ความสูงใหญ่ของเสือที่สูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ผิวพรรณขาวเหลืองติดคล้ำแดดหน่อย ๆ ตามประสาคนไม่เกี่ยงงาน ยามที่เดินอยู่ในระยะใกล้กับคุณหนูเจ้าขา ทำให้นายเสือไม่ต่างจากยักษ์ปักหลั่นที่คอยตามอารักขาโฉมงามตัวน้อยเลย
“อ๊ะ!” เสียงครางเบา ๆ ของคนที่เขย่งปลายเท้าไปจับกระถางแคคตัสที่วางอยู่ชั้นบนสุด ทำให้เสือที่กำลังก้มมองต้นไม้อีกฝั่งรีบหันมารับร่างคุณหนูซึ่งข้อเท้าพลิกเสียหลักมาไว้ในอ้อมแขน
“เป็นอะไรไหมครับ ถ้าจะเอากระถางข้างบนก็บอกผมสิครับ” เจ้าของใบหน้าคมคร้ามสไตล์ไทยแท้หลุบสายตาที่ส่อแววดุดันจับจ้องคุณหนูราวกำลังดุเธออยู่ ทำเอาเจ้าขาถึงกับหน้าเสีย
“นายเสือ...นายดุเจ้าขาเหรอ ก็นายเสือไม่ดูเจ้าขานี่ ชั้นมันสูงขนาดนั้น เจ้าขาก็ตัวแค่นี้”
คุณหนูน้อยขึ้นเสียงกลับแล้วทำหน้าง้ำ เล่นเอาเสือถึงกับลอบกลืนน้ำลายอยากตบปากตัวเองนัก เขากล้าดุใส่ลูกสาวเจ้านายได้ยังไง วอนตกงานชัด ๆ
“ผมขอโทษครับ ผมตกใจไปหน่อยกลัวว่าคุณหนูจะหกล้มจนเป็นแผล ผมไม่ได้ตั้งใจจะดุคุณหนูนะครับ แต่...เสียงมันไปเอง” เสือพยายามอธิบายเจตนาของเขา เมื่อครู่เขาตกใจจริง ๆ เพราะกลัวเธอจะหกล้มจนบาดเจ็บเข้า
“อืม...แต่เจ้าขาเจ็บข้อเท้า” คุณหนูเอ่ยเสียงอ่อนลง ทำให้เสือหลุบสายตาไปยังข้อเท้าข้างที่เธองอขาไว้
“โธ่! ถ้าอย่างนั้นไปนั่งพักตรงม้านั่งยาวก่อนนะครับ” เสือบอก ก่อนจะช้อนร่างของคุณหนูขึ้นอุ้มแนบอกกำยำทำเอาเจ้าขาถึงกับเบิกตาโตทุบกำปั้นใส่แผ่นอกเขาทันที
ปึก!
“นายเสือจะทำอะไรน่ะ อุ้มเจ้าขาทำไม” คุณหนูร้องถาม ใบหน้าอ่อนหวานดูตื่นตระหนกไม่น้อย
“กะ...ก็คุณหนูเจ็บเท้านี่ครับ” เสือว่า นอกจากดุเธอแล้ว เขายังกล้าอุ้มเธอด้วยสินะ เขามันบ้าไปแล้วจริง ๆ ถึงได้ทำคุณหนูหัวเสียไม่หยุดหย่อน
“แต่ว่า...” เจ้าขารู้ว่าตัวเองเจ็บข้อเท้ามากก็จริง แต่การที่จู่ ๆ ก็ถูกคนขับรถอุ้มขึ้นอย่างง่ายดายแบบนี้มันดูไม่เหมาะ
“ใกล้ ๆ เองครับ อย่าดื้อเลยนะครับ” เสือตัดบทเสียอย่างนั้น เพราะยังไม่อยากปล่อยร่างนุ่มให้ห่างจากอ้อมแขนไปง่าย ๆ
“งั้นก็เร็ว ๆ สิ” เธอว่า ทำให้เขาขยับยิ้ม แล้วพาคุณหนูไปนั่งพักทันที