มือบางยกขึ้นกุมขมับปรับความคิดของตนครู่หนึ่ง ยามนี้นางมิใช่ปลายฝันอีกต่อไปแล้วแต่เป็นพระสนมเจาอี๋นามว่าถังหย่าจือผู้ที่จะเป็นพระมารดาขององค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นสวี
“เจ้าออกไปก่อนเถอะ ฉู่หง” หญิงสาวออกคำสั่งกับคนสนิท อีกฝ่ายจงรักภักดีกับเจ้าของร่างเดิมมากจึงเชื่อถือได้ ถึงอย่างนั้นตอนกำลังใช้ความคิดก็ไม่อยากถูกใครรบกวนอยู่ดี
“เพคะพระสนม” นางกำนัลตัวน้อยรับคำก่อนสั่งให้ทุกคนที่กำลังรอปรนนิบัติออกไปให้หมด
เมื่อรอบด้านเงียบสงบสมองอันมึนงงสับสนจึงเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น เริ่มต้นคงต้องไล่เรียงเนื้อหาในนิยายตรงช่วงแรกเสียก่อน เพราะความจริงแล้วเรื่องทั้งหมดมันเกี่ยวกับองค์หญิงน้อยมากกว่าตัวประกอบเช่นพระสนมหรือฮ่องเต้ แต่ถ้าไม่อยากตายตามบทก็มีแต่ต้องเปลี่ยนแปลงและฉีกเส้นเรื่องของตัวละครทิ้ง น่าเสียดายในชีวิตก่อนนางไม่มีเวลาว่างมากนักจึงได้อ่านนิยายเพียงเล็กน้อย มิเช่นนั้นคงนำมาเป็นความรู้ใช้ปรับตัวได้บ้าง ยังดีที่ความทรงจำของพระสนมยังอยู่ครบ พื้นฐานความคิด กิริยาท่าทาง ร่วมไปถึงคำพูดจึงยังคงเป็นเช่นเดิมเหมือนที่ร่างกายจดจำได้ แต่จะเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อยเนื่องจากวิญญาณในร่างเป็นคนละคนกัน
สถานที่แห่งนี้คือวังหลวงของแคว้นสวี แคว้นขนาดกลางซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ หลังสิ้นสุดสงครามแย่งชิงดินแดนเชื้อพระวงศ์เกือบทุกคนต่างสิ้นพระชนม์จนเหลือเพียงสวีหมิงฉวนบุตรคนที่สี่ของตระกูล กับหลานๆ ของเขาเด็กน้อยฝาแฝดชายหญิงสวีมู่หยางและสวีมู่เหยา ในตอนนั้นชายหนุ่มมีอายุเพียงยี่สิบหนาว ส่วนเด็กสองคนเพิ่งลืมตาดูโลกพร้อมกับการจากไปของพี่สะใภ้ที่ไม่อาจทนพิษบาดแผลได้ นี่ก็ผ่านมากว่าห้าปีแล้ว
แม้จะใช้เวลายาวนานหลายปีเพื่อรวบรวมบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น แต่เพราะเขายังขาดอำนาจเพื่อต่อรองกับขุนนางจึงไม่แปลกใจเลยที่จนถึงตอนนี้วังหลังก็ยังไร้ฮองเฮา ไม่มีแม้แต่พระสนมขั้นเฟยทั้งสี่ และเพื่อตัดความรำคาญจึงจำใจยอมรับพระสนมขั้นจิ่วผินจากตระกูลระดับล่างเท่านั้น
จิ่วผิน ‘เก้าพระสนมเอก’ มีทั้งหมดเก้าตำแหน่ง โดยกำหนดตำแหน่งละหนึ่งคน ได้แก่ เจาอี๋ (ผู้งามเลิศยิ่ง) เจาหรง (ผู้มีกิริยางามสง่า) เจาเยวี่ยน (ผู้งามสง่าจับใจ) ซิวอี๋ (ผู้มีรูปโฉมวิจิตร) ซิวหรง (ผู้มีกิริยางามวิจิตร) ซิวเยวี่ยน (ผู้งดงามวิจิตร) ชงอี๋ (ผู้งามตาเพรียบพร้อม) ชงหรง (ผู้มีกิริยางามพร้อม) ชงเยวี่ยน (ผู้สง่างามเพรียบพร้อมยิ่ง)
