เขามีนามว่า หวงเฟยหมิง
เขาเป็นองค์ชายแห่งแคว้นเว่ย เขาเป็นพระอนุชาเพียงคนเดียวขององค์หญิงแคว้นเว่ยที่มีนามว่า หวงเหม่ยเหลียน
เขากับเสด็จพี่มีกันแค่สองพี่น้องที่เกิดจากมารดาในอุทรเดียวกัน
เขาเดินทางข้ามแคว้นมากับภคินีของเขาเมื่อภคินีของเขาต้องมาแต่งงานหมายเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้นกับองค์ชายของแคว้นหยางเป่ยผู้มีนามว่า หยางจื้อเฉิง นั่นจึงทำให้เขากับองค์ชายหยางจื้อเฉิงค่อนข้างจะสนิทกันถึงแม้ว่าอายุของเราจะห่างไกล เพราะในยามนั้นเขาอายุได้เพียงเจ็ดขวบ ส่วนองค์ชายสี่หยางจื้อเฉิงอายุย่างยี่สิบปีเข้าไปแล้ว
ในวันหนึ่ง วันที่มีสตรีงดงามปานล่มเมืองผู้หนึ่งได้เดินทางมาหาองค์ชายหยางจื้อเฉิง วันนั้นเขาอยู่ไม่ไกลจากศาลากลางอุทยานภายในวังขององค์ชายสี่เขาได้ยินองค์ชายสี่หยางจื้อเฉิงเรียกสตรีนางนั้นว่าม่านเซียง
เขาพอจะดูออกว่าสตรีนางนั้นเป็นคนรักขององค์ชายหยางจื้อเฉิง และนางก็คงยังไม่รู้ว่าคนรักของนางกำลังมีองค์หญิงจากต่างแคว้นเดินทางมาเชื่อมสัมพันธ์
เขาแอบเห็นนางมาบอกกล่าวแก่องค์ชายหยางจื้อเฉิงว่านางกำลังตั้งครรภ์กับองค์ชายหยางจื้อเฉิง
เขาที่อยู่ใกล้ๆ กับศาลากลางอุทยานมีเพียงพุ่มไม้กางกั้นนั่นพลันได้ยินทั้งหมด เพราะว่าเขากำลังเดินทางมาเที่ยวเล่นกับองค์ชายหยางจื้อเฉิงตามวิสัยแต่ยังไม่ทันได้เข้าไป
เขาที่เป็นแค่เด็กชายตัวเล็กๆ หลังพุ่มไม้ที่สูงท่วมหัวจึงได้แอบเห็นทุกอย่าง ทุกการกระทำขององค์ชายหยางจื้อเฉิง
แต่เขาไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด
ด้วยอายุที่น้อยเกินไปใครไหนเลยจะเชื่อฟัง
นั่นจึงทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขารู้เรื่องพวกนี้
และแล้วไม่นานต่อมา
คนสามคนกับรักสามเศร้าของพวกเขาพลันเกิดขึ้น
พวกเขาทั้งสามก็ได้เจอกันตรงศาลานั่น
องค์ชายหยางจื้อเฉิงทรงเลือกที่จะเดินเข้าหาเสด็จพี่ของเขา ทั้งสองส่งยิ้มให้กันและพากันเดินไปโดยไม่สนใจสตรีนามว่าม่านเซียง
ยามนั้นเขาก็ได้แอบเห็นอีกเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็กอยู่ แต่ก็มิใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจอันใด
และต่อมา การเปลี่ยนถ่ายขั้วอำนาจแห่งราชวงศ์ของ หยางเป่ยก็เกิดขึ้น
เมื่อฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคต การกระทำอันโหดร้ายจึงไม่อาจหลีกเลี่ยง
เขาในยามนั้นที่อายุเพียงเจ็ดปีหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดไม่ ด้วยวัยที่ยังเด็กเกินไป แต่ถึงกระนั้นเขากลับรับรู้เรื่องราวและเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
องค์ชายหยางจื้อเฉิงกับเสด็จพี่เหม่ยเหลียนของเขาร่วมมือกัน
เพื่ออำนาจ เพื่อความยิ่งใหญ่ เพื่อการดำรงอยู่เหนือผู้ใด
เขาที่ยังอยู่ในวัยเด็กหาได้มีใครสนใจในตัวเขาไม่
เขาที่สามารถแอบหนีไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างแนบเนียนอยู่เป็นนิตย์ จึงได้แอบหนีออกมาจากวังตะวันตกของพระราชวังหยางเป่ยที่พำนักพักพิงชั่วคราวของเขา เพื่อลักลอบมาดูเหตุการณ์นองเลือดในครั้งนั้นอยู่ไกลๆ
เขาได้แอบเห็นสตรีนามว่า ม่านเซียง ได้รับการช่วยเหลือจากทหารนายหนึ่ง และเขาก็ยังคงไม่บอกกล่าวแก่ใครออกไป
หลังจากศึกนองเลือดได้จบลง ตระกูลหลิวทั้งหมดตายในกองเพลิงพร้อมกับจวนของพวกเขาที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง
และไม่นานต่อมา องค์ชายสี่หยางจื้อเฉิงก็ขึ้นครองราชย์ โดยมีเสด็จพี่เหม่ยเหลียนของเขาเป็นฮองเฮา
หลังจากนั้นเขาก็เดินทางกลับไปยังแคว้นเว่ยและอยู่ที่แคว้นเว่ยเสียหลายปี
แต่ทว่า...
เรื่องราวของสตรีนามว่าหลิวม่านเซียงยังคงคาใจ
เมื่อเขาโตขึ้นจนเป็นชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดย่างเข้าสิบแปดปี
เขามักจะออกเดินทางท่องเที่ยวโดยไม่สนใจใคร ไม่สนใจงานราชกิจช่วงชิงเอาหน้าเอาตา เขาชอบชีวิตอิสระ ไม่ชอบเรื่องของขั้วอำนาจอะไรทั้งนั้น จนได้ฉายาว่าเป็นองค์ชายเจ้าสำราญ
เขาได้เดินทางท่องเที่ยวข้ามแคว้นมาจนเจอกับป่าใหญ่แห่งนี้ และได้บังเอิญเจอเข้ากับดรุณีน้อยนางหนึ่ง
นางมีใบหน้าพริ้มเพรางดงามอ่อนหวาน คิ้วสวย ดวงตาเรียวโต ผิวพรรณขาวนวลเนียนดั่งหยกสลัก ถึงแม้จะแต่งกายด้วยอาภรณ์เป็นผ้าเนื้อหยาบสีหม่นทั้งเก่าทั้งขาดแต่ก็ไม่สามารถบดบังความงามของนางได้แต่อย่างใด
นางคล้ายกับพรายงามในป่าลึกลับ คล้ายกับของหายากที่เขาช่างโชคดีได้ประสบพบเจอ
นางกำลังจับปลาอยู่ในลำธารอย่างคล่องแคล่วว่องไว
เขาแอบมองนางจากบนต้นไม้อยู่ไม่ไกล
ยามนั้นนางน่าจะอายุได้แค่สิบขวบ
นางยังเป็นเด็กเล็กนัก นางอาศัยอยู่กับมารดาของนางเพียงลำพังในป่าใหญ่แห่งนี้
มารดาของนาง...
หลิวม่านเซียง
หากเขาไม่แอบตามนางมาอย่างนึกสนุกจนเจอเข้ากับบ้านของนางและแอบได้เห็นมารดาของนาง
เขาคงไม่อาจจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร
นางเป็นธิดาคนแรกของหยางจื้อเฉิง
นางเป็นถึงราชธิดาของฮ่องเต้แห่งแคว้นหยางเป่ย
หลังจากนั้นเขาจึงเดินทางมาคอยวนเวียน มาสอดส่องดูแลสองแม่ลูกอยู่ห่างๆ มิได้แสดงตัวตนแต่อย่างใด
ยามเมื่อมีบุคคลแปลกตาที่อาจจะเป็นภัยใกล้เข้ามาถึงตัวพวกนางสองแม่ลูก เขาจึงคอยขับไล่ให้ห่างไกล
เขาแอบสืบจนล่วงรู้ว่า ในวันที่เกิดเหตุนองเลือดครั้งนั้น ทหารที่ได้แอบช่วยเหลือสองแม่ลูกคู่นี้เอาไว้เป็นถึงท่านแม่ทัพใหญ่นามว่าเทียนฉิน และต่อมาท่านแม่ทัพผู้นั้นก็ตายไปจากศึกสงครามครั้งใหญ่เมื่อหลายปีก่อน
จนต่อมาในวันหนึ่งมารดาของสตรีนางนั้นได้ล้มตายไปอีกคน คงเหลือไว้แค่นางที่ยังคงยืนหยัดที่จะอาศัยอยู่ในป่าใหญ่เพียงลำพัง
ในยามนั้นนางอายุเพียงสิบสี่ปี
ในขณะที่เขาอายุได้ยี่สิบสองปี
เขาได้เฝ้ามองนาง แอบมองนางเติบใหญ่จากเด็กหญิงวัยเยาว์จนเข้าวัยดรุณีและวัยสาวสะพรั่งทีละเล็กทีละน้อย
จนใจชายเช่นเขาเริ่มที่จะเปลี่ยนไป