่าตัวเองแข็งแรงแล้วก็ยังดูดีไม่แพ้วัยรุ่นช่วงต้นเลย
“ไม่รู้แหละ วันนี้เราต้องไปโรงพยาบาลก่อน เฮียต้องเข้ารับการรักษาตามกระบวนการของแพทย์ เสร็จแล้วค่อยหาทางอื่นอีกที”
“วันนี้เธอแปลกๆ นะปลายฟ้า”
“หลังจากนี้หนุจะไม่ปกติยิ่งกว่านี้อีก เพราะงั้นเฮียจะไปโรงพยาบาลมั้ยคะ”
อากัปกิริยาของปลายฟ้าเปลี่ยนไปทันที เธอกอดอกแล้วโยนคำถามในเชิงกดดันที่มีแค่คำตอบเป็นตกลงเท่านั้นให้เขาเลือก
“มีใครเอาเรื่องฉันไปบอกเธอ แต่ว่าฉันไม่เคยบอกใคร เธอรู้ได้ยังไง” สิงหราชทำหน้าแปลกใจ เรื่องอาการป่วยเขาไม่เคยบอกใครและไม่คิดที่จะบอกด้วย
“หน้าเฮียดูไม่ค่อยสดชื่นน่ะค่ะ หนูจะเป็นหมอในอนาคตนะ มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเฮียป่วย”
“แล้วไหนบอกไปดูหมอมา”
“หนูนี่ไงหมอ.. ไม่วันนี้ก็วันหน้านั่นแหละ”
สิงหราชลอบถอนหายใจ ก่อนจะล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงยืนมองคนตัวเล็กที่เขย่งปลายเท้าขึ้นเถียงสู้
“คนเดียวที่หนูอยากให้อยู่ด้วยในวันที่รับเสื้อกาวน์ก็คือเฮียนะ ถ้าเป็นไปได้.. ก็ไม่อยากรักษาเฮียด้วย เพราะไม่อยากให้เฮียเข้าโรงพยาบาล หนูอยากให้เฮียแข็งแรง จะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ” ดวงตากลมโตเจือรอยอ้อนวอน เรียวคิ้วหักงอมองสิงหราชตาใสแป๋ว
สิงหราชเป็นพวกหัวการค้าจนได้รับฉายาว่ามาเฟียค้าขาย ไม่อ่อนข้อให้กับการทำงาน แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดที่จะสู้เลยก็คือหญิงสาวตรงหน้า
“เงียบแปลว่าตกลงนะ”
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“อย่าพูดเรื่องตายสิคะ หนูไม่ให้เฮียตายแน่นอน..”
ปลายฟ้าที่ปฏิเสธไม่เต็มเสียงก้มหน้าหงอย เพราะคราวก่อนเธอก็บอกว่าจะไม่ยอมให้เขาตาย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นคนใกล้ตัวที่ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย
“วันนี้เราลองนั่งรถเมล์ไปโรงพยาบาลกันมั้ย” ปลายฟ้าเสนอ เธออยากให้สิงหราชขับรถให้น้อยที่สุด เป็นไปได้จะทำให้เขาไม่แตะพวงมาลัยเลยในวันเกิดของเธอ
“หะ” สิงหราชถึงกับเสียงหลง
“ยังไงหลังจากนี้เฮียก็ไม่มีงานแล้วนี่ ลองไปนั่งรถเล่น ชมวิวดูก็ไม่เห็นแย่เลย”
“คิดว่าฉันมีเวลาว่างมานั่งเล่นกับเด็กอย่างเธอเหรอปลายฟ้า”
“แต่หนูอยากให้มีนะ.. ถ้ามีเวลาว่างก็นึกถึงหนูบ้างก็ได้”
คนตัวสูงถึงกับชะงักงันไป ก่อนจะกระแอมไอเล็กน้อย
“เฮียสิงห์”
“อะไร”
“ขอกอด..”
“ถ้างึมงำในลำคอ ฉันจะได้ยินมั้ยปลายฟ้า”
“ขอกอดหน่อยได้มั้ย”
สิ้นประโยคนั้นนัยน์ตาคู่คมก็เป็นประกายวาบวามอย่างปิดไม่มิด สายตาของปลายฟ้าที่มองมามีแต่ความรู้สึกผิดต่อเขา
เธอไม่อยากเป็นตัวโชคร้ายสำหรับใคร และคงจะรู้สึกในใจไปตลอดชีวิตถ้าต้องทำให้สิงหราชตายไปอีกคน
“แค่แปปเดียว.. หนูอยากกอดเฮีย”
สิงหราชยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นดันศีรษะคนตัวเล็กที่ทำท่าจะเข้ามาสวมกอดเอาไว้
มุมปากสวยยกยิ้มเมื่อเห็นว่าปลายฟ้ามุ่ยหน้า พยายามใช้แขนเล็กๆ คว้าลมตรงหน้าแล้วก็ยิ่งน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ แต่ที่นี่เป็นสถานที่ทำงาน มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่ถ้าเธอจะกอดเขาได้ตามอำเภอใจ อีกอย่างเขาควรมีระยะห่างกับปลายฟ้าให้ชัดเจน
“โอเค ไม่กอดก็ได้”
“ไปกันได้แล้ว”
จังหวะที่สิงหราชกำลังจะหมุนตัวกลับ ปลายฟ้าก็วิ่งเข้าไปสวมกอดเขาจากทางด้านหลังเอาไว้ ก่อนจะหลับตาลงรับสัมผัสอุ่นวาบที่แผ่ซ่านจากตัวของสิงหราช
“อย่าหายไปไหนอีกนะคะ..”
สิงหราชยืนนิ่ง พลางชำเลืองหางตามองเธอที่กอดเขาแน่นไม่ปล่อย
“ห้ามทิ้งหนูไว้คนเดียวอีกนะ”
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเธอกำลังจะสื่ออะไร แต่น้ำเสียงของปลายฟ้าฟังดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขาก็เลยไม่ได้ผละออกหรือปฏิเสธแต่อย่างใด นอกจากรอให้เจ้าตัวกอดเสร็จปลายฟ้าถึงได้เป็นคนผละออกเอง
รักเฮียนะคะ..
ประโยคนี้ปลายฟ้าได้แต่พูดขึ้นในใจ ขณะสบสายตาคู่คมของสิงหราชที่หันมาประจันหน้ากัน
ต่อให้ดูเหมือนคนปากร้ายแค่ไหน แต่มีแค่ปลายฟ้าที่รู้ว่าเขาเป็นคนจิตใจดี ถ้าเธอขอเขาต้องยอมทำแน่
“ประหลาดคนนะเธอน่ะ ฉันจะทิ้งไปไหน เคยทิ้งด้วยหรือไง” สิงหราชดีดหน้าผากเธอเบาๆ
“เฮียอ่า”
“เหอะ”