เมียทิพย์ อยากเป็นไหม!!

1413 คำ
เมียทิพย์ อยากเป็นไหม!! ลงเอยเล่าเรื่อง ผมไม่ได้คิดสั่งสอนปืนใหญ่ให้เขาต้องเจ็บตัวหรือขวัญเสีย เพียงแต่คนทำความผิด ย่อมต้องได้รับบทเรียน และเด็กนิสัยไม่ดีสมควรมีผู้ใหญ่อบรม! ดังนั้นผมจึงให้ไฉไฉ่ขับรถไปกับเพิ่ม ฝ่ายหลังผมสั่งให้เขาจัดการบางสิ่งด้วย ส่วนผมดักรอปืนใหญ่อยู่แถวๆ นี้ ซึ่งเขาไม่ได้ปล่อยให้ผมรอนาน ราวๆ ยี่สิบนาทีต่อมา ปืนใหญ่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์พุ่งมาตามถนนสายเปลี่ยวที่สองข้างทางขนาบข้างด้วยแนวป่ากับสวนยางด้วยความเร็ว และปืนใหญ่ไม่ได้ไปถึงสุสานที่ตาทิพย์กับเพื่อนๆ ของเธอทำพิธีตามหากุมารทองและวิญญาณเร่ร่อน เขาต้องจอดรถด้วยความฉงน เมื่อถึงสะพานไม้ข้ามคลอง ผมยืนยิ้มอยู่ข้างทางหลังต้นไม้ใหญ่ โดยที่คนใส่เสื้อช็อปสีน้ำเงินอมม่วงไม่ทันสังเกตเห็น อีกฝ่ายก้าวลงจากรถคู่ใจ เดินไปอ่านป้ายเล็กๆ ที่ผมเขียนไว้ เขาขยี้ตาเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่อ่านได้จากป้ายกระดาษแผ่นดังกล่าว ซึ่งผมเขียนข้อความไว้ดังนี้ ‘เด็กดื้อ ต้องโดนอะไรครับ? 1. ตีด้วยของแข็งอุ่นๆ สามสิบที! 2. อมของหวานครึ่งชั่วโมง 3. กินน้ำสับปะรดสามอึกใหญ่!’ เป็นตอนนั้นที่เขาสงสัยแกมประหลาดใจ ผมเห็นปืนใหญ่อ่านจบแล้ว และเกาหัวแกรกๆ จากนั้นเขาจึงมองเชือกที่ขึงอยู่กลางสะพาน ก่อนพยายามดึงมันออก แต่ผมผูกเอาไว้ด้วยเงื่อนแบบพิเศษ เขาจึงคิดไปหาบางสิ่งมาตัด พอเขาเตรียมเดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ ผมก็พุ่งเข้าไปชาร์จเขาจากข้างหลัง โดยใช้เวลาไม่ถึงสามสิบวินาทีด้วยซ้ำ สองมือของปืนใหญ่ถูกจับไพล่หลัง หมวกกันน็อกเขาถูกถอดออก จากนั้นผมจึงบังคับเขาให้ก้าวไปยืนชิดต้นไม้ใหญ่ในมุมลับตาคน โดยที่ใบหน้าเขาแนบอยู่กับลำต้น แล้วผมก็ใช้เข่าดันขายาวๆ ของปืนใหญ่ให้ถ่างออกจนกว้าง เพื่อผมจะลงโทษเขาได้ง่ายขึ้น “ขืนดิ้นแรงกว่านี้ เดี๋ยวหมดหล่อนะ” “เอ๋ บะ บอก หะ ให้ไปส่งขนมไม่ใช่เหรอ ทำไมมึงมาอยู่ที่นี่” เขาคงช็อกอยู่นั่นแหละ แต่เมื่อครู่ผมเห็นได้ว่าปืนใหญ่ ออกแรงสู้สุดใจ ทว่าเมื่ออีกฝ่ายเป็นผม กระดูกมันคนละเบอร์ เขาหรือจะล้มผมได้! “ไหน พูดเพราะๆ ให้เข้าหูสิ” ผมปรามปืนใหญ่ “ก็เอย... ทำไมไม่ไปส่งขนมเจ้ตุ้งแช่ มาขึงเชือกแบบนี้มันถูกต้องเหรอ คนผ่านไปมา จะเป็นอันตรายได้นะ” ปืนใหญ่พูดมีเหตุผล