แน่นอนว่าเจ้าของร่างเดิมมีใบหน้างดงามชวนมองถึงขนาดที่ใครเห็นก็มิอาจละสายตาโดยง่ายจึงได้รับตำแหน่งเจาอี๋ และต่อให้มีพระสนมแล้วฮ่องเต้ก็ไม่เคยใช้คืนเข้าหอร่วมกับผู้ใด ข้ออ้างของเขาเรียบง่ายคือยามนี้ต้องสร้างรากฐานให้กับแคว้นเสียก่อน จนสุดท้ายเหล่าขุนนางก็ได้แต่กัดฟันทนอย่างน้อยก็ยังมีหวังส่งบุตรสาวตนมาจับจองตำแหน่งระดับสูงที่ยังว่าง
“ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะทำตัวเช่นนั้น” หญิงสาวเข้าใจมุมมองของสวีหมิงฉวนผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ภาระหน้าที่มิใช่เพียงการดูแลราษฎร ยังรวมไปถึงต้องปกป้องสิ่งที่ประชาชนควรได้รับจากการโกงกินบ้านโกงกินเมืองของพวกขุนนางทั้งหลาย อีกทั้งอำนาจในมือก็ยังไม่มั่นคงพอ เขามิอาจไว้ใจใครได้โดยเฉพาะสตรีที่จะมาร่วมเรียงเคียงหมอน แผนสาวงามมักมีให้เห็นทั่วไป สุดท้ายจึงเลือกปล่อยปละละเลยถังหย่าจือแม้จะผิดพลาดผ่านค่ำคืนร่วมหอด้วยกันก็ตามที
“แต่…” มีสิ่งหนึ่งที่นางไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มผู้นั้นจึงทอดทิ้งบุตรีเพียงคนเดียว เพราะขนาดหลานฝาแฝดชายหญิงเขายังดูแลจนเติบใหญ่ คาดว่าต้องเป็นปมปัญหาที่นักเขียนจะใช้ในช่วงหลังของนิยายกระมัง อีกทั้งยังมีเรื่องการลอบสังหารฮ่องเต้โดยมีแฝดผู้พี่ถูกใช้เป็นหุ่นเชิดอีกด้วย แม้จะยังไม่ได้รับการเฉลยปมแต่นางก็คาดเดาไว้บางส่วนแล้ว เด็กๆ ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเหลืออยู่ ไร้ตระกูลคอยเกื้อหนุน หากจะก่อกบฏย่อมเป็นไปได้ยาก ดังนั้นหมายความว่าต้องมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้…แต่จะเป็นใครกันล่ะ
“ตัวละครหลักทั้งหมดในเวลานี้ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ” ก็เพราะเนื้อหาเป็นช่วงที่องค์หญิงน้อยเกิดแล้ว นั่นหมายความว่าคนที่เกี่ยวข้องย่อมอายุไล่เลี่ยกัน
“หรือว่า…เฝ้ารอวางแผนตั้งแต่แรกเลยงั้นรึ” ดวงตาคู่สวยหรี่ลงอย่างใช้ความคิด จะปะติดปะต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกันยังลำบากเกินไป ใจความสำคัญหลายจุดไม่ถูกเฉลยเอาไว้ คงทำได้แค่กำจัดคนที่มีภัยเสียก่อน ซึ่งแน่นอนว่านางจำได้ดีเลยเชียวล่ะว่ามีใครลงมือกับเด็กน้อยตัวเล็กๆ บ้าง
“อืม….ค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน” ริมฝีปากอิ่มพึมพำกับตนเองเบาๆ ปัญหามากมายใช่ว่าจะแก้มันได้เดี๋ยวนี้เลยเสียเมื่อไหร่กัน ที่สำคัญที่สุดคือต้องทำให้ร่างกายนี้คลอดเจ้าก้อนแป้งออกมาอย่างปลอดภัย ซึ่งถ้าจะทำเช่นนั้นได้ก็ควรมีอำนาจวังหลังอยู่ในมือเพื่อเป็นเกราะคุ้มภัย แม้จะเสี่ยงต่อการถูกเพ่งเล็งก็ตาม
“ฉู่หง” เสียงหวานเอ่ยเรียกนางกำนัลคนสนิท
“เพคะพระสนม” ร่างบางเร่งฝีเท้าเข้ามาหาผู้เป็นนาย
“ข้าจะล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย แล้วก็จัดสำรับไว้ได้เลย” ถังหย่าจือลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยเริ่มมีอาการหิวขึ้นมาบ้างแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ในเมื่อยิ่งใช้สมองเยอะก็ควรต้องกินให้อิ่ม
