"เอาช็อกโกแลตลาวา 4 ชิ้นครับ"
ดวงตากับรอยยิ้มสดใสที่ยืนหน้าตู้กระจกที่เรียงรายด้วยขนมหวานและเบเกอรี่สารพัดชนิดมองมาที่ผม และรอให้ผมยื่นกล่องใส่เค้กลาวาที่สั่งประจำให้ด้วยสายตาเป็นประกาย
"ไม่ซื้ออย่างอื่นบ้างเหรอครับ? เค้กอย่างอื่นก็อร่อยนะ"
"ผมชอบแต่เค้กแบบนี้นี่ครับ" รอยยิ้มสดใสตอบกลับมา
"ขอบคุณครับคุณแมวเหมียว" เขาก้มหัวให้ผมแล้ววิ่งกลับไปที่รถจักรยาน วางกล่องเค้กที่ตะกร้าหน้ารถแล้วปั่นกลับไป
"พี่คิม เค้กนมสดนี่ของใครนะ ผมจะเขียนการ์ดแปะหน้ากล่องให้" เสียงเรียกดังมาจากหลังร้านที่กำลังเตรียมเค้กที่ลูกค้าสั่งไว้
"ของคุณอัญชลีนะสันต์ เขาจะมาตอนสี่โมงเย็น" ผมหันกลับไปตอบน้องชาย
"โอเคคร้าบพี่"
ขอโทษที่แนะนำตัวช้า ผมไม่ได้ชื่อแมวเหมียวนะ ผมชื่อคิมหันต์ เรียกว่าคิมก็ได้ แต่ที่ด้านในข้อมือขวาผมมีรอยสักรูปแมวอยู่ตัวหนึ่ง เป็นแมวที่ผมเคยเลี้ยงตอนเด็ก ๆ พอมันตายจากไปผมเลยสักรูปมันไว้
ผมเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ เดอ มองค์ และเป็นปาติซีเย่ (pâtissier คนทำเบเกอรี่) ด้วย ร้านผมดังหรือเปล่าไม่รู้นะ แต่ลูกค้าประจำเยอะพอสมควร ประมาณว่าลูกค้าเข้าร้านไม่ขาดสายน่ะแหละ นี่เรื่องจริง ไม่ได้โม้!!
"พี่คิมคะ"
เสียงหวานใสจากสาวน้อยคนหนึ่งที่มาที่ร้านทุกเย็น เธอน่ารักจริง ๆ นั่นแหละ ปากนิด จมูกหน่อย แก้มสดใสอมชมพู ดวงตาโตดำขลับ แต่เธอไม่ได้มาซื้อขนมหวานอย่างเดียวนี่สิ
"พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ไปเดทกันนะ" เธออ้อนแบบนี้ทุกวันศุกร์หรือวันเสาร์
"มะเหงกแน่ะยัยฟ้า เธอจะให้ฉันโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เหรอ? แก่แดดมากไปละ หัดทาครีมกันแดดมั่งนะ ซื้อเค้กแล้วกลับไปบ้านเลยป่ะ" ผมโบกมือไล่อบ่างไร้เยื่อใยกับเด็กสาวอายุ 17 ตรงหน้า
"โหพี่ ยืมปากไอ้เป๊ปซี่มาพูดเหรอ!" เธอทำหน้าคว่ำ ค้อนใส่ผมจนหลบแทบไม่ทัน
เธอด่าว่าผมปากหมาประจำ อ้อ! ไอ้เป๊ปซี่คือหมาที่เธอเลี้ยงที่บ้านน่ะ มันไม่ชอบหน้าผมเท่าไหร่ และผมก็ไม่ชอบมันพอกัน
"ฉันไม่ได้ปากยาวเหมือนไอ้เป๊ปซี่สักหน่อย หน้าฉันออกจะหล่อ เหมือนหมาตรงไหนวะ?" ผมเถียงกลับและชี้หน้าตัวเองยืนยัน
"ฟ้าหมายถึงคำพูด! พี่พูดแบบนี้กับลูกค้าได้ไงเนี่ย!" เธอโวยวายใส่ผมที่ผมไม่ยอมลงให้เหมือนน้องชายผม
"ถ้ากับลูกค้าจริง ๆ ฉันพูดสุภาพอยู่แล้ว แต่เธอนี่ เรียกว่าลูกค้าได้เหรอ? มาซื้อเค้กชิ้นนึง ขอแถมเป็นสิบชิ้น ถึงไม่ให้ก็เดินไปเอาเองที่หลังร้าน แบบนี้ฉันควรสุภาพกับเธอเรอะ!!"