แต่ผมสั่งให้เพิ่ม คอยกันรถต่างๆ ห่างจากจุดนี้ราวๆ ห้าร้อยเมตร พอผมจัดการเด็กดื้อเสร็จ ก็จะเปิดถนนให้สัญจรตามปกติ อีกอย่างถนนที่จะเข้าไปสุสานมีสองเส้นทาง คนทั่วไปมักใช้สายหลักมากกว่าทางลัดที่ทั้งเปลี่ยวและแคบเช่นถนนที่ปืนใหญ่ตั้งใจให้ผมขับมาที่นี่ “หึๆ ๆ ส่งแล้ว แต่แม่บอกว่าอดอาหารอยู่ และกำลังเรียกน้องๆ ให้กลับบ้าน” ผมเน้นคำว่า ‘แม่’ ชัดเจน ปืนใหญ่เลยอึ้งไปหลายวินาที “เชี่ย... จริงเหรอ ไม่น่าเป็นแบบนี้” เขาว่าราวกับคาดไม่ถึง ทั้งที่เป็นแผนตื้นๆ ซึ่งปืนใหญ่วางไว้ อีกทั้งตอนนี้เขายังขยับตัวขยุกขยิก ยิ่งทำให้เนื้อตัวเราเสียดสีกัน ก้นแน่นๆ ในกางเกงสแล็กยั่วยวนให้ผมเร่งเผด็จศึกเขา “จะดิ้นแรงๆ อีกไหม แข็งไปหมดแล้วเนี่ย” ผมบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น กางเกงยีนผมถูกน้องชายดันจนอึดอัดไปหมด “สาด.... ไอ้สัดเอย อย่าลามกกับกู! กูเป็นเยาวรุ่นอยู่นะ” ปืนใหญ่ทำให้ผมเกือบหลุดขำก๊าก เขาอายุสิบเก้า เรียนปีสองสาขาช่างก่อสร้าง เรียกว่าเยาวชนยังได้อยู่นั่นแหละ แต่เขาตัวโตขนาดนี้ แถมยังใช้ความหล่อ และสิ่งที่พ่อให้มาเยเย่ทั้งผู้หญิงกับผู้ชายไปไม่น้อย ดังนั้นคงเป็นเยาวรุ่นที่ใจแตกไปหน่อยกระมัง “เยาวรุ่นเหรอ หึๆ ๆ ดี ผมชอบ แบบนี้จะได้ถึงใจหน่อย เดี๋ยวจะจูบ และกดเอ็นอุ่นๆ ให้ลึกสุดใจกลางป่านี่แหละ” คนที่หันหลังให้ผม โดยที่มือถูกมัดไพล่หลังและถูกทำให้กางขากว้างๆ เหมือนจะตัวแข็งทื่อในวินาทีนั้น เห็นแล้วผมนึกสงสาร กระนั้นยังแกล้งขู่เขาต่ออีกนิดๆ หน่อยๆ “กลัวหรือไง” “เชี่ย... ก็เอยทำปืนเจ็บ!” เขาว่าเสียงอ่อน บทจะเป็นคนน่ารักก็ใช้ได้นี่นา “ตรงไหน?” “ก็จับปืนมัด เอยทำอะไรป่าเถื่อนขนาดนี้ ปืนกลัวมากรู้ไหม เจ็บไปหมดเลย...” “นิดหน่อยน่า อย่าใช้เสียงสอง และแกล้งทำเป็นตัวเล็กขี้แยไปหน่อยเลย” เขาได้ยินผมพูดอย่างนั้นก็ฮึดฮัด ผมเลยรู้สึกมันเขี้ยว มือข้างหนึ่งจึงดึงเสื้อคอเต่าที่เขาสวมอยู่ ก่อนเห็นว่ามีรอยดูดเมื่อวานของผมปรากฏชัดเจน “ปืนใหญ่จ๋า อยากให้ผมจูบแรงๆ ซ้ำรอยเดิมไหม” ************** เสียบหล่น เสียบหล่นตั้งห้าหกที ลงเอยเล่าเรื่อง “อะ ไอ้สัดเอย!” เสียงคนก้นเด้งๆ และหนั่นแน่นที่ด่าทอผมทำให้คันยิบๆ ตรงหัวใจ และเขายังเป็นเด็กน้อยจริงๆ ผมเลยไม่อยากตำหนิปืนใหญ่ เขาถูกตามใจมานาน อีกทั้งระหว่างผมกับเขามีเรื่องต้องรื้อฟื้น