“เพคะ” ฉู่หงโบกมือเป็นสัญญาณ เหล่านางกำนัลก็รีบเข้ามาจัดการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว
พระสนมเจาอี๋กวาดตามองบรรดาข้ารับใช้อีกครั้ง ในความทรงจำเจ้าของร่างเป็นคนเงียบๆ พูดน้อยแต่เคร่งครัดพอสมควรจึงไม่แปลกที่พวกนางจะกุลีกุจอทำตามคำสั่ง น่าเสียดายไม่น้อยหากจะมีหนูสกปรกแฝงตัวอยู่ในนี้ด้วย ตอนที่อ่านนิยายเรื่องนี้ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถังหย่าจือถึงเสียชีวิตหลังคลอดบุตร บางทีอาจเป็นเพราะความเสี่ยงของการแพทย์อันแสนล้าสมัย หรือไม่…ก็มีคนลงมือหวังให้นางสิ้นใจตายไปทั้งแม่และเด็ก ในเมื่อเป็นเช่นนั้นคงต้องตรวจสอบคนใกล้ชิดทั้งหมดอีกครั้งซะแล้วสิ
“มีเรื่องต้องทำเต็มไปหมด” หญิงสาวพึมพำเบาๆ คงเพราะเพิ่งเข้ามาสิงร่างนี้เป็นวันแรกจึงดูเหมือนต้องจัดการหลายอย่าง กระนั้นนางก็รู้ว่าต้องเริ่มตรงจุดใด
“ทรงหนักใจสิ่งใดหรือเพคะพระสนม” ผู้เป็นนายดูเหมือนกำลังขบคิดบางสิ่งตลอดเวลาทำให้คนสนิทอดที่จะเอ่ยปากถามด้วยความกังวลไม่ได้
“ดูเหมือนเจ้าต้องรับภาระหนักเสียหน่อยแล้วล่ะฉู่หง” คนที่ไว้ใจได้มีน้อยเกินไปทำให้อีกฝ่ายต้องเป็นหูเป็นตาจับผิดคนในตำหนักทั้งหมด
“ขอเพียงเป็นรับสั่งจากพระสนม หม่อมฉันย่อมยินดีทำทุกอย่างเพคะ” ตั้งแต่เล็กฉู่หงได้รับการดูแลจากตระกูลถังมาโดยตลอด อีกทั้งคุณหนูยังยอมรับคนไร้บ้านเช่นนางมาเป็นสาวใช้ส่วนตัวจนกระทั่งมีโอกาสตามมารับใช้ถึงในวังหลวง ดังนั้นต่อให้ต้องถวายชีวิตนี้ให้นางก็ไม่คิดเสียดายเลยสักนิด
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องพูดออกมาเช่นนี้”
คนงามไม่กล่าวสิ่งใดต่อก่อนหยิบตะเกียบคีบอาหารเข้าปาก ดวงตาคู่สวยสังเกตท่าทางของทุกคนในห้องยามที่ตนเอ่ยว่าจะมีงานสั่งให้ฉู่หงทำ ซึ่งแน่นอนว่ามีเป้าหมายหนึ่งถึงสองคนแสดงออกได้น่าสนใจ บ่าวไพร่พวกนี้บางคนก็เก็บอาการเก่ง แต่บางจำพวกก็เปิดเผยง่ายดายเสียเหลือเกิน ใช้เวลาไม่นานมื้อเช้าก็ถูกจัดการจนหมด
“พวกเจ้าออกไป เหลือฉู่หงไว้ดูแลข้าก็พอ” มือขาวผ่องบรรจงจรดพู่กันลงบนกระดาษ โชคดีไม่น้อยที่ตัวนางเองก็ได้เรียนมาหลายภาษาเพื่อไว้ติดต่องานกับลูกค้าต่างประเทศและยังมีความทรงจำของร่างเดิมอีก หลังจากรอจนหมึกแห้งก็พับให้เรียบร้อย
“พระสนมต้องการให้หม่อมฉันส่งจดหมายฉบับนี้ไปที่ใดเพคะ” นางกำนัลคนสนิทยื่นมือรับก่อนเอ่ยถาม
“ตำหนักเฉียนชิง”
ฉู่หงแข็งค้างไปกับคำสั่งนั้น นั่นมันที่ประทับของฮ่องเต้มิใช่หรือ แบบนี้นางจะรอดชีวิตกลับมารับใช้พระสนมอีกครั้งรึไม่!
……………………….
………..
...............................................................................................