ผมด่าไปด้วยบ่นไปด้วยกับเด็กสาวที่นับได้ว่าเป็นญาติห่าง ๆ ฟ้า หรือนภาพร เป็นลูกสาวของลุงที่เป็นลูกของน้องชายของปู่ที่เป็นลูกชายของปู่ของปู่ของปู่ผมอีกที งงมั้ยครับ ผมนับญาติถูกมั้ยวะเนี่ย? เริ่มจะงงเอง พูดง่าย ๆ คือ เรามีปู่ของปู่ทวดคนเดียวกันนั่นแหละ และเพราะตระกูลเรามีพี่น้องไม่มากการนับญาติจึงจำได้ง่าย
ฟ้ามองผมอย่างเคือง ๆ แล้วสะบัดหน้าเดินผ่านผมไปหลังร้าน และไปอ้อนน้องชายผมแทน ตามที่คิด เธอกลับมาจ่ายเงินให้ผมเท่าราคาเค้ก 2 ชิ้น แต่ในกล่องใหญ่นั่น ผมคิดว่ามีเค้กอย่างน้อยก็ 4-5 ชิ้นล่ะ
"ไอ้สันต์ มึงหลงคารมนังฟ้าอีกแล้วเหรอ?"
ผมหันกลับไปด่าน้องชายที่เป็นคนทำขนมอบอย่างขนมปัง ครัวซองต์ พาย และมาการองกับคุกกี้ ส่วนผมจะทำพวกสารพัดเค้ก ชีสเค้ก เครปเค้ก คัพเค้กอะไรพวกนี้
"เอาน่า ยังไงมันก็เป็นน้องเรานะ" วสันต์หัวเราะ
เจ้านี่ใจดีกับเด็กสาวเสมอ แถมเอาใจเก่งจนสาวหลงมันทั้งหมู่บ้าน ทั้งหน้าตาหล่อแบบโอปป้าเกาหลี ทั้งคารมหวาน ตรงข้ามกับผมยังกะฝ่ามือกับหลังเท้า
ผมมีดีแค่สูงเท่านั้นแหละ หน้าตาผมก็หล่อนะ แต่สู้มันไม่ได้ ตาผมออกจะดุ แถมไว้เคราสั้นที่ปลายคางยิ่งทำให้หน้าผมดุ ผมใส่ตุ้มหูแบบห่วงตั้งสองข้าง เสื้อเชฟผมไม่เคยติดกระดุมคอ โชว์สร้อยหนังสีดำ แขนเสื้อพับถึงศอกโชว์รอยสักที่ข้อมือ แล้วผมยังปากหมาด้วย แม่ชอบว่าผมทำตัวเซอร์ยังกะพวกสายอาร์ทติส ไม่รู้ว่าเรียนจบเป็นปาติซีเย่ได้ยังไง ก็ผมชอบของผมแบบนี้นี่นา
แต่ถึงจะเซอร์แบบนี้ ผมรับประกันรสชาติของเบเกอรี่ผมนะ ผมชนะการแข่งปาติซิเย่ระดับโลกมาแล้วตั้ง 3 รางวัล ชนะการแข่งระดับประเทศอีก 1 รางวัล ที่เหลือแพ้เส้นลูกไฮโซ ช่วยไม่ได้ ผมไม่ยอมจ่ายค่าเหล้าให้พวกกรรมการนี่ เลยแพ้คะแนนไป แต่ช่างเถอะ ผมไม่สนเรื่องพวกนั้นหรอก ที่ยอมไปแข่งเพราะแม่แอบส่งชื่อผมไปต่างหาก
"คิม"
ใครเรียกอีกวะ? กำลังโม้เรื่องตัวเองอย่างเมามันเนี่ย
"ไอ้คิม!!" เสียงตะโกนดังข้างหูจนผมสะดุ้ง
"ห๊ะ! อะไร ไอ้เหี้ยกาย เรียกซะกูตกใจ" ผมดันหน้ามันออกไปให้ห่าง
"กูเรียกมึงหลายรอบละ มึงเอาแต่ยืนทำหน้าเอ๋อเป็นหมากินยาขมอยู่ได้"
ไอ้กาย หรือการิน เพื่อนรักผมที่คบกันมานาน มันปากหมาพอ ๆ กับผมแหละ แต่มันต่างกับผมที่มันเป็นเพลย์บอยตัวพ่อด้วย
"เออ กูคิดไรเพลินไปหน่อย แล้วมึงเสนอหน้ามาหากูนี่มีธุระอะไร?"
"ไอ้เหี้ยคิม กูมาหามึงนี่ต้องมีธุระด้วยเหรอวะ? หรืออีกหน่อยกูต้องโทรมานัดเวลากับเลขามึง ถึงมาหามึงได้" ฟังมันประชดผมสิครับคุณผู้โชมมม เอ๊ย! คุณผู้อ่าน
"กูจะมาชวนมึงไปเที่ยวคืนนี้ ตกลงว่ามึงไม่ไปใช่ป่ะ กูจะได้ไปชวนคนอื่น"
ฟังมันพูดสิครับ ชวนเอง ตอบเองเสร็จสรรพ
"ไปสิวะ เรื่องแบบนี้กูไม่พลาดแน่" ผมกอดคอมันแล้วจูบแก้มไปทีหนึ่ง
"เย้ยย!! ไอ้เหี้ยคิม!! มึงรีบออกไปให้ห่าง ๆ กูเลยนะ ขนลุกว่ะ" การินกระโดดหนีไปยืนหน้าร้าน มือลูบแขนตัวเองพร้อมทำหน้าแขยง
"กูล้อเล่น มึงก็จริงจังไปได้" ผมยืนหัวเราะมันจนปวดท้อง
ไอ้การินมันสายอาร์ทติสตัวจริง ตัวมันเตี้ยกว่าผมหน่อย และบางกว่า มันกลัวผมปล้ำมันจะตาย แต่ถึงอย่างนั้น เราก็คบกันแบบเพื่อนมากว่า 10 ปีแล้ว มันเป็นคนเดียวที่รู้ใจผมที่สุด มากพอกับที่ผมรู้ใจมัน
"เออ งั้นคืนนี้กูจะมารับ แล้วแม่มึงจะไม่ด่ากูใช่ป่ะ?" มันถามแบบไม่ค่อยแน่ใจ เพราะรู้ว่าตอนนี้แม่ผมกลับมาจากต่างประเทศแล้ว
"มึงยังกลัวแม่กูอีกเหรอวะ? ไม่มีปัญหาน่า" ผมรับรองหนักแน่น ไอ้กายพยักหน้าแล้วกลับไป
ผมยังจำได้ ตอนเรียนมอห้า ผมปีนหน้าต่างห้องนอนออกมาตอนห้าทุ่ม หนีไปเที่ยวกับไอ้กายที่มารอรับ พอแม่ผมจับได้ เราโดนทั้งคู่ครับ ยืนยกขากางแขนเทินถังน้ำบนหัวที่หน้าบ้านประจานชาวบ้านเกือบทั้งวัน แต่ผมไม่เข็ดครับ อีกครั้งที่แม่จับได้ เราโดนหวดก้นด้วยไม้เรียวที่หน้าบ้านทั้งคู่เลย เพราะงั้น ไอ้กายมันถึงกลัวแม่ผมที่สุดในโลก
ผมไม่ได้ไปเที่ยวกับมันนานพอสมควรละ เพราะหน้าที่การงานของเรานี่ล่ะ ผมมาเปิดร้านเบเกอรี่ ไอ้กายมันไปบริหารบริษัทที่จัดหาตัวประกอบหนังกับพรีเซนเตอร์โฆษณาของพ่อมัน
เอาเป็นว่า ผมขอจบโปรไฟล์ผมแค่นี้นะครับ บ๊ายบาย จุ๊บจุ๊บ
-------------------------