ทุกอย่างเริ่มต้นตอนที่เขาอายุได้เพียงแปดเก้าขวบ ส่วนผมอยู่ระดับมัธยมต้น กระนั้นตอนนี้ขอทำตามใจตนเองสักหน่อย ด้วยความหื่นผุดภาพเปลือยเปล่าปืนใหญ่ขึ้นในหัวสมอง และร่างกายต้องการปะทะเนื้อแน่นๆ ของเด็กช่างในช็อปเท่ๆ คนนี้ วินาทีต่อมา ริมฝีปากผมประทับซ้ำรอยเมื่อวาน ไม่ใช่การกลั่นแกล้งเขา ผมเพียงจุมพิตแผ่วเบา ก่อนไล้ริมฝีปากไปเรื่อย ไม่ได้กระทำหยาบคายหรือข่มเหง ผมต้องการแสดงให้ปืนใหญ่รู้ว่าผมจองเขาแล้ว “อ๊ะ... อะ ไอ้” เขายังส่งเสียงท้วงไม่หยุด แต่ผมไม่สนใจ เพราะตบท้ายด้วยการพรมจูบหลังต้นคอปืนใหญ่ ซึ่งเป็นสัมผัสลึกซึ้งอ่อนโยน “มะ มึงทะ ทำอะไรเอย” เขาโวยเสียงขุ่น ท่าทางตื่นจัด ดูไม่ต่างจากคนเสียซิงครั้งแรก! “ทวงค่าจ้างมาส่งของไง หรือว่าปืนใหญ่งอแง คิดโกงผม แบบนั้นมันไม่ถูกต้อง” “เฮ้ย! อย่ามั่วสิ มะ มันต้องจ่ายด้วยเงิน ทำแบบนี้ได้เหรอ เดี๋ยวถูกข้อหาล่วงเกิน และข่มขืนนะเว้ย” “อื้ม ทำไมจะทำไม่ได้ ในเมื่อปืนใหญ่เริ่มก่อน และผมจะให้จ่ายค่าเสียเวลาด้วยร่างกายนี่แหละ ส่วนเรื่องเข้าคุกนอนตะราง ถามจริง ปืนใหญ่จะแจ้งตำรวจมาจับผมได้ลงคอเหรอ” ผมบอกเขาจบ มือข้างหนึ่งก็บีบบั้นท้ายปืนใหญ่ ให้ตายเถอะ ผมพยายามควบคุมตัวเองเต็มที่ แต่เสียงเขาในคลิปเมื่อวาน ทำให้ผมอดใจไม่ไหวต้องเปิดดูหลายสิบหน เปิดดูบ่อยเข้าก็กระตุ้นให้คึก จนต้องปวดแขนและเมื่อยมือ ! “ไหน เด็กดื้อต้องโดนทำโทษยังไง” ผมแนบริมฝีปากกับใบหูข้างหนึ่งของเขา ถามเสียงทุ้มๆ ออกไป “กะกู เอ่อ ปืนไม่ได้ดื้อ” ดูเหมือนปืนใหญ่กำลังกำหนดบทบาทตัวเองไม่ถูกว่าจะวางตัวเช่นไรกับผม “ปากแข็งใช่ไหม อืม... อยากรู้จริงๆ ปากปืนใหญ่กับกล้วยหอมอวบและยาวเป็นฟุตของผม อันไหนแข็งกว่ากัน” “อย่าเล่นบ้าๆ กูมีผู้ปกครอง อีกอย่างอายุเพิ่งผ่านสิบเก้าปี ไปไม่กี่เดือน” “อืม เท่านี้ก็ใช้งานได้” ผมว่าจบจึงหมุนร่างปืนใหญ่ให้มาเผชิญหน้ากัน ในตอนนั้นดวงตากลมโตมองผมด้วยความตื่นตระหนก และอะไรที่มันควรสงบกลับตั้งโด่ชนหน้าขาผม “ปืนใหญ่มีอารมณ์นะ กล้วยในกางเกงร้อนจี๋เลย” ถูกทักแบบนั้น เขาจึงอายจนหน้าแดง “ก็เอยเล่น จับมัดจนแน่นแบบนี้ มันต้องแข็งสิ” “ตลกละ แทนที่จะกลัว กล้วยน้อยๆ กลับแข็งสู้ แบบนี้โรคจิตชัดๆ” ผมไม่ได้คิดแก้เชือกที่มัดมือเขาไพล่หลังไว้ ยังคงปล่อยให้เขาต้องอยู่ในสภาพเช่นนั้นอีกสักพัก “เอยจะทำอะไร?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม