มณีมันตรามองภาพสะท้อนของผู้หญิงใบหน้าสวยหวาน แต่ทว่าแววตากลับมีแต่ความทุกข์ตรม แพขนตาหนาเปียกชุ่มเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก กี่ปีแล้วที่ชีวิตของเธอต้องอยู่แบบนี้ อยู่เพื่อรอวันให้เขารัก แต่เวลาเท่าไรก็ไม่เคยพอ ถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงโง่งมคนหนึ่งต้องหันกลับมารักตัวเอง และพาตัวเองก้าวไปข้างหน้า..
เสื้อสูทสีเทาถูกโยนลงบนโซฟา ก่อนที่เจ้าของมันจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พิธานเงยหน้ามองภรรยาคนสวย เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่ดึกขนาดนี้แล้ว แต่มณีมันตรายังรอเขา ถึงแม้ว่าแต่ก่อนเจ้าหล่อนจะเคยรอเปิดประตูให้จนดึกดื่น แต่ทว่าสองสามเดือนมานี้ เธอกลับไม่ทำเช่นนั้น แล้วทำไมวันนี้…
“มีอะไร”
น้ำเสียงเรียบเฉยค่อนไปทางเย็นชา วันนี้ไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกของเธอมากมายเหมือนอย่างแต่ก่อน การที่คนเราจะตัดสินใจทำเรื่องสำคัญ มันต้องใช้เวลา โดยเฉพาะเรื่องของ.. หัวใจ
“ฉันขอหย่า”
ใบหน้าหล่อเหลาราวสลักที่ยามปกติจะนิ่งเสียจนคาดเดาไม่ออกว่า ภายในใจของชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ หากแต่ยามนี้..
ดวงตาของเขากำลังฉายแววโกรธจัดระคนตกใจ ซึ่ง.. เธอไม่เคยเห็น แต่มันไม่ใช่สาระหรือประเด็นหลัก เรื่องที่เธอต้องการคุยตอนนี้มีเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น..
“หย่าเหรอ!”
“ค่ะ หย่า”
พิธานมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยิ่งมองก็ไม่เห็นอะไรเลย นอกจาก.. ความว่างเปล่าที่แฝงไปด้วยแววเด็ดเดี่ยวอยู่ในที หัวใจของชายหนุ่มหน่วงหนึบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำไมนะ.. ทำไมมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้ ทั้งๆ ที่..
เขาไม่ได้รักผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด
“ไม่มีทาง! จำใส่สมองของเธอเอาไว้นะ ฉันไม่ได้โง่เหมือนพ่อที่ยอมปล่อยให้แม่ของเธอผลาญสมบัติแล้วหนีไปเสวยสุขกับชู้รัก จนพ่อของฉันต้องตรอมใจตาย!”
ไฟแห่งโทสะที่มันลุกโชนอยู่ในใจ ทำให้พิธานมักจะแสดงออกถึงความก้าวร้าวและพูดจาไม่ให้เกียรติเธอและมณีจันทร์แม่ของเธอเสมอ แต่ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา มณีมันตราไม่แม้แต่จะปริปากพูดหรือเถียงเขาสักคำ ด้วยเพราะว่า ‘รัก’ คำเดียวที่ทำให้เธอยอม แต่นั่นมันแค่มณีมันตราคนเก่า ตอนนี้เวลานี้ มันจะไม่มีคนคนนั้นอีกแล้ว
“อย่าให้ฉันถึงขั้นต้องฟ้องหย่าเลยนะ”
“มีปัญญาเหรอ!”
“เดี๋ยวคุณก็ได้รู้ว่าฉันมีปัญญาหรือเปล่า เจอกันที่ศาลนะคะคุณพุก”
มณีมันตราไม่ได้เดินเข้าห้องอย่างที่ควรจะเป็น แต่เธอมุ่งตรงไปที่ประตูทางออกของบ้าน เพราะมัวแต่โกรธที่หญิงสาวมาขอหย่า พิธานจึงไม่ได้สังเกตว่าชุดที่เจ้าหล่อนใส่เป็นเดรส ไม่ใช่ชุดนอนเหมือนอย่างเช่นทุกวัน
“นี่เธอจะไปไหน”
“บ้านฉันไงคะ”
“บ้านไหน บ้านแม่เธอฉันก็ขายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
‘บ้านแม่’ ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายและเป็นความทรงจำทั้งชีวิตของเจ้าหล่อนและมณีจันทร์ ถูกคนใจร้ายตรงหน้าหลอกให้เซ็นขายให้คนอื่น ทั้งๆ ที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่าบ้านหลังนั้นมันเป็นเหมือนดั่งดวงใจของเธอ
“บ้านที่คุณหลอกให้ฉันขายไปต่างหาก ไม่ต้องห่วงฉันหรอกนะคะ ฉันมีที่อยู่ที่สะดวกสบายและปลอดภัยกว่าบ้านคุณแน่นอน”
ทันทีที่พูดจบ มณีมันตราก็รีบพาตัวเองเข้าไปในรถอย่างไว ก่อนสมองจะสั่งให้สองมือกดล็อกประตูรถ เพื่อ.. ให้เธอหลุดพ้นจากผู้ชายใจร้ายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี
“ไม่! ฉันไม่ยอมให้เธอไป เธอต้องอยู่กับฉัน ลงมาเดี๋ยวนี้นะหมอก!”
พิธานพยายามจะเปิดประตูรถ แต่มันก็ไร้ซึ่งประโยชน์ เพราะรถราคาเหยียบสามล้านที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของมณีมันตรา ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เจ้าหล่อนจากคนข้างนอกตัวรถได้เป็นอย่างดี
“ลาก่อนทุกอย่าง”
มณีมันตรามองกระจกส่องหลัง ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือพิธานที่ยืนอยู่บนถนนค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ แล้วก็เลือนหายไป ดั่งเช่นพิธานในใจของเธอตอนนี้ แทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว